วิกฤติการณ์อาหารโลก

วิกฤติการณ์อาหารโลก

ข่าวเรื่องปีนี้อาหารทั่วทั้งโลกเราจะขาดแคลน เข้ายุค"ข้าวยาก หมากแพง"
ข่าวแจ้งอีกว่ารัฐบาลควรใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส
ข้าพเจ้าเองเกรงว่ารัฐบาลนั้นเชื่องช้าคล้ายควายขุน
กว่าจะอืดอาดยืดยาด เยื้องกายทำอะไร ก็สายไปหน่อยแล้ว
พ่อค้าวานิชเขาขยับแนวคิดแนวปฎิบัติไปก่อนล่วงหน้าหลายเดือนแล้ว
พวกพ่อค้าทั้งหลายก็เครือญาติกันกับนักการเมืองทั้งหลายนั่นแล

ชาวบ้านชาวนาจะคิดอะไรจะทำอะไร ก็ไม่เข้าใจไม่สันทัดกับการพัฒนา
ทำมาหากินบนพื้นฐานเดิมๆที่เคยทำกันมา ดูอย่างการทำนา
ก็เริ่มจากการสูบน้ำเข้านา บนเนื้อที่10ไร่ ใช้น้ำมันดิเซลประมาณ 15 ลิตร
แช่น้ำทิ้งไว้ 4-5วัน จะต้องมาไถ ขณะไถต้องสูบน้ำอีก
รวมค่าน้ำมันในรถไถ+สูบน้ำเข้านา 10ลิตร ไถแล้วทิ้งดินแช่หมักไว้อีก 1-2วัน
หมักดินแช่ไว้ก็ต้องมาทุบดินให้ละเอียด ลูบ-ปาดหน้าเลนให้ราบเรียบ
หมดค่าน้ำมัน 10ลิตร เมล็ดพันธุ์ข้าวที่เตรียมไว้มาแช่น้ำ 2วัน ยกขึ้นผึ่งไว้อีก2วัน
เมล็ดจะงอกตาออกมา(ต้องแช่ล่วงหน้าก่อนทำเทือกเสร็จ3วัน)
หว่านข้าว ต้องจ้างวานคนมาช่วยหว่าน2คน ค่าจ้างคนละ200.-รวม400.-
เป็นธรรมเนียมชาวนาว่า ว่าจ้างไหว้วานใครมาช่วยทำอะไรก็จะทำอาหารเลี้ยงมื้อกลางวัน
ไม่ได้คิดค่าอาหาร เมื่อหว่านข้าวแล้วก็ต้องปล่อยน้ำทิ้งไป ดูแลแอ่งน้ำไม่ให้มีขัง
หลังจากหว่านข้าวไป10วันต้องฉีดเคมีปราบวัชพืชหมดค่าเคมี 900บาท
ค่าน้ำมันเบนซินเครื่องฉีดพ่น2ลิตร 85.- ทิ้งไว้2-3วัน ต้องสูบน้ำเข้านาอีกที
หมดค่าน้ำมันอีก 10ลิตร ถ้าแดดแรงอากาศร้อนน้ำจะแห้งไว ต้องคอยหมั่นสูบน้ำ
เลี้ยงต้นข้าวที่ยังอ่อนแอไปประมาณ 20วัน จะหมดค่าน้ำมันอีก 40ลิตร
ถึงวันหว่านปุ๋ย จะใช้ปุ๋ยปริมาณ 20กก/ไร่ สูตร 16-20-0 ราคากระสอบละ 750.
ใช้ 4กระสอบ ประมาณ 3000.- ช่วงนี้ไม่ค่อยต้องสูบน้ำไปจนถึง 45 วัน
(ว่างได้25วัน) ถึงน้ำจะแห้งนาไปบ้างก็ปล่อยปะละเลยได้จนไปถึงอายุข้าว 45วัน
ต้องสูบน้ำเข้านาอีก ใช้น้ำมันอีก 15ลิตร แล้วเริ่มหว่านปุ๋ยครั้งที่สองอีก 3000.-
ใช้ปริมาณเท่าเดิม ต่อไปก็ต้องดูแลเรื่องน้ำไม่ให้แห้งนา ต้องเลี้ยงน้ำไว้ระดับ5ซม
หรือจะหมดค่าน้ำมันอีกประมาณ 50ลิตรจนกว่าจะเก็บเกี่ยว
ถึงวันเก็บเกี่ยว จะต้องหมดค่าจ้างรถเกี่ยวข้าวไร่ละ350. 10ไร่เท่ากับ 3500.-
และต้องเติมน้ำมันให้รถเกี่ยวอีกไร่ละประมาณ3ลิตร=10-12ลิตร
ค่าจ้างรถบรรทุกข้าวเปลือกตันละ 120.-ถ้า10ตัน(1เกวียน=1ตัน(1000กก))1200.-
ถ้าโรงสีซื้อข้าวเปลือกเกวียนละ 8300.-ความชื้น15%
แต่ความชื้นข้าวเปลือกจากท้องนาสูงกว่าเกณฑ์มาก ส่วนมากอยู่ที่ 25-30%
จะถูกโรงสีอ้างถึงความชื้นและสิ่งเจือปน รับซื้อข้าวเปลือกในราค 8000.-
จะต่อรองอะไรก็โดนไล่ไปขายโรงอื่น ไหนๆก็เสียค่าน้ำมันมาแล้วก็จำต้องขาย
พอสรุปค่าใช้จ่ายในการทำนาหนึ่งครั้ง
ค่าน้ำมันดิเซล 140ลิตรๆละ 31บาท 8587.-
ค่าน้ำมันเบนซิน 85.-
ค่าจ้างหว่านข้าว 400.-
ค่าปุ๋ยสองครั้งแปดกระสอบ 6000.-
ค่าจ้างรถเกี่ยวข้าว 3500.-
ค่าจ้างรถบรรทุก ผลผลิต75% 900.-
รวม = 19,072.- (30-35%จากต้นทุนหยาบ)
ขายข้าวเปลือกได้ ผลผลิต75% = 60,000.-(ต้นทุนหยาบ)
รายได้40,928.-/6เดือน =ปีละ = 81,856.- /12= รายเดือน=6821บาท
รายได้เดือนละ6000บาทเลี้ยงลูก2คนรวมในบ้าน=4คน = รายได้ต่อหัว 1705บาท
ค่าอาหาร ค่ารถไปโรงเรียน ค่าเครื่องแต่งกาย ค่าน้ำค่าไฟ ค่าซ่อมบำรุงเครื่องมือเกษตร
อย่างนี้แหละที่ชาวนามักเป็นลูกหนี้นอกระบบ เพราะจะไปกู้ ธกส จะอ้างเหตุแห่งการกู้
มาเพื่ออะไร และจะต้องมีโฉนดไปค้ำประกัน

ดีนะที่ยังปลูกพริก ผัก สวนครัวพอประทังไว้ได้บ้าง เลี้ยงไก่เป็ดไว้ เลี้ยงแพะไว้บ้าง
มีเวลาว่างปลูกข้าวโพดไว้กิน มีเหลือก็ขายบ้าง ช่วยประทังไปเดือนๆนึง
จะว่า "วิกฤติการณ์อาหารโลก" เป็นพิษมั้ยต่อชาวนา ก็คงตอบไม่ได้เต็มปากนักว่า . .
ไม่เดือดร้อนเท่าไรนัก เพราะเดือดร้อนมาจนอิ่มตัวกระมั้ง
จะเดือดร้อนก็กับคนรวยมีสตางค์นั่นแหละที่ไม่มีอาหามาวางขายมากเท่าเก่าก่อน
คนจนอย่างผมก็คงทำไปกินไปตามประสาที่เคยเป็นมาแต่วันวาน
พวกเราเคยเดินตีนเปล่า เคยทำนาทำสวนจนมือตีนแตกมาแล้ว เราตากแดดมา
จนหลังไหม้ก็เคยมาแล้ว เราไม่กลัวที่จะลำบากอีกถ้ามันจะต้องถึงวันที่ลำบากอีกครั้ง

พระเจ้าอยู่หัวจงทรงพระเจริญ ประเทศไทยจงเจริญ และชาวนาจงเจริญ

ขอคัดย่อเพลง"คนกับควาย"แถมท้ายสักนิด
ก็คนทำนาประสาคน
คนกับควายทำนาประสาควาย
คนกับควายความหมายมันลึกล้ำ
ลึกล้ำทำนามาเนิ่นนาน
แข็งขันการงานมาเนิ่นนาน
สำราญเรื่อยมาพอสุขใจ
...... 

[sr]

Thanks for the detailed costing.

Can we put this in a spreadsheet so that any change in cost can be calculated very quickly. Farmers should have access to this estimator to make plan for their farming operations?

[ยิ้ม ค่ะ]

เป็นคนไทยที่เก่งมากรู้รักแผ่นดินเกิดรักบ้านเกิดของตนเองเยี่ยมมากพี่นนท์น้องคนนี้ขอคารวะ