สอนทั้งลูกเขาลูกเรา


มองตนออกบอกตนได้ใช้ตนเป็น

     สอนทั้งลูกเขาลูกเรา

    ทุกวันนี้ ได้ทำหน้าที่ครู และสอนอย่างเต็มที่ โดยบริหารจัดการและบริหารเวลาให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนขนาดเล็ก เริ่มตั้งแต่นักเรียนทำเขตสิ่งแวดล้อมเสร็จ    ราวๆ ๐๗.๔๐ น.    จะให้นักเรียนฝากเงินกับธนาคารออมทรัพย์ของโรงเรียน  เชิญชวนให้เขารู้จักออมทุกวัน จากนั้นก็จะให้เจ้าหน้าที่ห้องสมุดนำหนังสือไปที่ศาลาริมสระน้ำ เพื่อให้พี่ได้สอนน้อง ในกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ใครที่ชอบดนตรี จะใช้เวลาช่วงนี้   ทบทวนเพลงหรือต่อเพลงใหม่กับครู

     เมื่อพี่ดูแลน้องอ่านหนังสือ คุณครูผู้หญิงสอนดนตรี ผมเองพอจะได้จังหวะกลอง จึงสอนนักเรียนตีกลองหญ่และกลองแต๊ก   ใช้เวลาไม่นาน เด็กก็ตีได้ นักเรียนที่ขาดเรียนบ่อย พอมอบหมายให้ตีกลอง รู้สึกว่าจะขาดเรียนน้อยลง

    ประมาณ ๒๕ นาที ก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ จึงเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามาก เด็กกับครูได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้    เหมือนเตรียมความพร้อมก่อนเข้าห้องเรียน    การอบรมหน้าเสาธงจะใช้เวลาไม่เกิน ๑๐ นาที พูดแต่เรื่องสำคัญ ซักซ้อมความเข้าใจ จริงๆจะพูดนานก็ได้ เพราะเด็กนั่งฟังใต้ต้นไม้  ผมไม่เคยให้นักเรียนยืนตากแดดเลยแม้แต่วันเดียว ถ้าเด็กร้อนอบอ้าว จะฟังไม่เข้าใจและเรียนไม่รู้เรื่อง 

    คนที่บ้านเห็นผม อบรมเด็กทุกวัน จึงอยากให้สอนลูกชายทั้งสองคนบ้าง อยู่หอพักทั้งสองคน เป็นห่วงกลัวว่าจะเกเร ผมต้องปลอบใจว่าอย่าห่วงเลย เอกสารที่ครูส่งมาให้ดูทุกเดือนก็บอกอยู่ว่าลูกเราสองคนเรียบร้อย

     ผมพูดไปแต่ใจก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน ยังไม่อยากประมาทกับสังคมปัจจุบัน  แต่ก็มีความเชื่อว่าลูกเรียนสายศิลปวัฒนธรรม คือ ดนตรีและโขนละคร น่าจะมีแรงฉุดดึงไปทางดีบ้าง และฉุกคิดถึงคำสอนของท่าน อดีต ผอ.เขตพื้นที่การศึกษากาญจนบุรี เขต ๒ ท่านให้ข้อคิดว่า "คนเป็นครูควรมุ่งมั่นทุ่มเทให้กับงานสอน และสอนลูกชาวบ้านให้เต็มที่เต็มกำลังความสามารถ..แล้วลูกของครูจะได้ดี..ไม่มีปัญหา"

    ผู้เป็นแม่ได้ฟังข้อคิดนี้จากผมหลายครั้ง ผมพูดให้เขาสบายใจและมีกำลังใจทำงาน แต่ด้วยความรับผิดชอบในตัวลูกร่วมกัน ผมจึงแนะนำว่า เวลาลูกกลับบ้าน แม่ก็ถามเขาบ้างเรียนเป็นอย่างไร ทำกิจกรรมอะไรบ้าง ก่อนกลับหอพักแม่ให้เงินไปใช้   ก็สอนเขาด้วยว่าให้รู้จักประหยัดและตั้งใจเรียนนะ

    พรุ่งนี้ลูกชายจะกลับหอพักแล้ว ผมเรียกแม่ของลูกเข้ามาบอกว่า มีบทกลอนสั้นๆแม่ลองอ่านให้ลูกฟังสิ  พ่อจำมาตั้งแต่สมัยเรียนเอกภาษาไทย แม่ลองอ่านดู....

     ลูกจะก้าว แค่ไหน แม่ไม่ว่า  ลูกจะกล้า เกินใคร แม่ไม่สน

    ลูกจะเก่ง เกินหน้า สักกี่คน     ขอเพียงอย่า ลืมตน จะพ้นภัย

     ผู้เป็นแม่ยิ้มและบอกว่าก็ดีนะ แต่สั้นไปหน่อย ผมก็เลยบอกว่า แม่สอนไปก่อน ที่เหลือพ่อจะสอนต่อ ตอนนี้ขอคิดคำสอนเพิ่มอีกหน่อย พอถึงเวลาลูกจะกลับ ผมพูดอะไรไม่ออก ยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ให้แม่นำไปให้ลูกอ่าน...

     ลูกจะก้าว  แค่ไหน  พ่อไม่ว่า

     ทุกย่างก้าว  จงอย่า  ลืมเรื่องใหญ่

     มีความเก่ง  ความกล้า  จงก้าวไป

     มองตนออก บอกตนได้   ใช้ตนเป็น 

            

หมายเลขบันทึก: 443517เขียนเมื่อ 11 มิถุนายน 2011 19:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน 2013 21:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดีค่ะ

อ่านกิจกรรมก่อนเข้าเรียนน่าสนใจมากค่ะ

เด็กถ้าได้มีกิจกรรมที่เขาชอบที่โรงเรียนเขาจะอยากไปโรงเรียนนะคะ

สอนเด็กด้วยมุ่งมั่นขนาดนี้ ลูกของผอ.ชยันต์ ต้องเป็นเด็กดีแน่นอน

ขอเป็นกำลังใจค่ะ

สวัสดีค่ะ ผอ.ชยันต์

ใช่เลยค่ะเราจะสร้างแต่ลูกเราดีไม่ได้..ต้องให้สิ่งแวดล้อมรอบๆกายเขาดีด้วย....ครูเลยต้องสอนให้เด็กเป็นคนดี

ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นลูกครูมักจะไม่ค่อยมีปัญหา หรือมีปัญหาก็น้อยมาก

อาจเป็นเพราะความตั้งใจดีในการอบรมสั่งสอนลูกคนอื่น    ร้อยพ่อพันแม่ให้เป็น

คนดีและประสบความสำเร็จไปมากมายก็ได้ 

ผลบุญเลยส่งให้ลูกของตัวเองประสบผลสำเร็จและเป็นคนดีไปด้วยก็ได้นะคะ

กิจกรรมก่อนเข้าเรียนดีมาก น่าสนใจ นำไปใช้

ท่านผอ.เป็นแบบอย่างในการสอนที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ

สิ่งแวดล้อมที่ดี คุณครูดี พ่อแม่ดี  ทั้งลูกเขาลูกเราต้องเป็นคนดีแน่นอนค่ะ เชื่อค่ะ

 

สวัสดี มาเป็นกำลังใจ กับกิจกรรมการสอนของ ผอ.

ทุกนาทีมีค่าสำหรับการสอน และมอบสิ่งดี ๆ ให้ลูก  ไม่ว่าลูกเขาก็คือลูกศิษย์ และ ลูกเรา ล้วนเป็นลูกที่ครูทุกคนรักและห่วง

ทำต่อไปครับครู สังคมนี้ ยังมีครูดีๆอย่างท่านอยู่อีกมาก....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท