การศึกษาหนึ่ง (ตีพิมพ์ใน
Epidemiology, March 2006) ทำการเปรียบเทียบสูตรอาหาร 3
ชนิดพบว่า ลด LDL
หรือโคเลสเตอรอลชนิดเลวได้ไม่เท่ากันดังต่อไปนี้
.
(1). ผัก-ผลไม้-นัท (nuts =
เมล็ดพืชเปลือกแข็ง กระเทาะเปลือก เช่น อัลมอนด์ ฯลฯ) >
ลด LDL 33%
.
(2).
ผัก-ผลไม้-นัท-ธัญพืชไม่ขัดสี (เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท
ฯลฯ)-นมไขมันต่ำ > ลด LDL 23%
.
(3). อาหารลดไขมันสูตรอเมริกัน
(National Cholesterol Therapeutic Step-2 Diet) >
ลด LDL 7%
.
การศึกษาหลายรายงานพบว่า
วิธีควบคุมโคเลสเตอรอล (ไขมันในเลือด) และความดันเลือดสูง
ป้องกันโรคหัวใจ (หลอดเลือดหัวใจตีบตันกำเริบ), และทำให้อายุยืนยาว
คือ การกินอาหารให้แคลอรี (กำลังงาน)
รวมไม่เกินกำลังงานที่ใช้หมดไปในแต่ละวัน
.
อาหารสูตร "ผัก-ผลไม้-นัท"
โดยเน้นการกินผัก ผลไม้ทั้งผล (ไม่ใช่น้ำผลไม้กรองกาก), และนัท เช่น
อัลมอนด์ ฯลฯ เป็นสูตรอาหารดึกดำบรรพ์ที่บรรพบุรุษของคนสมัย 4-7
ล้านปีก่อนกิน
.
การศึกษาหนึ่ง (European
Heart Journal Supplements, 1999;1(S):S19-S23)
ทำโดยลดปริมาณกำลังงาน หรือแคลอรีในอาหารให้น้อยลง 1/3
และกินเฉพาะอาหารไขมันสูงกับผลิตภัณฑ์นม
ทำให้โคเลสเตอรอลลดลง
.
กลไกที่เป็นไปได้ คือ
ไขมันอิ่มตัวที่กินเข้าไปถูกแปรสภาพเป็นสารอะซีทิล (two-carbon acetyl
units) ซึ่งถ้ากินอาหารมากจนกำลังงาน
หรือแคลอรีมากกว่าส่วนที่ใช้หมดไป จะถูกนำไปสร้างเป็นโคเลสเตอรอล
และทำให้โคเลสเตอรอลสูงขึ้น
.
ตรงกันข้าม...
ถ้ากินอาหารน้อยจนกำลังงาน หรือแคลอรีน้อยกว่าส่วนที่ใช้หมดไป
สารอะซีทิลจะถูกนำไปใช้ในการสร้างกำลังงานแทนโคเลสเตอรล
ทำให้โคเลสเตอรอลไม่สูงขึ้น
.
อาหารสูตร "ผัก-ผลไม้-นัท" มีแป้งต่ำมาก
ทำให้โอกาสได้รับกำลังงานเกินมีน้อยมาก ต่อมาเมื่อ 10,000 ปีก่อน,
คนเริ่มกินธัญพืช เช่น ข้าว ฯลฯ และผลิตภัณฑ์สัตว์มากขึ้น
ทำให้ได้รับกำลังงานมากเกินส่วนที่ใช้หมดไป
กำลังงานจากอาหารส่วนเกินจะถูกนำไปสะสมไว้ในเซลล์ไขมัน
ทำให้เซลล์ไขมัน "อ้วน" ขึ้นเรื่อยๆ
และโคเลสเตอรอลก็สูงขึ้นตามไปด้วย
.
การกินอาหารที่ให้กำลังงานหรือแคลอรี
(โปรตีน-ไขมัน-คาร์โบไฮเดรตหรือกลุ่ม "แป้ง-น้ำตาล")
มากเกินจะทำให้เกิดการสะสมไขมันในกล้ามเนื้อ
.
ไขมันในเซลล์ไขมันที่อ้วนพีจะไปปิดกั้นตัวรับฮอร์โมนอินซูลิน
(insulin receptors) ทำให้น้ำตาลเข้าเซลล์ได้ไม่ดี
ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และตามมาด้วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน
โรคหัวใจ สโตรค (หลอดเลือดสมองแตก-ตีบตัน อัมพฤกษ์
อัมพาต), มะเร็ง
หรือเพิ่มเสี่ยงตายก่อนวัยอันควร
.
อ.นพ.เมียคิน
แนะนำให้ทดลองสูตรอาหารลดอ้วน-ลดโคเลสเตอรอลได้แก่ สูตร
"ผัก-ผลไม้-นัท"
.
ผักที่ช่วยควบคุมน้ำหนักส่วนใหญ่ควรเป็นผักที่ไม่ใช่ผักหัว
หรือผักมีแป้งสูง เช่น ไม่ใช่ฟักทอง-หัวไชเท้า ฯลฯ
กินได้ไม่จำกัด
.
ผลไม้ควรเป็นผลไม้ที่ไม่หวานจัด เช่น แอปเปิล ส้ม
ส้มโอ ชมพู่ (ใช้พริกหวาน หรือมะเขือเทศแทนได้) กินทั้งผล
ไม่ใช่กรองกากทิ้ง (ปั่นรวมกากได้ แต่กินดีกว่า
เนื่องจากการเคี้ยวจะทำให้อิ่มมากกว่าดื่ม)
และควรเลือกผลไม้หลายสีหลายชนิด
.
ปริมาณผลไม้ไม่ควรเกิน 8-16
ชิ้นคำ/มื้อ หรือเทียบเท่าแอปเปิ้ลไม่เกิน 2 ผลขนาดกลาง/มื้อ (กิน 3
มื้อ/วัน และต้องกินอาหารเช้า)
.
ผลไม้ที่ไม่ควรใช้ในสูตรนี้ คือ
ผลไม้เขตร้อนที่หวานจัดส่วนใหญ่ เช่น ลิ้นจี่ ลำไย
ฯลฯ
.
ส่วนนัท (nuts)
หรือเมล็ดพืชเปลือกแข็งกระเทาะเปลือกในไทยคงจะหายาก และแพง เช่น
อัลมอนด์ ฯลฯ ให้กิน 8-10 เมล็ด/มื้อ นั่งลงกิน เคี้ยวช้าๆ
และไม่ให้ดู TV หรือคอมพิวเตอร์
.
ถ้านัท เช่น อัลมอนด์ ฯลฯ แพงเกินไป... ของไทยๆ
ที่คล้ายนัทที่พอใช้ได้ แต่สู้นัทไม่ได้ตรงที่มีแป้งมาก คือ
ถั่วลิสงต้ม, ห้ามกินถั่วลิสงทอด, ให้กิน 8-10 เมล็ด/มื้อ (8
เมล็ดให้กำลังงาน = ข้าว 1 ทัพพี = 80
แคลอรี)
.
อาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวไว้ดี คือ
โรคอ้วนในไทยน่าเริ่มพบตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4
ซึ่งตอนนั้นมีการนำกระทะเข้ามาในไทย
.
กระทะนำมาทั้งวิกฤติและโอกาส คือ
พอมีกระทะแล้วผัดบ้างทอดบ้าง ทำให้อาหารอร่อยจนอาหารไทยดังไปทั่วโลก,
ทว่า...
ทำให้อาหารมีกำลังงานหรือแคลอรีเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
.
ถึงตรงนี้...
ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
.
> [
Twitter ]
ที่ มา