"งานวันแม่ไร้สัญชาติ : จากใจลูก (ลูกน้ำค้าง) เพื่อแม่ไร้สัญชาติ (แม่ซิวหยิน)"


แม่เคยพูดว่าไม่มีที่ไหนจะสงบสุขและน่าอยู่เท่าประเทศไทยอีกแล้ว แม่รักในหลวงและพระราชินีไม่แพ้คนไทยคนไหนๆ ข่าวอื่นๆทางทีวีแม่อาจไม่ได้ดูนัก แต่ถ้าเป็นข่าวในพระราชสำนักหรือข่าวพระราชกรณียกิจ แม่จะชอบดูมาก

เนื่องในโอกาสวันแม่ ที่ใกล้จะถึงนี้ ดิฉันขออนุญาตถ่ายทอดเรื่องราวของคุณแม่ไร้สัญชาติท่านหนึ่ง คุณแม่ที่เป็นแม่ดีเด่นในใจของลูกที่ชื่อ น้ำค้าง แซ่ตั้ง ซึ่งก็คือตัวดิฉันเองและก็เป็นอดีตคนไร้สัญชาติ ที่เพิ่งได้มีสัญชาติไทยเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๔๙  

คุณแม่ของดิฉันชื่อ ซิวหยิน แซ่ตั้ง  เป็นบุตรของพ่อค้าชาวจีนที่อพยพย้ายถิ่นฐานเข้าไปอาศัยอยู่ในประเทศพม่า คุณแม่เกิดที่ประเทศพม่า เมื่อประมาณปีพ.ศ. ๒๔๙๐   และใช้ชีวิตอยู่ในประเทศพม่าจนถึงช่วงวัยรุ่น จากนั้นชีวิตคุณแม่ก็เริ่มพลิกผันเมื่อครั้นเกิดเหตุวุ่นวายภายในประเทศพม่าเป็นเหตุให้คุณตาส่งแม่ไปประเทศจีน เมื่อไปถึงประเทศจีนคุณแม่เกือบได้ใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยถ้าหากไม่เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่าการปฏิวัติวัฒนธรรมจีนเกิดขึ้นก่อน จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ชีวิตนักศึกษานับแสนนับล้านคนที่น่าจะมีอนาคตที่สดใส กลับต้องดับวูบด้วยการถูกส่งให้ไปทำไร่ทำนาตามถิ่นทุรกันดาน หนึ่งในบุคคลเหล่านั้นคือคุณแม่ของดิฉัน ภายหลังคุณแม่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมญาติที่อีกมณฑลหนึ่งและได้พบกับคุณพ่อ ฟูหยวน แซ่ตั้ง ซึ่งเป็นบุตรคนจีนที่อพยพจากพม่ากลับมาประเทศจีนเช่นกัน หลังจากนั้นพ่อและแม่ได้หนีออกจากประเทศจีนเพื่อจะกลับมาพบคุณตาและคุณยายที่ประเทศพม่า แต่การหนีเข้าประเทศพม่าครั้งนั้น พ่อและแม่ไม่ได้มีสถานะทางกฎหมายใดๆเลย ทั้งสองท่านมีสภาพเป็นคนหลบหนีเข้าเมือง ต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัวตลอดเวลา ท่านทั้งสองจึงได้ตัดสินใจหนีความเดือดร้อนเข้ามาในประเทศไทยเมื่อปี ๒๕๑๒ จากการอพยพหนีภัยจากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่งจึงส่งผลให้พ่อแม่ตกอยู่ในสภาพคนไร้สัญชาติในที่สุด  

ดิฉันจำได้ว่าเมื่อสมัยที่ดิฉันยังเด็ก ฐานะทางบ้านดิฉันไม่สู้ดีนัก แต่ด้วยความที่แม่เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการศึกษากอปรกับการที่แม่ห่วงอนาคตของลูกๆ ซึ่งก็เป็นคนไร้สัญชาติ แม่จึงได้ตัดสินใจที่จะส่งเสียลูกๆเรียนหนังสือ แม่กินอยู่อย่างประหยัดมัธยัสถ์ ตื่นแต้เช้า เปิดร้าน จัดของ ยกของหนัก โดยไม่ได้จ้างลูกน้องแต่อย่างใดเพื่อที่จะมีเงินให้ลูกเรียน แม่เคยพูดกับลูกๆเสมอว่า พ่อแม่ไม่มีทรัพย์สมบัติใดๆให้ นอกจากการศึกษาที่จะติดตัวลูกตลอดไป ทุกครั้งที่ลูกๆพบเจออุปสรรคใดๆเพราะความไร้สัญชาติ แม่ไม่เคยยอมแพ้ อย่างเช่นเมื่อครั้นแม่ตัดสินใจจะให้ลูกๆได้รับการศึกษาเหมือนเด็กปกติทั่วๆไป ตอนนั้นไม่มีโรงเรียนรัฐบาลไหนรับเข้าศึกษา แม่ก็ไม่ได้ละความพยายามหรือยอมรับในโชคชะตา แม่ไปพูดจาขอความเห็นใจจากครูใหญ่โรงเรียนเอกชนให้เห็นแก่หลักมนุษยธรรมจนรับลูกๆของแม่เข้าศึกษาจนได้ หรืออย่างเหตุการณ์ตอนที่ลูกแม่ไม่มีสิทธิเข้าสอบไล่เพื่อจบชั้นประถม ๖หรือตอนจะเรียนต่อระดับอุดมศึกษาเพราะไม่มีสัญชาติ แม่ก็ไปขอเอกสารหลักฐานหรือใบรับรองจากทางอำเภอจนลูกของแม่ได้รับการศึกษาตามลำดับและจบปริญญาทุกคน 

