ภาพที่ ๑ การมีอารมณ์ขัน ขบขัน คาดไม่ถึง สนุกสนาน
ภาพที่ ๒ ครุ่นคิด ลึกซึ้ง ให้ความคิด ชวนคิด ช่างคิด ลุ่มลึก
ภาพที่ ๓ มีพัฒนาการ ก้าวหน้า ล้ำยุค ปราดเปรื่อง ฉลาดคิด หลักแหลม น่าอัศจรรย์ใจ น่าประทับใจ น่าชื่นชม
ภาพที่ ๔ ดีงาม น่าชื่นชมยกย่อง น่านับถือ งดงาม เสียสละ
ภาพที่ ๕ แสดงความชื่นชมยินดี ประสบความสำเร็จ ปลอดภัย
ภาพที่ ๕ ห่วงใย เยี่ยม เยือน เอาใจใส่ดูแล แบ่งปันความห่วงใย
ภาพที่ ๕ ประหลาดใจ ประทับใจ เก่ง น่าตื่นเต้น อัศจรรย์ใจ
........................................................................................................................................................................
Online Gallerry ศิลปะและภาพศิลป์ออนไลน์
รูป CGA : Computer Graphic ออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สนใจ ทั้งเพื่อเยี่ยมชมหาความสุขจากงานศิลปะ และนำเอาไปดัดแปลงทำสื่อการเรียนรู้ หรือนำเอาไปใช้งานต่างๆตามความสนใจ
สวัสดีค่ะพี่ชายอ.ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เป็นภาพสะท้อนถึงชีวิตเด็กๆในชนบทเลยค่ะ
ดึงกางเกงไว้มือหนึ่งกลัวจะหลุด
บางคนก็ใช้ยางรัดหรือไม่ก็เชือกผูกขอบกางเกงไว้ด้วยอิอิ
ชอบภาพนี้ค่ะ ดูแล้วมีความสุข
ภาพน่ารักค่ะ เป็นศิลปะยุคใหม่ที่ไม่ต้องอาศัยความสามารถจากควบคุมกล้ามเนื้อมัดเล็ก ไม่ต้องระมัดระวังมากเพราะแก้ไขได้ ขณะเดียวกันก็สามารถคัดลอกได้มากมาย แต่ในการสร้างภาพต้องใช้ความมีศิลปะในหัวใจ ขอบคุณครูมากค่ะ งานชิ้นนนี้นำไปสอนเรื่องสีโปสเตอร์ได้ดีนะค่ะ
อ่านการอธิบายของหนูนก คุณครูจุฑารัตน์แล้ว ก็ต้องหัวเราะและยิ้มเลยละครับ
นี่แหละครับบ้านนอกตัวจริงถึงจะรู้ว่ากางเกงจะหลุดอยู่ตลอดเวลาของเด็กๆนั้น มีความหมายต่อวิถีชีวิตและสะท้อนความเป็นเด็กชนบทอยู่อย่างไร
มีน้องๆเขาถามเหมือนกันว่าทำไมต้องหิ้วกางเกงด้วย ผมก็ไม่ทันได้สังเกต
มันเป็นการวาดไปตามประสบการณ์และข้อมูลที่เคยเห็น อันที่จริงต้องมีขี้มูกไหลด้วย
แต่พอได้เล่าให้ฟังก็ยากที่จะทำให้คนที่อีกรุ่นหนึ่งและในสภาพแวดล้อมอื่น เห็นภาพไปด้วยได้ คนรุ่นใหม่ไม่เคยต้องนุ่งกางเกงต่อๆกันอย่างเป็นมรดกสืบทอดกันในหมู่พี่ๆน้องๆ อีกทั้งเกิดมาก็ต้องนุ่งเสื้อผ้ามิดชิดและใส่แพมเพิร์ช
แต่เด็กๆเมื่อก่อนนั้น มีกางเกงนุ่งนี่ก็นับว่าเป็นเรื่องทันสมัยมาก และกางเกงที่ได้นุ่งนั้น ยากมากเลยที่จะนุ่งแล้วพอดี ถึงแม้จะเป็นมือหนึ่งก็ตาม ต้องนุ่งขนาดเผื่อโต เพราะฉนั้นก็จะตัวโค่งๆ มิหนำซ้ำก็จะเป็นกางเกงราคาถูก นุ่งปีเดียวก็จะยางยืด แต่ตราบใดที่ยังขาดยุ่ยไปหมด ก็จะถือสืบทอดนุ่งต่อๆกัน เวลาวิ่งเล่น ก็มักต้องหิ้วกุงเกงหรือผ้าถุงไม่ให้หลุดอยู่ตลอดเวลา
ภาพมือข้างหนึ่งยึดขอบกางเกงไว้ กับอีกแขนข้างหนึ่งป้ายขี้มูกนั้น ผมว่าเป็นความน่ารักและเป็นความใสบริสุทธิ์ของเด็กๆชนบทในอดีต เดี่ยวนี้คงไม่ค่อยได้เห็นแล้วนะครับ
