“จิตเดิมแท้นั้นประภัสสร"
เมื่อกิเลสจรเข้ามาต้อนรับไม่ดีทำให้เราขาดสติและปัญหา
จึงทำให้ใจมัวหมอง เมื่อใจมัวหมองการรับรู้โลกจะไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริง
คนที่บริหารจิตไม่ถูกต้อง ปัญญาจะรับใช้กิเลส
“เมื่อใจเราบริสุทธิ์ จะเห็นจิตเดิมแท้ของเพื่อนมนุษย์ทุกคนนั้น ประภัสสร”
ฉะนั้น ถ้าเรามีความรู้ที่จะอยู่บนของความใสและบริสุทธิ์ รวมทั้งรู้ถึงสิ่งที่จะทำให้ใจเรานั้นไม่มัวหมองและบริสุทธิ์และป้องกันสิ่งเหล่านั้นได้ ใจเราและเพื่อนมนุษย์ก็จะนิ่งและสุขตลอดไป
“น้ำนิ่งเห็นทรัพย์ใต้น้ำได้ฉันใด จิตที่นิ่งก็เห็นขุมทรัพย์ทางปัญญาได้ฉันนั้น"
เมื่อนักจัดการความรู้มีสติปัญญารักษาใจให้ดีมีความสุขได้ ก็จะเห็นปัญหาและความทุกข์ของเพื่อน ๆ ในทุก ๆ เวทีและทุก ๆ ชุมชน เข้าใจพฤติกรรมและวัฒนธรรมของแต่ละองค์กร
เพราะนักจัดการความรู้จะมีความคิดเห็นที่ถูกต้อง (สัมมาทิฏฐิและ สัมมาสังกัปปะ = สัมมาปัญญา) รู้เห็นสิ่งต่าง ๆ ตามที่เป็นจริง ทั้งที่เป็นปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ปราฏการณ์ทางสังคมและเข้าใจถึงสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่มีจิตคิดตำหนิ ดูถูก เหยียดหยาม ในความรู้ของทุก ๆ คนที่อยู่ในเวที มีแต่รับรู้ เข้าใจ ทำหน้าที่จักจัดการความรู้ไปด้วยใจที่เต็มปรี่ป้วยความกรุณา
เมื่อความคิดความเห็นถูกต้อง การพูดจา และการทำกิจกรรมใจเวที KM นั้น ก็เป็นไปอย่างถูกต้อง การยอมรับ มิตรไมตรีและความไว้วางใจก็จะเกิดขึ้น แล้วเราก็จะพบสวรรค์จากเวทีและจัดการความรู้ตลอดไป
ปัญญาเป็นเครื่องนำทางให้เราไปพบสิ่งที่ถูกต้อง
ใช้ปัญญาเป็นเครื่องนำทาง ไปสู่การจัดการความรู้ เป็นบรรยากาศของความเอื้ออาทร รับฟัง และช่วยเหลือ
และนี่คือ "บรรยากาศแห่งการเรียนรู้"
บันทึกของอาจารย์น่าอ่านมากครับ
ขอบคุณครับ