คำว่า KM (Knowledge Management) เคยแต่ได้ยินแต่ไม่เคยรู้ว่ามันคืออะไร


แต่เราจะทำได้ยังงัยในเมื่อเรายังไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เรากำลังจะทำมันคืออะไร

ผมเคยได้ยินคำนี้มาบ่อยมากเกี่ยวกับคำว่าเรามาทำ km กันซึ่งผมบอกตามตรงว่าไม่เคยรู้ความหมายการกระทำที่แท้จริงของมันเลยว่าที่แท้มันคืออะไร แต่จนมาถึงวันนี้ มีพี่ที่ทำงานมาบอกว่า "นี่เธอพี่มีอะไรจะคุยกับเธอสักหน่อย ผมก็ถามเขาว่ามีเรื่องอะไรเหรอครับพี่ เขาบอกผมว่า เออ! พอดี อ.หนึ่งเขาคุยกับพี่เรื่องเราหน้าจะมีการทำ Km กันนะ (อะไรประมาณนี่แหละ) ซึ่งผมก็คุยกับพี่เขาไปนิดหน่อยรู้แต่เพียงว่า เอาล่ะสิขนาดความหมายคำว่า KM  มันคืออะไรเรายังไม่รู้เลย ก็ได้แต่บอกพี่เขาไปว่า พี่คุยกับหัวหน้าผมก็แล้วกัน ผมร่วมทีมงานได้อยู่แล้ว ......แต่ในใจส่วนลึกนะคิดครับว่า มันคืออะไรกันล่ะเนี่ย ....มันจึงเป็นเรื่องสิครับอย่างแรกเลยคือเราทำให้ได้ แต่เราจะทำได้ยังงัยในเมื่อเรายังไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เรากำลังจะทำมันคืออะไร มันจึงต้องหาข้อมูลสิครับก็ประมาณว่าเราอยากจะรู้จักใครสักคนอยู่ๆ จะให้เดินไปขอเบอร์เขาเลยหรือมันก็กระไรอยู่อย่างน้อยก็ต้องหาข้อมูลเขามาบ้างและนี่คือบางส่วนที่ผมหามาได้สำหรับข้อมูลของ  น.ส. KM  

 ประโยชนของ Knowledge Management

1. เพิ่มประสิทธิภาพขององคกร

2. องกันการสูญหายของภูมิปญญา ในกรณีที่บุคลากรเกษียณอายุ ลาออก หรือเสียชีวิต

3. เพิ่มศักยภาพในการแขงขันและความอยูรอด

4. เปนการลงทุนในตนทุนมนุษยในการพัฒนาความสามารถที่จะแบงปนความรูที่ไดเรียนรูมาใหกับคนอื่น ๆ ในองคกร และนําความรูไปปรับใชกับงานที่ทําอยูใหเกิดประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น เปนการพัฒนาคน และพัฒนาองคกร

5. วยเพิ่มขีดความสามารถในการตัดสินใจและวางแผนดําเนินงานใหรวดเร็ว และดีขึ้น เพราะมีสารสนเทศ หรือแหลงความรูเฉพาะที่มีหลักการ เหตุผล และนาเชื่อถือชวยสนับสนุนการตัดสินใจ

6. ผูบังคับบัญชาสามารถทํางานเชื่อมโยงกับผูใตบังคับบัญชาใหใกลชิดกันมากขึ้น ชวยเพิ่มความกลมเกลียวในหนวยงาน

7. เมื่อพบขอผิดพลาดจากการปฏิบัติงาน ก็สามารถหาวิธีแกไขไดทันทวงที

8. แปรรูปความรูใหเปนทุน ซึ่งเปนการสรางความทาทายใหองคกรผลิตสินคาและบริการจากความรูที่มี เพื่อเพิ่มคุณคา และรายไดใหกับองคกร

9. เพื่อการสรางสรรคและบรรลุเปาหมายของจินตนาการที่ยิ่งใหญ

10. เปลี่ยนวัฒนธรรม จาก วัฒนธรรมอํานาจ / แนวดิ่ง สูวัฒนธรรมความรู / แนวราบ

11. ความสามารถในการปรับตัวและความยืดหยุ

12. การจัดการความรูวยใหองคกรมีความเขาใจลูกคา แนวโนมของการตลาด และการแขงขันทําใหเพิ่มโอกาสในการแขงขัน

13. การพัฒนาทรัพยสินทางปญญาเปนการพัฒนาความสามารถขององคกรในการใชประโยชนจากทรัพยสินทางปญญาที่มีอยู

14. การยกระดับผลิตภัณฑการนําการจัดการความรูมาใชวยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและบริการ

15. การบริหารลูกคา การศึกษาความสนใจและความตองการของลูกคาจะเปนการสรางความพึงพอใจและเพิ่มยอดการขาย และการสรางรายได

16. การลงทุนทางทรัพยากรบุคคล การเพิ่มความสามารถในการแขงขันการเรียนรูวมกัน 

ญหาของ Knowledge Management

1. การถายทอดความรูระหวางบุคคลกับองคกร เชนปญหาการไมแบงปนความรูบริษัทหนึ่งมีการงพนักงานไปสัมมนา หรือฝกอบรม หลังจากที่กลับมาแลว ก็เก็บความรูเอาไวคนเดียว หรืออาจจะรายงานใหหัวหนาทราบเพียงเทานั้น แตพนักงานคนอื่นอีกหลายคนในองคกรที่ไมไดไปจะไมรับรูเลยวาคนที่ไปกอบรม หรือไปสัมมนามานั้น ไดอะไรกลับมา เพราะมีไมการเก็บบันทึกรายงานหรือสิ่งที่นาสนใจที่ไดจากการอบรม หรือสัมมนาในครั้งนั้น ๆ ไวในฐานขอมูล อินทราเน็ต หรือเว็บไซตหากองคกรไมมีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องเชนนี้ ก็จะใหการลงทุนไปกับการสงพนักงานไปฝกอบรม หรือเขารวมสัมมนา อาจจะเปนการลงทุนที่สูญเปล

