ความคิดปรุงแต่ง คือ อะไร ?


หยุดความคิดปรุงแต่ง ละเว้นจากการแสวงหา ปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น

 

 

       ไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) ถึงแม้จะมาด้วยกัน พิจารณาด้วยกัน แต่สิ่งที่เห็นและวางยากที่สุดสำหรับผมแล้ว คือ "อนัตตา" 

        อนิจจัง สิ่งปรุงแต่งทั้งปวง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา ก็พอเห็นบ้าง

        ทุกขัง สิ่งปรุงแต่งทั้งปวงเป็นทุกข์ ก็พอเห็นนิด ๆ เพราะจิตปรุงแต่งคราใด สุดท้ายก็ลงท้ายว่าทุกข์ร่ำไป

         ส่วนเจ้า "อนัตตา" นี่ตัวดีนัก เผลอคราใด ก่อตัว "เรา" ขึ้นมาทุกคราไป ถ้า้เผลอแล้ววางช้า หรือวางไม่ได้ เป็นโดนเล่นงานอีกหลายขนาดแน่ ๆ เลย

         ถึงแม้จะพอเข้าใจได้บ้างในตอนแรกนั้น ก็ยากนักที่จะเห็นและวางตัวตนได้ ต้องตะลุมบอลกันอยู่หลายเพลงพระสูตร ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ อยู่เป็นพัลวัน

 

 

        แต่ก่อนก็กอดคำภีร์ "มหามุทราอุปเทศ" เป็นหลักในการต่อสู้ครับ ปีนี้โชคดีได้สุดยอดพระสูตรมาเิ่พิ่มพลังวัตรอีก นั่นคือ "คำสอนท่านฮวงโป" ทำให้ออกอาวุธหนัก ๆ ต่อสู้ สูสีกับเจ้ากิเลสตัณหาได้ดีขึ้นบ้างครับ

        ด้วยความลึกล้ำของพระสูตรทั้งสอง เป็นการยากมากที่ผมจะเข้าถึงแก่นแท้ จึงได้แต่มั่ว ๆ ไปตามบุญวาสนา

จึงขอสรุปแก่นคำสอนของท่านฮวงโป แก่น ๑ ไว้เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประมาณว่า ..

 

หยุดความคิดปรุงแต่ง
ละเว้นจากการแสวงหา
ปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น

 

 

คำถามที่น่าสนใจ:

 1. ความคิดปรุงแต่ง คือ อะไร ?  หยุดได้หรือไม่อย่างไร ?

 2. ความคิดปรุงแต่ง กับ ปัญญา เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ?

 3. เมฆดำ กับ เมฆขาว ที่ต่างก็บดบังดวงอาทิตย์อยู่เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ?

 

 


หมายเลขบันทึก: 448495เขียนเมื่อ 11 กรกฎาคม 2011 00:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม 2014 13:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

  จากคำสอนท่านฮวงโป..

ถ้าเขาเองเพียงแต่หยุดความคิดปรุงแต่ง และหมดความกระวนกระวายเพราะความแสวงหาเท่านั้น พุทธะก็จะปรากฏตรงหน้าเขา เพราะว่าจิตนี้ก็คือพุทธะนั่นเอง

 

 

ถ้าหากพวกเธอเพียงแต่สามารถปลดเปลื้องตนเอง ออกมาเสียจากความคิดปรุงแต่งเท่านั้น พวกเธอจะประสบความสำเร็จทุกอย่าง

 

 

ทาง ทางโน้น มุ่งทำความก้าวหน้าโดยสัญญาต่าง ๆ ของเธอ โดยการดู การฟัง ความรู้สึก และนึกคิดอยู่ เมื่อถูกหลอกโดยสัญญาต่าง ๆ ของเธอเสียแล้ว ทางที่เธอจะเดินตรงไปยังจิตโน้น ก็จะถูกตัดขาดออก และเธอก็จะหาทางเข้าไ่ม่พบ

 

