ขณะที่ผมกับ รองผู้พันปิยวุฒิ กำลังพูดคุยกับชาวบ้าน ที่บ้านรุ่งอรุณ (จีนยูนนาน) ในเวทีวิจัยที่เราจัดขึ้นบ่อยๆในชุมชน ตามกระบวนการศึกษา วิจัย เพื่อท้องถิ่น
มีชาวบ้านมาแจ้งเรื่อง มีคนไปพบซากรถในป่าลึก และเขาแจ้งต่ออีกว่า น่าจะเป็นรถยนต์สมัยสงครามโลก เป็นรถยนต์ของญี่ปุ่นที่ใช้ในการสัญจร โดยใช้เส้นทางจากเชียงใหม่เข้าสู่ปาย และปางมะผ้า ผ่านอำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน และเข้าประเทศพม่า (ตามประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครังที่ ๒ ที่สัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้อาวุโสที่นี่... )
เราพอทราบมาว่าแถบนี้ เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ หลักฐานที่เห็นชัดเจน ก็คือ สะพานเหล็กที่บ้านท่าปาย อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
และที่ชาวบ้านมาแจ้งเรื่องนี้ พร้อมบอกสถานที่พบเจอ ซากรถ รองผู้พัน ก็บอกผมว่า สอดคล้องกันกับประวัติศาสตร์ จุดที่พบเป็นเส้นทางการเดินรถของทหารญี่ปุ่น
พวกเรา ผมและรองผู้พัน ชาวบ้านอีกสองสามคน ขึ้นรถ 4WD และวิ่งตามเส้นทางถนนสาย ๑๐๙๕ ปางมะผ้า - แม่ฮ่องสอน ก่อนที่จะนำรถไปจอดไว้ข้างทาง และพากันเดินเข้าป่าไปเพื่อไปดูให้เห็นกับตามว่าเป็นอย่างไร? น่าจะใช่รถยนต์ของทหารญี่ปุ่นหรือไม่?
ทางเดินค่อนข้าง ลำบากเพราะภูมิประเทศที่สูงชัน ต้องลัดเลาะไปตามสันเขา ชาวบ้านที่พบชี้ให้ดูจุดที่พบ ว่าต้องลงเขาชัน ประมาณ เกือบ ๘๐ องศา เท่าที่ดูชันมาก และท่าทางลงไปถึงจุดที่ชาวบ้านบอกลำบาก
แต่ด้วยความอยากรู้ และผมชอบลุยป่าอยู่แล้ว ประกอบกับ พี่รองผู้พัน รู้วิธีการลงเขาลึกๆ และสอนการลงจากจุดสูงๆให้ปลอดภัย ที่ไม่ต้องเสี่ยงอะไรมาก
พวกเราใช้เวลานานพอสมควรที่หย่อนตัวลงไปกลางช่องเขา จนถึงร่องลึกกลางลำห้วย
...มองขึ้นไปข้างบน ไม่น่าเชื่อว่าเราจะลงมาได้
จากนั้นเราก็พบซากเศษเหล็กขนาดใหญ่ ประมาณ ๓ จุดด้วยกัน ห่างกันประมาณจุดละ ๑๐๐ เมตร เป็นท่อนเหล็กซึ่งเป็นส่วนประกอบของรถยนต์ รองผู้พันบอกว่า ดูจะเป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ และเหล็กดูแข็งแรง เราลองผลักดูไม่เขยื้อน ...แสดงว่าหนักมาก
ตรงจุดบนซากรถที่เราพบ ชาวบ้านคนหนึ่งบอกว่า แถวๆนี้สมัยก่อนเป็นถนนขุดโดยใช้แรงคนของญี่ปุ่น ที่ขุดทางรถเพื่อเดินทางส่งเสบียง กองกำลังผ่านไปทางพม่า
ด้วยหลักฐาน และภูมิประเทศพร้อมคำบอกเล่าของชาวบ้านที่นี่ ก็พอที่จะเชื่อได้ว่า เศษเหล็กขนาดใหญ่ที่ผมเห็นเหล่านี้ เป็นรถของญี่ปุ่นสมัยสงครามโลก จริง (อันนี้ผมเชื่อส่วนตัว)
ซึ่งรองผู้พันเองก็บอกว่าต้องพิสูจน์อีกครั้งหนึ่ง ว่าใช่จริงหรือไม่ แต่เบื้องต้น คิดว่าน่าจะใช่...
เหตุการณ์ที่เราเข้าไปทำงานในหมู่บ้าน มีหลากหลาย เป็นประสบการณ์ที่เราต้องเก็บบันทึกไว้
หมู่บ้านท่องเที่ยว หากมีเรื่องราว ประวัติศาสตร์ชุมชนที่น่าสนใจ ก็สามารถจะผูกเรื่อง เชื่อมโยงให้นักท่องเที่ยวได้เห็นภาพของเรื่องราวชีวิตของชุมชนได้
ซึ่งจะสร้า้งความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่มีร่องรอยที่พอจะเห็นได้ในแถบนี้ ก็เป็นหนึ่งเรื่องราวที่พวกเราสนใจ
และหากมีกาีรศึกษาอย่างจริงจัง ก็จะเป็นโอกาสดีที่เยาวชนรุ่นเด็กๆจะได้มีโอกาสเรียนรู้ ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของตัวเอง
เช่นเดียวกับหมู่บ้านรุ่งอรุณ(แม่สุยะจีน) ...ที่เรากำลังดำเนินการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการท่องเที่ยวโดยชุมชน งานทั้งหมดจะถูกจัดการองค์ความรู้ และนำไปใช้ประโยชน์ให้กับชุมชน เพื่อการสร้างสรรค์งานพัฒนาที่สอดคล้องกับชุมชน
สร้างสรรค์ปัญญา เพื่อพัฒนาท้องถิ่น....