2. การจัดเก็บความรูขององคกร จัดเก็บไวหลากหลายแหลง หลายรูปแบบ มีทั้งที่เปนอิเล็กทรอนิกสและไมเปนอิเล็กทรอนิกสกระจัดกระจาย ในยามที่ตองการขอมูลเพื่อการตัดสินใจแบบดวน จะทําไมไดเพราะตองใชเวลารวบรวมขอมูลนาน ทําใหเสียผลประโยชนอองคกร

3. การไมนําความรูขององคกรมาสรางความสามารถในการแขงขัน หรือกอใหเกิดประโยชนอยางแทจริง ในองคกรมีความรูมากมาย ที่ไดจากการวิจัย หรือประสบการณจากการทํางาน แตวิจัยแลวก็จบไปไมนําไปประยุกตเพื่อทําใหเกิดผลทางธุรกิจตอไป หรืองบโครงการหมดก็จบโครงการไปไมมีการสานตหรือองคกรมีผูรูผูเชี่ยวชาญที่สามารถออกไปสอนองคกรอื่นใหประสบความสําเร็จ มีความรูแตในขณะเดียวกัน ทานเหลานั้นกลับยุ่ง และไมมีเวลาเหลือพอที่จะพัฒนาคนในองคกรเดียวกันเลย ก็กลายเปความสูญเปลาที่ไมาจะเกิดขึ้น

4. การสรางความรูใหมสิ่งนี้จะไมเกิดขึ้นถาไมมีการสะสมความรูที่มีอยูเดิมอยางเปนระบบ เมื่อไมเกิดความรูใหมอีกทั้งความรูเดิมไมไดเก็บไววยแลว องคกรก็จะไมเหลืออะไร และจะตายลงในที่สุด

5. การไมนําความรูภายนอกมาปรับใชอาจจะทําใหตามสถานการณโลก และคูแขงไมทัน

6. ความรูในองคกร ความรูภายนอกองคกร ไมเชื่อมโยงกับงาน และขาดบริบทในการปฏิบัติงาน

เอกสารเพิ่มเติม:

http://gotoknow.org/file/naratr/KM.pdf

คำสำคัญ (Tags): #km
หมายเลขบันทึก: 42004เขียนเมื่อ 1 สิงหาคม 2006 15:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:30 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • ต้องบอกว่าดีใจครับที่เห็นคนในสำนักหอสมุดให้ความสนใจ เรื่อง KM
  • ผมกำลังวางแผนให้คนในองค์กรของเรารู้จัก KM มากขึ้น
  • แต่ผมว่าถ้ารู้แล้วเราคงร้องอ๋อว่าที่แท้เราทำกันอยู่แล้ว

ยังมี staff ในหน่วยงานอีกหลายท่านที่ยังไม่รู้จัก KM เลยค่ะ ทั้งที่มันก็อยู่ในบระบวนการทำงานของเรา  คุยกันในกลุ่มคนทำงานร่วมกันมากขึ้น น่าจะเป็นการเริ่มต้น KM ที่ดีนะคะ

อ.ทิพรัตน์ สิทธิวงศ์
KM : Knowledge management เป็นการบริหารจัดการความรู้ ซึ่งในต่างประเทศเค้าทำกันมานานแล้วเพราะองค์กรจะอยู่ได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรามีบุคลากรเก่งๆ เท่านั้น  แต่องค์กรจะอยู่ได้ต้องมีระบบการบริการจัดการความรู้ที่มีอยู่ภายในองค์กรอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่ว่าคนใดคนหนึ่งออกจากหน่วยงานหรือองค์กรไปแล้วภายในองค์กรจะทำอะไรไม่ได้เลย เพราะคนที่ออกไปนำความรู้ไปด้วย  ถ้าเป็นเช่นนั้นถือว่าองค์กรนั้นไม่มีการบริหารจัดการที่ดีเลย อยากจะอธิบายและยกตัวอย่างให้มากกว่านี้แต่เอาไว้วันหลังนะค่ะเพราะต้องใช้เวลาในการเขียนและเรียบเรียงให้อ่านแล้วเข้าใจมากกว่านี้
ชีวิตกับงานห้องสมุด

กำลังหาคำตอบอยู่เหมือนกัน คำตอบที่มาจากการปฏิบัติจริง อยู่ตรงไหนเอ่ย?  

1.  เราจะทำอย่างไร (จูงใจ) ให้คนใช้ "ศักยภาพ" ของตนเองให้เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานห้องสมุดให้มากที่สุด

2.  คุณภาพกับKM ต้องควบคู่กัน จริงไหม?

3.  ทำไมต้องทำ KM ทำแล้วเราได้อะไร ทำแล้วห้องสมุดได้อะไร

4.  ห้องสมุดกำลังทำอะไรบ้าง 5ส, 9 องค์ประกอบ, BSC, และตามด้วย KM ทำอย่างไรให้บูรณาการไปด้วยกัน

 

ดิฉันมองว่าสิ่งแรกที่เราจะเข้าใจ KM ได้ ก็คือการเปิดใจรับและพร้อมให้แลกเปลี่ยนค่ะ  เริ่มต้นที่ตัวเรานั่นแหล่ะดีที่สุดค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท