|
เว็บศูนย์รวม "โยคะสารัตถะ |
ธีรเดช อุทัยวิทยารัตน์
คอลัมน์ "โยคะวิถี"
โยคะสารัตถะ ฉ. ; ก.ย.'๕๒
หลายปีก่อนสำนักพิมพ์โกมลคีมทองจัดงานเสวนาเรื่องโยคะเพื่อเปิดตัวหนังสือ
“หัวใจแห่งโยคะ” โดยเชิญผู้ที่คร่ำหวอดในแวดวงโยคะของเมืองไทยสองท่าน
และผมในฐานะผู้แปลหนังสือเล่มดังกล่าวเป็นผู้ร่วมเสวนา
หลังจากผู้ร่วมเสวนานำเสนอและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การฝึกโยคะของตัวเองจบ
ผู้ดำเนินการเสวนาเปิดโอกาสให้ผู้ฟังได้แลกเปลี่ยนมุมมองของตัวเองและตั้งคำถามให้ผู้ร่วมเสวนาตอบ
ผู้ฟังท่านหนึ่งปล่อยหมัดเด็ดด้วยการขอให้ผู้ร่วมเสวนาแต่ละคนพูดถึงนิยามของโยคะในความคิดเห็นของตัวเองแบบสั้นๆ
พลันที่สิ้นสุดคำถามข้างต้น
ก็มีผู้ฟังอีกท่านเอื้อนเอ่ยโศลกจากคัมภีร์ปตัญชลีโยคสูตรด้วยเสียงดังฟังชัดไปทั่วห้องประชุมว่า
“โยคะ จิตตะ วฤตติ นิโรธะหะ”
เสียงร่ายโศลกที่หนักแน่นบ่งบอกความมั่นใจ
เรียกรอยยิ้มจากผู้ฟังหลายคนในห้องนั้นรวมทั้งผู้ร่วมเสวนาทั้งสามคน
เมื่อถึงคิวของผมที่ต้องให้นิยามของโยคะสั้นๆ
ผมแลกเปลี่ยนว่าอันที่จริงโศลกที่ผู้ฟังอีกท่านยกขึ้นมาจากโยคสูตรนั้น
ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนิยามแห่งโยคะที่น่าจะตรงไปตรงมาที่สุด
เพราะถอดความตามตัวอักษรได้ว่า
“โยคะคือการสิ้นสุดหยุดยั้งการแส่ส่ายของจิตอย่างสิ้นเชิง”
แต่ในเมื่อถูกขอให้(ลอง)ให้นิยามของคำว่าโยคะจากมุมมองของผม
ผมจึงหวนนึกถึงประสบการณ์ที่เริ่มฝึกอาสนะในลักษณะที่ค่อนข้างจะเป็นเรื่องบังเอิญ
จากนั้นค่อยๆ ย่ำเดินบนเส้นทางสายนี้
ซึ่งนำผมไปสู่การค้นพบที่ทางที่ลงตัวของชีวิตด้วยการเป็นผู้เยียวยา
ผมจึงให้นิยามของคำว่าโยคะจากผลึกของประสบการณ์และความคิดของตัวเองว่า
“โยคะคือความลงตัวของชีวิตในทุกมิติ”
ตั้งแต่มิติของความสัมพันธ์ระหว่างตัวเรากับสรรพสิ่งรอบๆ
ตัวเราที่เราเป็นส่วนย่อยๆ ส่วนหนึ่ง
ซึ่งดำรงอยู่อย่างอาศัยซึ่งกันและกัน
ตั้งแต่ธรรมชาติที่ไพศาลระดับจักรวาลที่รวมถึงที่ว่าง ธาตุลม ธาตุไฟ
ธาตุน้ำ ธาตุดิน สรรพสัตว์
ลงมาถึงความสัมพันธ์กับผู้คนในวงรอบที่อยู่ไกลออกไปอย่างเพื่อนร่วมโลก
และที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เป็นระดับประเทศ ชุมชน
และคนในครอบครัวที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุด
จากนั้นก็เป็นความลงตัวในชีวิตในมิติของตัวเราเอง
ซึ่งอาจครอบคลุมตั้งแต่วิถีแห่งการงานหรืออาชีพ
ความลงตัวในทางเศรษฐกิจหรือพูดง่ายๆ คือ
เราสามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้โดยไม่ขัดสน
ความลงตัวในแง่ของสุนทรียภาพในชีวิต รวมทั้งความลงตัวในทางสุขภาพ เช่น
มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย
หรือหากจะล้มป่วยก็สามารถปรับตัวคืนสู่สมดุลได้อย่างเหมาะสม
สุดท้ายคือความลงตัวของชีวิตในมิติแห่งตัวตนภายใน
หรือพูดอีกอย่างว่าเป็นความลงตัวในทางจิตใจและจิตวิญญาณ
ซึ่งก็คือสภาวะจิตที่ค่อยๆ สงบนิ่งจากอาการแส่ส่ายไร้ทิศทาง
และตั้งมั่นสู่สมาธิ
จนหยั่งรู้และเข้าถึงสภาวะที่แท้จริงของสรรพสิ่งตามที่มันเป็น
ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้คือความหมายหรือนิยามของโยคะจากผลึกของประสบการณ์และความคิดของผม
ซึ่งพูดตามจริงแล้วก็เป็นบริบทเดียวกับองค์แปดแห่งโยคะที่มหามุนีปตัญชลีประจักษ์และจารึกเรียบเรียงออกมาเป็น
”โยคสูตร” เมื่อหลายพันปีก่อน
เพียงแต่ผมนำมาร้อยเรียงเป็นมิติของชีวิตตามความเข้าใจจากประสบการณ์ของผม
ที่สำคัญอีกอย่างคือแม้จะให้นิยามของโยคะจากมุมมองของตัวเองได้
แต่ก็หาได้หมายความว่าตัวผมนั้นเข้าถึงหรือเป็นหนึ่งเดียวกับนิยามแห่งโยคะที่ว่านี้แล้ว
ถ้าบอกว่าโยคีคือผู้ที่เข้าถึงสภาวะแห่งโยคะ
หรือพูดในภาษาที่ผมคุ้นชินว่าคือผู้ที่เข้าถึงความลงตัวในทุกมิติของชีวิตอย่างสมบูรณ์แล้ว
ผมเองอย่างดีก็คงเป็นได้แค่ผู้ที่เริ่มย่างก้าวไปบนเส้นทางแห่งโยคะ
จนพอจะมองเห็นภาพร่างของนิยามและสภาวะแห่งโยคะชัดเจนขึ้นบ้าง
หลังจากสนใจใคร่รู้เรื่องของโยคะอย่างจริงจังจนตัดสินใจไปร่ำเรียนโยคะที่อินเดียเมื่อสิบเก้าปีก่อน
ไม่มีความเห็น