ผลการสอบ O-net ที่สะท้อนคุณภาพการศึกษา


ตัวชี้วัดคุณภาพการเรียนการสอน

       ปีนี้ดีใจที่ สทศ.ประกาศผลการสอบได้รวดเร็วทันใจดีมาก แต่ผลการสอบไม่เป็นที่ประทับใจ เมื่อมีสื่อมวลชนออกเสนอข่าวว่า 5 สาระตกรูด ทำให้ความเป็นครูทั่วประเทศ อาจจะไม่พอใจ โดยเฉพาะครูในโรงเรียนในสังกัด สพฐ.

       จากค่าเฉลี่ยทุกสาระของการสอบ ปีการศึกษา 2553 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ ร้อยละ 40.45 และ มัธยมศึกษาปี่ที่ 3 ที่ร้อยละ 37.59 เป็นตัวเลขที่ต่ำเมื่อเทียบใส่คะเต็ม 100 และเมื่อเทียบกับตัวชี้วัดการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 ที่ตั้งไว้ ร้อยละ 50 ก็ยังห่างกันมาก และเมื่อเทียบกับปี 2552 ก็ต่ำกว่าเช่นกัน ในความเห็นของผู้เขียน คิดว่าเด็กไม่น่าจะเรียนอ่อนลง แต่น่าจะมาจากสาเหตุที่ข้อสอบยาก (แน่นอน) เรื่องข้อสอบยากเป็นเรื่องปกติของทุกคนที่เข้าทำการสอบ แม้แต่คนที่ไปสอบผู้บริหารสถานศึกษา หรือ บริหารการศึกษา ก็ย่อมบ่นว่า ข้อสอบยากทำให้สอบไม่ได้ แต่ถ้ามองในมุมกลับ การที่ผู้สอบทำข้อสอบไม่ได้ น่าจะมาจาก การเรียนรู้ ความเข้าใจ การวิเคราะห์เนื้อหาที่จะเลือกข้อที่ถูกไม่เก่งพอ หรือการติวเข้มของครูอาจจะไม่ตรงกับเรื่องที่ สทศ.ออกข้อสอบ เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาที่สะสมมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้รับการแก้ไขปรับปรุง ให้เด็กได้พัฒนาศักยภาพ เมื่อดูคะแนนรายวิชา ก็พบว่า วิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งมีข้อสอบจำนวนน้อยมาก และคะแนนก็ได้น้อยมาก ป.6 ที่ร้อยละ 20.99 และ ม.3 ที่ 16.19 ยิ่งทำให้ใจหายไม่คิดว่าจะต่ำมากขนาดนี้ ถ้าจะบอกว่าเด็กไทยก็ไม่ถนัดภาษาอังกฤษ แต่ ภาษาไทยของเราเอง ป.6 ก็เฉลี่ยเพียงร้อยละ 31.22 เท่านั้น ความถนัดทางด้านภาษาของเด็กไทย น่าจะมีปัญหาแล้ว เพราะมีข่าวออกมาช่วงนี้ว่า เด็กไทยอ่านได้แต่วิเคราะห์ไม่ได้

        ปัญหาที่เกิดขึ้นคงไม่ไปโทษความยากของข้อสอบที่ สทศ.ออกให้สอบ เป็นค่า O-net ในครั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่ยืนยันว่าโรงเรียนใดที่ได้ผลการสอบสูง และเด็กได้คะแนนสูง น่าจะเป็นโรงเรียนดี และเด็กเก่ง คงไม่ไปกล่าวหาว่า เขาทุจริตในการสอบครูช่วยทำข้อสอบ ในปีที่ผ่านมา คนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลสอบสอบก็ออกมาชี้แจงแล้ว ว่าสาเหตุมาจากอะไร ต่างฝ่ายก็ต่างมีเหตุผลที่จะมาลบล้าง เพื่อป้องกันตัวเอง ผู้เขียนอยากให้ทุกฝ่ายให้ความตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวถึงคุณภาพการศึกษาของเด็กไทย ในความเป็นจริงประเทศไทยยังพัฒนาขึ้นตามลำดับ ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะแต่ละปี เด็กไทยไปคว้ารางวัลเหรียญทอง เหรียญเงิน ระดับโลกมามากจนนับไม่ถ้วน มีข่าวทางสื่อมวลชนก็มากมาย นั่นก็เป็นผลงงานครูไทยนี่แหละ หากศึกษาสาเหตุที่ถูกต้อง และแก้ให้ถูกจุดกำหนดนโยบาย เป้าหมายและยุทธศาสตร์ ที่ถูกต้อง น่าจะมองเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ แต่ถ้าปล่อยให้ปัญหาลอยล่องต่อไป การปฏิรูปการศึกา ทศวรรษที่ 2 คง ซ้ำรอยเดิม น่าจะมีครั้งที่ 3 และ 4 ต่อไป

หมายเลขบันทึก: 432302เขียนเมื่อ 22 มีนาคม 2011 20:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:39 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เฮ้อ....ฟังเรื่องนี้ทีไรปวดหมองค่ะ ไม่รู้จะทำไงดีแล้ว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท