แม้ว่าวันแม่ปีนี้จะไม่มีพวงมาลัยสวยๆมามอบให้แม่ แต่สิ่งที่ลูกๆอย่างเราปฏิบัติกันเป็นประจำทุกปี คือ พาแม่ไปทานข้าวนอกบ้าน (แม้ปีนี้จะไม่มี "เจ้าหมู" น้องชายที่จากไปไม่มีวันกลับก็ตาม)...
ครั้งนี้ "เจ้าเอ๋" เป็นต้นคิดพาแม่ไปทานอาหารญี่ปุ่น โดยให้เหตุผลว่า แม่ยังไม่เคยทาน (ทั้งๆที่แม่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นมาแล้ว) แต่เหตุผลที่ซ่อนไว้อยู่ในใจ (เจ้าเอ๋) น่าจะมาจากเมื่อปลายเดือนที่แล้ว เธออยากทานอาหารญี่ปุ่น
แต่แม่กับเราอยากทานซิสเลอร์มากกว่า แล้วเราก็เป็นฝ่ายชนะ แม้ว่าต้องยืนรอคิวเกือบชั่วโมงก็ตาม
พวกเราไปฉลองวันแม่กันที่ห้างดังแถวรังสิต พบ ปะผู้คน (ที่เราไม่รู้จัก) มากมาย แต่ดูๆไปน่าจะเป็นวันเด็กซะมากกว่า เพราะเด็กๆเยอะเหลือเกิน...
มองไปทางไหน...ก็เห็นคุณแม่อุ้มคุณลูก
เปิดวิทยุ โทรทัศน์...ก็มีแต่เรื่องดีๆระหว่างคุณแม่กับคุณลูก
แล้วทำไมเราถึงรู้สึกเศร้าจัง...
เราก็อยู่พร้อมหน้าพร้อมตานี่...นี่ไงแม่...นี่ไงเอ๋...
แล้วทำไม...เกิดอะไรขึ้น...เราได้แต่เฝ้าถามตัวเองอยู่ในใจ
หรืออาจเป็นเพราะ...
เราไม่มีลูก...จะบอกว่าไม่เคยก็ไม่ถูก...เอาเป็นว่า...เคยมีแต่เขาอยู่กับเรา (ในท้อง) เพียงแค่ 2 เดือน แล้วก็จากไป...
การสูญเสียครั้งนั้น มันก็ล่วงเลยมาหลายปีแล้ว แต่ก็อดสะเทือนใจ (ปนอิจฉา) ไม่ได้ เมื่อเห็นมือเล็กๆโอบกอดคอแม่...ส่งเสียงเรียก "แม่จ๋า...แม่จ๋า..."
.....................................................................
แต่แล้วในวันหนึ่ง ฟ้าที่มืดมนก็สดใสขึ้นอีกครั้ง...
ไม่ใช่เพราะว่า เรามีลูกคนใหม่...
แต่เป็น...
เด็กผู้หญิงวัย 2 ขวบกว่าๆ ตัวอ้วนกลม แก้มป่อง พูดจาฉะฉาน แต่กลัวพลุเป็นที่สุด
ถึงขนาดถามคุณแม่เมว่า...
"แม่ขา...มีพระกันพลุไหมคะ"
"หนูชื่อเนมี่ค่ะ" เจ้าตัวน้อยส่งเสียงเจื้อยแจ้วในยามที่ใครๆถามถึงชื่อของเธอ
เนมี่...เป็นเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บป่วย เพราะคุณตาและคุณยายมักพาไปเดินเล่นในสวนสมเด็จฯซึ่งอยู่ใกล้ๆบ้าน หรือไม่ก็ว่ายน้ำในสระส่วนตัว (ซึ่งได้รับความเอื้อเฟื้อจากคุณยายโมง)
เจ้าตัวน้อยคนนี้มักไม่ค่อยทำให้คนอื่นเสียน้ำใจ อย่างเช่น...
ในยามซื้อขนมไปฝาก และเธอก็มองขนมด้วยความสนใจ แต่เนื่องจากเป็นเวลาเย็นแล้วและไม่แน่ใจว่า เธอทานข้าวแล้วหรือยัง จึงถามเธอว่า...
"เนมี่...ทานข้าวหรือยังคะ?"
"ทานแล้วค่ะ ทานกับปลาดุก" (ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทาน) เธอตอบพร้อมปรายตามาที่ถุงขนม และเมื่อเห็นว่า เธอทานข้าวแล้ว จึงหยิบขนมให้ 1 ชิ้น จากนั้น เธอกัดขนมไป 1 คำ (กลัวป้าไก่เสียใจ) แล้วส่งคืน พร้อมบอกว่า...
"ขนมอร่อยจัง แต่เนมี่ยังไม่ได้ทานข้าว ขอฝากไว้ก่อนนะ" (ตามกติกาต้องทานข้าวให้เสร็จก่อนถึงจะทานขนมได้ รีบกลับไปทานข้าวแล้วจะกลับมากินขนมต่อ)
นอกจากนี้ เจ้าตัวน้อย...ยังรัก เลม่อน น้องสาววัยยังไม่ถึงขวบของเธอเป็นที่สุด เห็นได้จาก...
เมื่อใครๆบอกให้แบ่งขนมให้น้อง เธอก็ตอบอย่างทันควันว่า "ไม่แบ่งให้หรอกค่ะ น้องยังไม่มีฟัน กินไม่ได้หรอก" (เป็นความหวง เอ๊ย ห่วงใยน้องนะคะ...กล้วขนมจะติดคอน้อง)
......................................................................
สัมพันธภาพระหว่างสองสาวต่างวัยนับวันก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น...
เพียงแค่ได้ยินเสียง...ผู้เป็นป้าก็จะขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ข้างรั้ว ส่งเสียงเรียก "เนมี่...เนมี่..." พร้อมส่งสายตามองหาหลานตัวน้อย
หรือ เพียงได้ยินเสียงปิดประตูรถ เจ้าหลานตัวน้อยก็จะส่งเสียงทักทาย "ป้าไก่...ป้าไก่..." พร้อมทั้งกวักมือเรียกหา
เมื่อใดที่ได้เจอหน้ากัน สองสาวต่างวัยก็จะ
"รักกัน" คือ กอดแล้วก็ผลัดกันหอมแก้มซ้าย - ขวา
เฮ้อ! ไม่รู้จะเป็นอย่างที่เจ้าตัวน้อยบอกหรือเปล่า
"ไม่มีหนูแล้วจะเหงา" (ในยามที่เธอต้องไปโรงเรียน)
นี่แหละ...เจ้าหญิงน้อยของฉัน...ผู้ที่ช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิต
ขอบคุณนะจ๊ะ..เนมี่ .. ..ขอบคุณจริงๆ
น้าเล็ก
น้ามอม
seangja
แวะมาทักทายคะ...
เรื่องเล่า...เหมือนเศร้า...แต่อ่านไปเรื่อย..ๆ..Happy Ending คะ
*^__^*
น้องka-poom
ป้าบวม