GotoKnow

เคล็ดสำคัญในการดูพระสมเด็จ: “ต้องมีชีวิต”

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ 23 มีนาคม 2554 03:20 น. ()
แก้ไขเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2556 09:31 น. ()
เคล็ดนี้น่าจะช่วยลดความสับสนในการดูพระสมเด็จไม่ให้ปนกับพระโรงงาน เพราะ พระโรงงานยังทำไม่ได้ แม้จะทำเลืยบแบบก็ไม่เหมือน และไม่เป็นธรรมชาติ

จากการศึกษา "เคล็ด" การดูพระสมเด็จโดยใช้กล้องจุลทรรศน์มาตลอดเวลายาวนานพอสมควร เพื่อจะช่วยให้เราสามารถแยกพระโรงงาน ที่เป็น "ปัญหา" กับคนที่ความรู้ไม่พอใช้ จนทำให้ผมได้พบประเด็นสำคัญ ที่ทำให้ง่ายในการ "หยิบ" พระสมเด็จคือ

หลักฐานที่แสดงว่า

  • พระสมเด็จเคยมี หรือยังมีชีวิต ตามหลักวิวัฒนาการของมวลสาร (ที่มีอายุ)
  •  หรือ แม้วันนี้ก็ยังมีวิวัฒนาการของมวลสารในเนื้อพระอยู่ตลอด

โดยเฉพาะการเกิดฟองเต้าหู้ เนื้อปูด ผงแป้ง และ บ่อน้ำตา

จากการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างพระสมเด็จกับพระโรงงานที่หลงหยิบติดมือกลับบ้าน (ด้วยความไม่รู้ หรือ รู้ไม่เท่าทันและไปหลงตามคำหลอกของ "เซียนวิชามาร" ) โดยเฉพาะพระสมเด็จวัดระฆังและบางขุนพรหม

ที่มักพบว่า พระสมเด็จจะมีหลักฐานสำคัญทางอายุพระ ติดอยู่กับองค์พระทุกองค์ที่ผมมี ที่เป็นหลักฐานแสดงถึงการพัฒนาของมวลสารในเนื้อพระที่สำคัญคือ

  1. เนื้อปูด หรือฟองเต้าหู้ ทำให้ผิวเป็นปุ่ม หรือคลื่น เกินกว่าที่น่าจะมีในสภาพพิมพ์ปกติ
    • ที่ดูเสมือนว่าพิมพ์ดูผิดเพี้ยนไปจากพิมพ์ปกติ
    • ที่เกิดมาจากการหดตัวของโครงสร้างขององค์พระที่มีอายุมากกว่า ๑๐๐ ปีขึ้นไป  
    • ทำให้น้ำปูนเปลือหอย ละลายตัวออกมา แล้วค่อยๆไหลออกมาที่ผิวด้านนอก
    • ทำให้เกิดเป็นลักษณะ “เนื้องอก” หลากอายุ เป็นวงๆอยู่ในก้อนเดียวกัน ส่วนยอดที่ออกมาใหม่จะดูฉ่ำกว่า ล้อมรอบด้วยคราบเก่าสีน้ำตาลปนเทา (ของน้ำมันตังอิ๊ว) 
    • ที่มีลักษณะต่างจาก เนื้อโปะแห้งๆ พองๆแบบฟองสบู่ ที่อาจมีในพระโรงงาน 
  2. บ่อน้ำตา
    • ที่ส่วนใหญ่จะพบทางด้านหลังองค์พระ
    •  มีลักษณะเหมือนรูน้ำพุ รูเหงื่อ หรือรูน้ำมัน
    • ที่แท้จริงคือ "ปากอุโมงค์ของธารน้ำปูน" จากในเนื้อพระ
    • มีมวลสาร หรือมีร่องรอยการไหลของมวลสารออกมาจากเนื้อพระ
    • ถ้าเป็นบ่อที่หยุดไหลแล้ว จะมีคราบน้ำปูนต่างอายุแห้งสนิท หรือแตกระแหงอยู่โดยรอบ
    • แต่ถ้าบ่อยังไม่ตาย อาจจะยังมองเห็นเนื้อฉ่ำอยู่บริเวณปากบ่อหรือรอบบ่อ