เมื่อกลางปี ๒๕๔๗ เรื่องราวชีวิตไร้สัญชาติของดิฉันเคยถูกเสนอผ่านสื่อมวลชน ผู้คนจำนวนหนึ่งให้ความสนใจที่คนไร้สัญชาติมีโอกาสได้รับการศึกษาจนถึงระดับปริญญาโท ได้มีโอกาสสอนหนังสือให้แก่เยาวชนของชาติในระดับชั้นอุดมศึกษา แต่แท้จริงแล้วเบื้องหลังเรื่องราวต่างๆของดิฉันที่ถูกเสนอผ่านสื่อนั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งที่เหนื่อยยาก ต่อสู้และฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ นานา เพื่อให้ดิฉันได้เรียนหนังสือและมีโอกาสที่ดีในชีวิต 

นอกจากการฝ่าฟันอุปสรรคและข้อจำกัดอันเกิดจากการเป็นคนไร้สัญชาติเพื่อการศึกษาของลูกแล้ว แม่ยังเป็นแม่ที่ประเสริฐที่ให้ความรัก ความอบอุ่นอย่างมากมาย ให้การอบรมเลี้ยงดูที่ดี แม่สอนให้ลูกๆเป็นคนที่มีจิตใจดี ไม่คิดร้ายต่อผู้อื่น อ่อนน้อมถ่อมตน กตัญญูรู้คุณ และซื่อสัตย์อยู่เสมอ  ชีวิตแม่นั้นพูดได้ว่าเคยผ่านมาถึงสามประเทศ แม่เกิดและเติบโตในประเทศพม่า เคยทุกข์ยากลำบากบนประเทศจีน และมีชีวิตใหม่สร้างครอบครัวและอยู่ยาวนานที่สุดบนประเทศไทย  แม่เคยพูดว่าไม่มีที่ไหนจะสงบสุขและน่าอยู่เท่าประเทศไทยอีกแล้ว อีกอย่างคุณตาคุณยายก็ได้จากโลกนี้ไปนานแล้ว สิ่งเดียวที่แม่เหลืออยู่คือครอบครัวที่ประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูกทั้งสามคนของแม่บนแผ่นดินไทย  แม่รักในหลวงและพระราชินีไม่แพ้คนไทยคนไหนๆ ข่าวอื่นๆทางทีวีแม่อาจไม่ได้ดูนัก แต่ถ้าเป็นข่าวในพระราชสำนักหรือข่าวพระราชกรณียกิจ แม่จะชอบดูมาก ช่วงงานเฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครองราชย์ครบหกสิบปี แม่ก็หาซื้อเสื้อเหลืองเองเพื่อจะแสดงออกว่าแม่รักในหลวง แม่ได้เขียนถวายพระพรขอให้ในหลวงทรงหายประชวรเป็นภาษาจีนเมื่อครั้งดิฉันและน้องพาแม่ไปทำหนังสือเดินทางสำหรับคนต่างด้าวที่กรมการกงสุล ดูแม่ดีใจและตื่นเต้นในวันนั้นที่ได้มีโอกาสแสดงความจงรักภักดีต่อในหลวงแม้เพียงแค่ผ่านตัวหนังสือจีนไม่กี่บรรทัดก็ตาม 

ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของแม่นั้น แม่เสียน้ำตาเพราะต้องพบเจอปัญหาหรือความยากลำบากต่างๆอันเกิดจากความไร้สัญชาติมาไม่ใช่น้อย แม้วันนี้แม่จะมีรอยยิ้มให้เห็นเมื่อแม่ได้รับสถานะเป็นบุคคลที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีสิทธิมีเสรีภาพในการเดินทาง แต่ลึกๆในใจแม่นั้นดิฉันทราบว่าแม่คงอยากเป็นคนไทยอย่างเต็มภาคภูมิ 

รักแม่ค่ะ ถึงแม้ให้เลือกเกิดอีกครั้ง ก็ยังขอเกิดเป็นลูกแม่ค่ะ แม้แม่จะเคยพูดว่า เพราะแม่ ลูกๆจึงได้ไร้สัญชาติ

หมายเลขบันทึก: 43051เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2006 00:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม 2013 22:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอแสดงความยินดีด้วย และดีใจด้วยมากๆ ที่ครอบครัวของน้ำค้างได้รับสัญชาติไทยแล้ว ช่วงที่เรื่องราวของน้ำค้างเป็นข่าวทางทีวี เราก็ได้รู้จากเพื่อนที่ทำงานอยู่ในแวดวงข่าวทีวี และถามเรื่องของน้ำค้างจากเราว่ารู้จักกันมั้ย เพราะเห็นว่าจบจากที่เดียวกัน จวบจนวันนี้ผ่านมาหลายปีแล้ว หวังว่าน้ำค้างคงได้เรียนต่อปริญญาเอกอย่างที่หวังและตั้งใจไว้ คิดถึงเพื่อน ภาพวันที่เรากับหวานไปเยี่ยมน้ำค้างที่หอหน้าเอแบค เห็นน้ำค้างยิ้มแย้มแจ่มใส และสวยขึ้น ภาพนั้นยังจำติดตา ยังฝังอยู่ในใจเราอยู่เลย

คิดถึงเพื่อนเสมอ....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท