วิชาหนึ่งในหลักสูตรที่ผมต้องเรียนตอนปริญญาโท สาขา Small Business Promotion & Training ในตอนนั้นก็คือเรื่อง informal sector หลายท่านหากเคยค้นหาเอกสารรายงานของ ILO หรือ UNDP มาก่อนก็อาจจะเคยผ่านตาคำนี้มาบ้าง
informal sector หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น "ธุรกิจนอกสารบบ" คือ ภาคธุรกิจอีกกลุ่มหนึ่งที่พบเห็นในเขตเมือง โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย มีนักวิชาการหลายท่านที่ศึกษาด้านนี้เคยเขียนเป็นโมเดลแสดงให้เห็นถึงการเกิดภาคธุรกิจนี้ขึ้นมา informal sector กล่าวโดยย่อๆเข้าใจง่ายก็คือ กลุ่มคนที่อพยพมาจากภาคเกษตรกรรม เข้ามาสู่เมือง ด้วยเหตุผลที่ถูกบีบจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ฝืดเคือง มาด้วยความหวังที่จะเข้ามาหางานทำ รับจ้างทั่วไป ส่วนหนึ่งได้เข้าไปสู่ธุรกิจในระบบ แต่อีกส่วนใหญ่ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้อยู่รอดโดยเข้าไปอยู่ในธุรกิจนอกระบบ
ธุรกิจนอกระบบ ไม่ได้หมายความว่า ธุรกิจผิดกฎหมายซะทีเดียวนะครับ แต่เป็นธุรกิจที่ไม่จัดเข้าสู่สารบบในทางกฎหมายเท่านั้นเอง เช่น ผู้ค้าปลีกรายย่อย อาชีพบริการเล็กๆน้อยๆที่เห็นดารดาษทั่วเมือง และอื่นๆอีกเยอะแยะ (เช่นธุรกิจแผงขายของของริมถนน) เป็นต้น
สลัม หรือชุมชนแออัดในเมือง จึงถือเป็นภาพหนึ่งของการอยู่อาศัยของ informal sector ธุรกิจนอกระบบ นั้น นักวิชาการเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า มีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจมหภาคเช่นกัน
ทีนี้กลับมาที่ KM หรือเจ้า การจัดการความรู้
เมื่อก่อนตอนที่ผมเรียนอยู่ ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่า informal sector จะขยายตัวไปอีกแค่ไหน และทางออกคือ อพยพเข้าเมืองอย่างเดียวกระนั้นหรือ? เพราะดูเหมือนว่าภาคเกษตรกรรมนั้นมันมีแต่จะดิ่งหัวลง หากเรามองตามสายตาของนักเศรษฐศาสตร์ตะวันตก
แต่พอมารู้จัก KM โดยเฉพาะเห็นการจัดการความรู้ภาคประชาสังคม บวกกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงจากคนที่ทำจริง ทำให้เห็นบางอย่างที่เราไม่เคยคิดมาก่อน แค่คำพูดของปราชญ์ชาวบ้านคำเล็ก "ชาวบ้านที่อพยพไปขายแรงงานในเมือง ต้องทิ้งบ้าน ทิ้งครอบครัวไปนั้น เพราะเขาไม่มีความรู้ที่จะอยู่บ้านตัวเอง และในโรงเรียนก็ไม่เคยมีสอนวิชาพวกนี้ด้วย" ก็ทำให้ผมต้องอึ้งในวิธีคิด ที่ต้องขอบอกเลยว่า แม้คุณจะไปเรียนถึงต่างประเทศ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะฉลาดปราชญ์เรื่องเมื่อสำเร็จการเรียนกลับมา ตรงกันข้าม วิธีคิดของคนตัวเล็กๆที่เรียนหนังสือในโรงเรียนมาเพียงเวลาสั้นๆก็สามารถเปิดกะโหลกคุณได้เช่นกัน ขอเพียงแต่เปิดใจ ตั้งใจที่จะรู้จริงๆ
การจัดการความรู้ที่จะอยู่บ้านตัวเอง จึงเป็นวิชาหนึ่งที่สมควรอย่างยิ่งที่ต้องมีบรรจุอยู่ในหลักสูตรการศึกษาพื้นฐานของคนในท้องถิ่น ให้รู้จักที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆในบ้านเกิดตัวเอง รู้จักว่าอะไรคือ ทุนทางสังคมที่ชุมชนตนเองมี และเอามาใช้ในการดำรงชีพได้อย่างไร?