จิตไม่ใช่สิ่งอื่นซึ่งอาจนำเอาไปแสวงหาสิ่งอื่น นอกจากจิต เพราะถ้าทำัดังนั้นแม้เวลาล่วงไปแล้วเป็นล้าน ๆ กัป วันแห่งความสำเร็จก็ยังไม่โผล่มาให้เห็นอยู่นั่นเอง การทำตามวิธีนั้นไม่สามารถจะนำมาเปรียบเทียบกันได้กับวิธีแห่งการขจัดความ คิดปรุงแต่งโดยฉับพลัน ซึ่งนั่นแหละ คือ ธรรมอันเป็นหลักมูลฐาน

 

 

มันต้องทำการป้องกันไม่ให้ความคิดปรุงแต่งเกิดขึ้นมาให้ได้เท่านั้น ที่พวกเธอจะรู้แจ้งเห็นจริงต่อโพธิ และเมื่อเธอทำได้ดังนั้น เธอก็จะเห็นแจ้งต่อพุทธะซึ่งมีอยู่ในจิตของเธอตลอดเวลาได้จริง

 

 

ถ้าพวกเธอซึ่งเป็นนักศึกษาเรื่องทางโน้น ปราถนาที่จะเป็นพุทธะ พวกเธอต้องไม่ศึกษาคำสอนใด ๆ ทั้งหมด จงเรียนแต่เพียงว่าทำอย่างไรจึงจะเว้นขาดจากการแสวงหา ข้อนี้ ความหมายว่า จิตไม่เกิดไม่มีการยึดมั่นถือมั่นอยู่และไม่ถูกทำลายนั่นแหละคือ พุทธะ

 

เดี๋ยวจะเอาไปใช้มั่งครับอาจารย์...เผื่อมันจะหายฟุ้งซ่านจากเรื่องไร้สาระ...

หนูก็อ่านมาเหมือนกันค่ะ.....อิอิ

แต่สำหรับในความคิดของหนูที่หนูได้พิจรณาและไตรตรองเป็นอย่างดีแล้ว หนูได้มีการมองว่ามันหน้าจะมีเนื้อหาโดยประมาณว่า

"ต้องละจากการแสวงหาทั้งภายในและภายนอก

แล้วความคิดก็จะหยุดไปเอง...☺"

จริงๆแล้วเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ คนที่อ่านไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยการนึกคิดหรือคาดเดาเอาเอง อันเนื่องด้วยว่ามันได้เป็นสภาวะไปแล้ว

หรือ จิตได้มีการดำเนินการแล้วนั้นเอง...‼...การที่จะสามารถเข้าใจถึงความหมายโดยแท้จริงนั้น...เราควรที่จะมีการปฏิบัติจริงหรือลงมือปฏิบัติลงไปแล้วจริงๆ

............แล้วแต่จะพิจารณานะค่ะ..........‼

นมัสการพระคุณเจ้า

 

เมื่อวานนี้ กระผมพึ่งได้หนังสือเล่มนี้มาจากการสั่งออนไลน์ เมื่อคืนนี้ได้อ่านทบทวน และฝึกปฏิบัติตามอย่างช้า ๆ พบว่า ดีขึ้นมากเลยครับผม

 

 

สวัสดีครับ น้องนภา,

"ต้องละจากการแสวงหาทั้งภายในและภายนอก

แล้วความคิดก็จะหยุดไปเอง...☺"

จริงๆแล้วเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ คนที่อ่านไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยการนึกคิดหรือคาดเดาเอาเอง อันเนื่องด้วยว่ามันได้เป็นสภาวะไปแล้ว

หรือ จิตได้มีการดำเนินการแล้วนั้นเอง...‼...การที่จะสามารถเข้าใจถึงความหมายโดย แท้จริงนั้น...เราควรที่จะมีการปฏิบัติจริงหรือลงมือปฏิบัติลงไปแล้วจริงๆ

 

  • ขอบคุณมากครับที่กรุณามาแลกเปลี่ยน อ่านแล้วน่าสนใจยิ่งนักจะนำไปใคร่ครวญปฏิบัติต่อครับ

 

ความคิดปรุงแต่ง คือ ความไม่รู้จักสิ่งทั้งปวงตามที่เป็นจริง แล้วก็เกิดความคิดขึ้นเป็นรูปต่าง ๆ เืรื่อยไป ด้วยอำนาจของความไม่รู้ ผสมกับอำนาจของสิ่งแวดล้อมปรุงแ่ต่งอยู่

 

โดย ท่านพุทธทาสภิกขุ

หายไปนานเลยนะครับ...อาจารย์ คงจะมีภารกิจเยอะ

นมัสการพระคุณเจ้า

ช่วงหลังนี้เขียนน้อยลง
เมื่อมีความคืบหน้า (โดยเฉพาะทางธรรม) ก็จะนำมาบันทึกไว้ครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์ ด้วยความรู้อันน้อยนิดขอแสดงความคิดด้วยคนนะค่ะ ความคิดปรุงแต่งนั้นสามารถหยุดได้ถ้าเรามีสติ ระลึกได้อยู่ตลอดเวลาค่ะ

ความคิดปรุงแต่งนั้นสามารถหยุดได้ถ้าเรามีสติ ระลึกได้อยู่ตลอดเวลา

 

น่าสนใจยิ่งนักครับ

สวัสดีค่ะ

แวะมาอ่านบันทึกนี้ค่ะ

อ่านบันทึกนี้แล้วได้ข้อคิดดีมากๆ ค่ะ

ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้นะคะ

ขอบคุณค่ะ^^

สวัสดีค่ะ อาจารย์สุรเชต

ความคิดปรุงแต่ง คือ  ความคิดฟุ้งซ่าน ไม่มีเหตุมีผล เป็นเหตุให้เกิดความโลภ โกรธ  หลงหากอยากหลุดพ้นจากบ่วงกรรมนี้ควรปฏบัติให้เหมือนกับ....

   กระจก....ไม่เลือกที่จะสะท้อนภาพทุกชนิด ฉันใด

   จิตใจ.... จงเอาเยี่ยงอย่างกระจก

   กระจก.... รับรู้แต่ไม่ยึดถือครอบครอง

   ดังนั้น.....จึงไม่มีภาพใดๆ หลงเหลือติดอยู่ในกระจก

   สายฝน...ในกระจก  หาได้เปียกกระจกไม่

   เปลวไฟในกระจก..... ก็หาได้เผาลนกระจกไม่

          ทั้งนี้เพราะกระจกไม่ได้ให้อำนาจ  แก่  สายฝน  และเปลวไฟ  ดังนั้นจงทำจิตใจของท่านให้เป็นดุจการรับรู้ของกระจก เพราะถ้าหากจิตใจของท่านหลงยึดถือเป็นทาสของกิเลสเมื่อใด  ความทุกข์ ความเศร้าหมองใจย่อมตามมาเมื่อนั้น  นี่คือมรรควิธีแห่งการพิจารณา  และรับรู้สรรพสิ่งด้วยใจที่สงบบริสุทธิ์ว่างเปล่าจากการปรุงแต่ง

อ้างอิง ทัสสี  ภิกขุ

 นางอัญชลี  คชอาจ  รหัส  54050580027 เอกการบริหารการศึกษารุ่น 10 

 ศูนย์อุบลราชธานี

นางสาวนาตยา โสรินทร์

สวัสดีคะ อาจารย์สุรเชต

เห็นด้วยกับคำว่าจิตปรุงแต่ง จิตปรุงแต่งคือการคิด ความคิดที่เกิดขึ้นกับทุกคนและเมื่อใดแล้วที่เราคิดถึงสิ่งใดก็ตาม ปรุงแต่งว่าเราสุขบ้างเศร้าบ้าง ทั้งที่จริงๆแล้วก็มีทั้งสองอย่าง เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่ต้องพบทั้งความสุขและทุกข์แต่เมือใดที่เราไปปรุงแต่งจิตปรุงแต่งความคิดว่าสุขแล้วก็จะกลัวความทุกข์เมื่อทุกข์ก็จะต้องการความสุข ใจจึงไม่เป็นสุขสักที ฉะนั้น ความสบายใจที่เกิดจากการปล่อยวางได้ทุกสิ่ง ด้วยการกำจัดอวิชชา ด้วยการเปลี่ยนความไม่รู้เป็นความรู้แจ้ง นับเป็นความสบายขั้นสูงสุดเหมือนคำกล่าวในหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า เก็บเสบียงไว้เลี้ยงตัว ในบทหนึ่ง มีความว่า “ความสบายใจ เป็นสิ่งแรกที่ควรมี ระหว่างชีวิตยังไม่สิ้น และเป็นสิ่งสุดท้ายที่ต้องมี ขณะสิ้นชีวิต

ชื่อนางสาวนาตยา โสรินทร์ รหัสนิสิต 54050580009 คณะศึกษาศาสตร์ สาขาบริหารการศึกษา ศูนย์อุบลราชธานี รุ่น 10

ชื่อนางสาวมนัสวี ติณะรัตน์ รหัสนิสิต 54050580013 คณะศึกษาศาสตร์ สาขาบริหารการศึกษา ศูนย์อุบลราชธานี รุ่น 10

สวัสดีคะ อาจารย์สุรเชต

การหยุดคิดปรุงแต่ง หรือหยุดจิตปรุงแต่ง ฟังดูแล้วแสนง่ายไม่น่ายากแต่ประการใด ตามความเป็นจริงแล้วเป็นหัวใจในการปฏิบัติ และกลับปฏิบัติได้ยากแสนยากเพราะเป็นสังขารอันสั่งสมไว้อย่างแก่กล้าไม่รู้ว่านานมาสักกี่ภพกี่ชาติมาแล้วนั้น และทั้งยังต้องมีสติระลึกรู้เท่าทันทั้งในเวทนา(ของสังขารคิดปรุงแต่ง)หรือจิตที่เกิดขึ้น ตลอดจนปัญญาที่เป็นผู้จัดการปัญหา แต่ก็ล้วนสามารถสั่งสมอบรมสังขารใหม่ให้เกิดความชำนาญหรือวสีได้, โดยเฉพาะการคิดปรุงแต่งที่เกิดในชรา คือขณะกำลังเสพเสวยความทุกข์อันเร่าร้อนอยู่ โดยมีกำลังอันกล้าแข็งของอุปาทาน ได้ครอบงำไว้แล้วด้วยอิทธิฤทธิ์อันแรงกล้าที่ครอบสรรพสัตว์มาได้ตลอด กาลนาน เมื่อพยายามหยุดการปรุงแต่งจึงมักหยุดไม่ได้เป็นธรรมดาทั้งที่รู้และพยายามหยุดการปรุงแต่งแต่ก็ยังวนเวียนปรุงแต่งอยู่ตลอดเวลา แม้จะช้าหรือทิ้งช่วงไปบ้างก็ตาม แต่สำหรับนักปฏิบัติที่เข้าใจปฏิจจสมุปบาทอย่างแจ่มแจ้งจะมีกำลังของปัญญา ที่เกิดการสั่งสมเข้าใจและจากประสบการณ์ในการปฏิบัติอย่างแจ่มแจ้งถึงความเป็นเหตุปัจจัยกัน จึงมีกำลังของจิตอันเกิดแต่ปัญญาที่รู้ว่าทุกข์เหล่านี้เกิดแต่เหตุใดอย่างมั่นใจจึงมีความพยายามหรือมีกำลังของจิตมากกว่าในการหยุดการปรุงแต่งเหล่านั้น ถึงจะยังเกิดขึ้นบ้างก็อยู่ได้ไม่นานเหมือนปุถุชน อันเกิดแต่ความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ในปฏิจจสมุปบาทกระบวนธรรมของจิตในการเกิดขึ้นและดับไปแห่งทุกข์อย่างมั่นคงไม่โยกคลอนดุจดั่งเสาเข็มริมเขื่อนแล้วนั่นเอง

สาธุ สาธุ เคล็ดวิชาของกัลยาณมิตรแต่ละท่านไม่ธรรมดายิ่งนัก


เมื่อไม่มีอะไร เลยไม่ได้ปรุงแต่ง สิ่งที่ปรากฏ รับรู้เท่านั้น สักแต่ว่า ผู้รับรู้ก็ไม่มี สิ่งที่ปรากฏเลยไม่มีความหมาย กระจกก็ไม่มี จะหาคำพูดใดอธิบายได้

หยุดปรุงแต่ง คือ หยุดคิด  เมื่อหยุดคิด ก็ไม่ปรุงแต่งว่า ดี เลว สุข ทุกข์  สวยงาม อสุภะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท