จากการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนที่กำลังอยู่ในสภาพการณ์เดียวกัน การไปให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการ เมื่อก่อนเคยใช้ความทะเยอทะยาน ความอยากมีอยากเป็น ความต้องการการยอมรับมาเป็นแรงผลักดันในการต่อสู้บากบั่นเพื่อสร้างฝันให้เป็นจริง แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้เรียนรู้ว่า subset ของกิเลสดังกล่าวส่งผลร้ายต่อเรา จนมาถึงจุดหนึ่งเมื่อไม่อยากมีอยากเป็นสลับกับแรงจูงใจจากกิเลสดังกล่าวลดลง ในขณะที่เมื่อศึกษาพุทธศาสตร์ไปเรื่อยๆ ได้ทราบว่าโลกมันก็จะเป็นอย่างนี้เป็นวัฏจักรไปไม่มีที่สิ้นสุด มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป สร้างอะไรไว้บนโลกไม่นานก็สูญสลาย แล้วจะเหนื่อยยากไปทำไม...
แต่เค้ากระตุ้นเตือนให้นึกถึง "เมตตา" อันเป็น subset ของปัญญา ใช่ บางครั้งก็ลืมไป บางครั้งก็นึกได้แต่ไม่แรงพอ ในเมื่อฉันทะก็ขาดๆ เกินๆ ไม่คงที่ ต้องเพิ่มความแรงของเมตตาให้มากกว่านี้ จะลองดู...
...@@@มาเพื่อเรียนรู้ พัฒนาตนเอง ช่วยเหลือผู้อื่น แล้วก็จากไป@@@...จนกว่าจะหลุดพ้น000...
ขอเสริมนิดนึงว่า ความอยากในเรื่องที่ดี เช่นทะยานอยาก พูดให้สวยและเชิงวิชาการคือแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ถ้าหากปลูกจิตสำนึกให้นักเรียนเล็กๆได้ เป้าหมายในชีวิตของพวกเขา ตลอดไปถึงประเทศชาติก็จะดีไปด้วย
อยาก..มันไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใดยังเป็นคน แต่ถ้าอยากให้มีจังหวะ รู้จุดยืนของตนเอง และดึงนำมาใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมกับทุกสถานการณ์ ความอยากก็จะบรรลุเป้าหมายได้