ทั้งสองลักษณะนี้ เป็นการพัฒนาของมวลสารที่น่าจะต้องใช้เวลานานเป็นร้อยปี จึงจะเห็นเป็น “สายธารน้ำปูน” ต่อเนื่องทั้งองค์

ในพระสมเด็จที่อายุประมาณ ๘๐ ปีลงมา จะมีบ้างเล็กน้อย แต่มักไม่กระจายหรือเคลือบทั้งองค์

ลักษณะ "เนื้อปูด" เกินกว่าพิมพ์

ของพระที่ได้อายุ

(ให้สังเกตเนื้องอกใหม่สีขาว ที่ทับบนผิวสีน้้ำตาล)

บ่อน้ำตา และ "สายธาร" ของการไหลของน้ำปูน ที่ผิวพระสมเด็จ ด้านหลัง

 

และถ้ามีหลายลักษณะปะปนกันเช่น บ่อเก่า บ่อใหม่ หลายอายุปะปนกัน ก็จะทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น

ที่จะไม่พบในพระโรงงาน หรือพระที่สร้างขึ้นใหม่ๆ แม้จะใช้มวลสารที่ใกล้เคียงกันก็ตาม

เคล็ดนี้น่าจะช่วยลดความสับสนในการดูพระสมเด็จไม่ให้ไปปะปนกับพระโรงงาน

เพราะ พระโรงงานยังทำให้เหมือนไม่ได้

แม้จะพยายามทำเลืยนแบบอย่างไร ก็ยังไม่เหมือน และยังไม่เป็นธรรมชาติ

เพราะธรรมชาติต้องใช้เวลา แต่โรงงานไม่ใช้ หรือไม่มีเวลา

ฉะนั้น อะไรที่แสดงถึงเหตุการณ์ที่ต้องเกิดยาวนานแบบ "ธรรมชาติ" น่าจะเป็นการแบ่งแยกที่ดี

ลองดูนะครับ

จะไม่พลาดไปหยิบพระโรงงาน (แทนพระสมเด็จ)ให้เสียความรู้สึก

ยินดีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และ ขอให้โชคดีทุกท่าน ครับ

สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน

ความเห็น

ไม่ระบุ
เขียนเมื่อ

ขอขอบคุณความรู้ดีที่มอบให้        ด้วยจิตใสให้ความดีที่สร้างสรรค์

คือความงามจากน้ำใจมอบให้กัน   ความรู้นั้นมีคุณค่ากว่าทรัพย์ใด  

 

ด้วยความยินดีครับ

โสภณ เปียสนิท
เขียนเมื่อ

รายละเอียดชัดเจนดีมากเลยครับ ขอบคุณมาก จากคนชอบสมเด็จโตครับ

เด็กข้างบ้าน ~natadee
เขียนเมื่อ

ขออนุญาตออกนอกเรื่องนิดหนึ่งครับท่านอาจารย์

อยากเรียนสอบถามทรรศนะของท่านอาจารย์เกี่ยวกับ "เพชรพญานาค" ครับ

เท่าที่เคยเห็น ของทำจากโรงงานล้วนๆครับ

อำนาจ ขันเงิน
เขียนเมื่อ

ขอบคุณครับ

เก็บไว้เลยครับ ถมบ้านดีอยู่ครับ แต่ไปขอมาอีกก็ดี บอกเขาว่าน้อยไป ไม่พอใช้ครับ

BANKq kk
เขียนเมื่อ

ขอบคุณคับ

BANKq kk
เขียนเมื่อ

...

นายไก่ ลพบุรี
เขียนเมื่อ

ขอบคุณครับได้ความรู้มากเลยครับ

ขอบคุณสำหรับความรู้ที่ดีครับ สำหรับผมที่กำลังศึกษาอยู่ครับ 


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย