จากการประชุมวิชาการ HA National Forum ครั้งที่ 12 เมื่อวันที่ 15-18 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมา ในวันสุดท้ายของการประชุม หลายคนหลายโรงพยาบาลต่างทะยอยกลับ ไม่ทราบด้วยเหตุผลได้ ส่วนทีมของผู้เขียนเองก็ตกลงกันว่าจะกลับสายๆของวันนี้เพระต้องเดินทางไปประชุม OD กันต่อ
ด้วยความที่อยากเชียร์คนบ้านเดียวกัน คนที่มาจากชายขอบด้วยกัน ผู้เขียนหมายถึงมีทีมวิทยากรจากชายแดนจังหวัดเดียวกันกับผู้เขียนทีมหนึ่งซึ่งมาบรรยายแลกเปลี่ยนในการประชุมครั้งนี้ด้วย และอยู่ในช่วงเช้าของวันสุดท้าย ผู้เขียนจึงกลายเป็นตัวถ่วงไม่ให้ทีมได้เดินทางกลับในเช้าวันนั้น
ลูกศิษย์แถบอิสานเหนือเต็มไปหมด เพราะคุณหมอเป็นอาจารย์ให้วิทยาลัยพยาบาลและพยาบาลเวชปฏิบัติ NP
คุณหมอทั้งสามท่าน เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เรียนแพทย์ และยังรักกันและสร้างเครือข่ายในเรื่องวิชาการร่วมกันมาจนถึงปัจจุบัน
เนื้อหาในการแลกเปลี่ยนวันนี้ จึงเป็นเรื่องของการสร้างเครือข่ายของโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลในการแลกเปลี่ยนวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นประจำวัน ประจำเดือน หรือว่าประจำปี
คุณหมอทั้งสามท่าน มัีกจะถูกพยาบาลหรือคุณหมอด้วยกัน เรียกว่า อาจารย์ ด้วยความที่เป็นคนเก่งทางด้านวิชาการและการปฏิบัติ ร่วมถึงการสอนงานให้แก่พยาบาลในการดูแลคนไข้ จนทีมดูแลผู้ป่วยด้านอายุรแพทย์ในโรงพยาบาลบึงกาฬ เป็นเลิศทางด้านการดูแลผู้ป่วย
ผู้ป่วยเบาหวาน ไม่เกิดภาวะน้ำตาลต่ำหรือสูง
ผู้ป่วยหลอดลมอุดกั้น ก็เกิดภาวะหอบจนต้องใส่ท่อช่วยหายใจ
โรงพยาบาลของผู้เขียนเอง คุณหมอปราโมทย์ก็ได้วางระบบการดูแลผู้ป่วยด้านสูติกรรมจนไม่เกิดอุบัติการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเลือดที่เตรียมสำหรับการผ่าตัด การเกิดภาวะชักในหญิงตั้งครรภ์ และอุบัติการณ์อื่นๆ
เมื่อคุณหมอปราโมทย์ ย้ายไปเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลบึงโขงหลง ซึ่งอยู่ชายขอบห่างไกลจากตัวจังหวัดเกือบ 500 กิโลเมตร การส่งต่อผู้ป่วยที่เกินศักยภาพจึงเป็นปัญหา คุณหมอต้องสร้างเครือข่ายกับจังหวัดที่อยู่ใกล้ๆไม่ว่าจะเป็นจังหวัดนครพนม หรือจังหวัดสกลนคร และพยายามสร้างศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยให้ครอบคลุมทุกสาขาและครอบคลุมผู้ป่วยในท้องที่ให้ได้ทุกโรค
ทุกปี คุณหมอทั้งสามท่าน จะช่วยกัน จัดประชุมวิืชาการ โดยคุณหมอปราโมทย์ โรงพยาบาลบึงโขงหลงเป็นเจ้าภาพหลัก การจัดงานจัดได้ยิ่งใหญ่ ทั้งงานกลางวัีนและงานกลางคืน ผู้เขียนเคยเขียนไว้ ที่นี่ รวมถึงการขอหน่วยให้พยาบาล ซึ่งคุณหมอเองเน้นย้ำกับผู้เขียนว่าน่าจะจัดให้แก่น้องพยาบาล เำพราะการที่ต้องไปประชุมอบรมต่างจังหวัดทำได้ลำบาก
"รู้อะไร ไม่สู้ รู้จักกัน" คุณหมอเอนกบอกว่า ขอยืมมาจาก คุณพ่อคุณหมอปราโมทย์ซึ่งนับถือเป็นลุง ผู้เขียนเลยขอยืมมาใช้อีกทอดหนึ่ง
การสร้างเครือข่าย กับ โรงพยาบาล ใกล้เคียง กับ สถานศึกษาใกล้เคียง ทำให้เกิดความสัมพันธ์ทำให้ง่ายต่อการเข้าถึง ไม่ว่าจะเรื่องส่งต่อคนไข้ การประชุมวิชาการ/การแลกเปลี่ยน และการอัพเดทความรู้ใหม่
อยู่บ้านนอก ห่างไกล ก็ไม่จำเป็นว่าต้องไร้ซึ่งวิชาการ เพราะสามารถปรึกษาและได้รับคำแนะนำจากเครือข่ายที่สร้างขึ้น ได้
ผลประโยชน์นี้ นอกจากจะได้กับผู้ป่วยและชาวบ้านอย่างเต็มๆแล้ว แพทย์ พยาบาลเองก็จะไม่ถูกเืพื่อนๆ ที่อยู่ส่วนกลาง หรือ โรงพยาบาลจังหวัด หรือโรงพยาบาลศูนย์ต่อว่า อีกต่อไปว่า "ความรู้หล่นหายไปกับท้องทุ่งนาหมดแล้ว" เหมือนคนบ้่านนอกเข้าเมืองที ก็ข้ามถนนไม่ค่อยเป็น เพราะไร้เทคนิคที่คนเมืองเขาคุ้นชินกัน
"รู้อะไร ไม่สู้ รู้จักกัน" จึงเป็๋น วลีที่ไม่มีวันตาย
สวัสดีครับ ป้าแดง
"รู้อะไรไม่สู้รู้จักกัน" เห็นด้วยครับ
ผมก็เก็บความหลากหลายไว้หลายบันทึกแล้ว
สวัสดีครับป้าแดง
เห็นด้วยกับคนข้างบนครับ "รู้อะไรไม่สู้รู้จักกัน"
ชอบจังค่ะ "ป้าแดง"
"รู้อะไร ไม่สู้ รู้จักกัน" ต้องขอยืมมาใช้บ้างแล้ว..
การรู้จักกัน ทำให้อะไรอะไรง่ายขึ้นเยอะค่ะ Confirm
สวัสดีค่ะ ป้าแดง รู้จักกันนี่แหละ สุดยอดของความรู้เลยค่า
แหะ แหะ แถมอีกหน่อยครับ
และรู้จักใครก็ไม่สู้รู้จักป้าแดงครับ ฮิ ฮิ...
ปล. น้องหนาน มาหนองคาย ป้าแดงก็จะพาไปกิน แหนมเนือง เหมือนเดิมค่ะ อิอิอิ
ป้าแดง จับประเด็นได้ชัดเจนดีมาก ๆคะ
ขออนุญาต คุยด้วยค่ะ มีโอกาสได้ฟังวิชาการที่ผ่านมา แล้วได้เข้ารับฟังวิชาการในครั้งนี้ รู้สึกประทับใจมากค่ะ สมจริงๆค่ะ กับคำว่า รู้อะไรไม่สู้รู้จักกัน เป็นวลีที่ไม่มีวันตายจริงๆค่ะ ชื่นชมค่ะ