วันแม่แห่งชาติ

"แม่ค่ะหนูรักแม่ที่สุดในโลก"

          12 สิงหาคม 2549 เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของชาติ นั่นคือเป็นวันแม่แห่งชาติ วันนี้เราตื่นเช้าพร้อมกับเม็ดฝนที่โปรยปรายลงมา รีบแวะไปหาแม่เหมือนกับที่ปฏิบัติทุกวัน แต่วันนี้พิเศษหน่อยถือดอกมะลิไปด้วย แม่ชอบตื่นแต่เช้า ต้มน้ำร้อนสำหรับชงกาแฟก่อน แล้วมานั่งดูข่าวโทรทัศน์รอบเช้าทุกวัน มีข่าวเด่นอะไรเกิดขึ้นแม่จะเล่าให้เราฟังทันทีเมื่อเราไปถึง วันนี้เราก็ไปกราบขอพรแม่เหมือนทุกปี หลังจากเมื่อวานนี้ที่โรงเรียนของลูกได้จัดให้มีพิธีวันแม่ขึ้น เด็กบางคนก็ร้องห่มร้องไห้ที่แม่ไม่ไปเหมือนอย่างแม่คนอื่นเขา ดูแล้วน่าสงสาร บางคนก็ไม่มีแม่ต้องให้พ่อหรือย่าหรือยายไปแทน ใครที่มีแม่นับว่าโชคดีแล้วนับว่ามีพระดีอยู่กับตัว รักษาไว้ให้นานเท่านานหาซื้อที่ไหนไม่ได้อีกแล้วไม่มีขาย ไม่มีให้เช่าหรอก

          วันนี้เป็นวันสำคัญที่ลูกทุกคนน้อมรำลึกถึงพระคุณของแม่อย่างเป็นทางการ(เอาจริงแฮะ) อันที่จริงควรจะรำลึกพระคุณของท่านทุกขณะจิต เพราะท่านเป็นผู้ให้ชีวิตของเราทั้งชีวิต แม่เหนื่อยแค่ไหนกว่าจะเลี้ยงลูกแต่ละคนให้โตขึ้นมาได้ แต่ส่วนมากแล้วในปัจจุบันลูกคนเดียวยังเลี้ยงแม่ไม่ค่อยได้เลย พระคุณของแม่ล้นฟ้ามหาสมุทร ลูกทุกคนไม่สามารถทดแทนพระคุณได้หมด เพียงแต่ขอให้ทุกคนเป็นคนดีเพื่อแม่ก็พอ แล้วคุณหละคิดจะทำอะไรเพื่อแม่บ้าง?

          เมื่อวานลูกได้มอบการ์ดวันแม่ให้ด้วย จัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม เขาเขียนบอกว่า ประเทศไทย มีการจัดงานวันแม่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2486 (ตั้งแต่ 63 ปีที่แล้วแน่ะ) ที่สวนอัมพร และต้องงดจัดในปีถัดไปเนื่องจากภาวะสงครามโลก ต่อมาได้มีการรื้อฟื้นการจัดงานรวมทั้งได้มีการเปลี่ยนแปลงกำหนด "วันแม่" หลายครั้ง จนปี พ.ศ.2493 สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีประกาศรับรองให้วันที่ 25 เมษายน ของทุกปีเป็น "วันแม่แห่งชาติ" และมอบหมายให้สภาวัฒนธรรมแห่งชาติเป็นผู้จัดงานเมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2493 เป็นครั้งแรก (56 ปีมาแล้วซินะ) ครั้นในปี พ.ศ.2519 ทางราชการได้เปลี่ยนใหม่ โดยถือเอาวันที่ 12 สิงหาคม อันเป็นวันเสด็จพระราชสมภพของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็น "วันแม่แห่งชาติ" และ ให้ใช้ "ดอกมะลิ" เป็นดอกไม้สัญลักษณ์วันแม่ เพราะดอกมะลิมีสีขาวบริสุทธิ์ กลิ่นหอมไกล และหอมได้นานออกดอกทั้งปี ยังนำไปปรุงเป็นเครื่องยาหอมใช้บำรุงหัวใจด้วย คุณสมบัติเหล่านี้เปรียบกับความรักบริสุทธิ์ที่แม่มีต่อลูกเป็นความรักที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา ไม่มีที่สิ้นสุดและไม่มีพิษมีภัย แต่มีความชุ่มชื่นใจดั่งความหอมของดอกมะลิ

          จะเห็นได้ว่าวันแม่มีมานานแล้วก่อนเราเกิดตั้งหลายปี คนไทยเราจะสอนให้ลูกหลานรู้จักบุญคุณและกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย และผู้มีพระคุณ อันเป็นสิ่งที่ดีงามของไทยที่สืบทอดกันมา ขอให้ลูกทุกคนพึงระลึกถึงพระคุณของแม่เสมอ ไม่ว่าวันนี้(วันแม่) วันหน้า หรือวันไหนๆ

  

                                                          

         

         

[ณภัทร เรืองดิษฐ]

แม่ครับผมรักแม่ครับ....หมู

[ชายขอบ]

     มาร่วมแจมเพื่อขอรักแม่ด้วยคนนะครับ

[ศุภรดา เรืองดิษฐ]

แม่ค่ะ หนูรักแม่มากจนสุดหัวใจ รักนะ...จู๊บจู๊บ และรักตลอดไป

พระคุณแม่แผ่บุญหนุนนำปลูก
ความพันธ์ผูกให้ลูกได้ไม่จางหาย
ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ไม่เสื่อมคลาย
ลูกสบายเมื่อเห็นแม่มีความเพียร
เมื่อยังเล็กแม่พร่ำสอนภาษา
เผื่อลูกยาเติบใหญ่ได้อ่านเขียน
ได้ขยันและหมั่นในการเรียน
แม่ดุจเทียนอันสว่างกลางดวงใจ