สวัสดีครับพี่คิมครับ
ดูเหมือนว่าภาพนี้คนดลใจจะมาจากกลุ่มบล๊อกเกอร์ในแนวที่มีบางด้านอย่างพี่คิมนี่แหละครับ เช่น พี่นงนาท หนานเกียรติ อาจารย์ขจิต ครูหยุย อาจารย์หมอ JJ อาจารย์ ดร.ประพนธ์ อาจารย์หมอวิจารณ์ ดร.ชิว ดร.แสวง ครูบาสุทธินันท์ ลุงวอญ่า พระอาจารย์มหาแล ฯลฯ
สวัสดีครับครูเอครับ
ขอบพระคุณอาจารย์มากๆเลยค่ะ ชัดเจนในรายละเอียด ยอดจริงๆค่ะ
ในรายละเอียดของสีโปสเตอร์แล้ว มิน่าว่าเวลาผสมสีใน com จึงได้สีที่แตกต่างไปจากการผสมด้วยของจริง งานกราฟิคจะออกมาโดดเด่นกว่าชิ้นงานศิลปะ
ต้องขอโทษด้วย ครูเอรู้แค่ผิวเผิน แต่ชอบถามค่ะ งบประมาณในการปฏิบัติยังน้อยต้องสะสมความรู้ให้มากๆ ขอบคุณค่ะ
ผมเลยทดทดลองทำภาพเชิงซ้อน หรือภาพ Overlay จำลองการผสมสีจากการเปล่งแสงอันเกิดจากพลังงานในระดับที่แตกต่างกันกับผลที่ได้ มาฝากเป็นรูปสวยๆไปในตัวด้วยครับ ผลมันเป็นอย่างที่ผมกล่าวถึงน่ะครับ ไม่เหมือนกับการผสมสีโปสเตอร์ซึ่งเป็นการผสมกันของเนื้อสารที่เป็นเม็ดสี ไม่ใช่สีจากการเปล่งแสงอันเกิดจากพลังงาน เช่น สีเทาเข้ม ผสมกับเทาอ่อน น่าจะทำให้สีบางเบาเป็นเทาเจือจางลง แต่ก็กลับได้สีที่เข้มมากกว่าเดิม ลักษณะเหมือนกับการที่เราจัด Black Ligth บนเวที แล้วใส่เสื้อผ้าสีเกือบตรงข้าม คือ สีขาว ( Black Ligth เป็นสีม่วงเข้ม สีตรงข้ามเป็น Lemon Yellow ซึ่งเกือบขาว) ก็จะกลายเป็นเหมือนกับสว่างขึ้น
ส่วนสีส้มแดงกับสีเขียว และสีม่วงกับสีเหลือง ซึ่งเป็นสีคู่ปฏิปักษ์นั้น ทางทฤษฎีสีแบบมันเซนหรือการผสมแบบใช้เนื้อสีและมวลสารที่เป็นเม็ดสี ก็จะต้องออกมาเป็นสีน้ำตาลเข้มและเกือบเป็นสีดำ แต่นี่กลับกลายเป็นให้ผลเป็นสีเหลืองที่สว่างสดใสขึ้นมากกว่าเดิม
ผมเคยคุยกับเพื่อนๆที่เป็นครูอาจารย์สอนศิลปะ และสอนคอมพิวเตอร์กราฟิคว่า การสอนเด็กๆและนักศึกษาให้ทำงานศิลปะด้วยคอมพิวเตอร์โดยขาดการฝึกฝนพื้นฐานทางศิลปะนั้น ในระยะยาวแล้วจะมีความสามารถทำงานสร้างสรรค์ได้จำกัดมาก หากออกไปทำงานในสถานการณ์จริง ก็จะไม่สามารถผสมสีในหัวเป็น สร้างโมเดลเพื่อตรวจสอบการทำงานในหัว แล้วทำออกมาได้อย่างที่ใจต้องการไม่ได้ ต้องลองเลือกแบบเดาสุ่มไปเรื่อยๆ จากสีสำเร็จรูปที่มีในคอมพิวเตอร์อย่างไม่มีหลักเณฑ์ เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่สำคัญมากเหมือนกันนะครับ
ผมเคยจัดอาร์ตเวิร์คและทำภาพประกอบด้วยโปรแกรมไมโครซอล์ฟเวิร์ด คนเห็นก็ชอบใจมากและอยากได้โปรแกรมจัดอาร์ตเวิร์ค ซึ่งในมหิดลศาลายายุคแรกๆนั้น ผมเป็นคนแนะนำให้ทุกคนรู้จักใช้โปรแกรม Page Maker สำหรับคนทำงานหนังสือ คนก็เลยเข้าใจว่าผมมีโปรแกรมดีๆ แต่ผมบอกว่าผมใช้โปแกรมไมโครซอล์ฟเวิร์ด ทำงานในคอมพิวเตอร์ที่เก่าและราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ พื้นฐานทางศิลปะสำหรับทำงานในความคิด จึงจำเป็นมากเลยครับต่อการฝึกผู้เรียนให้รู้จักใช้เครื่องมือต่างๆได้อย่างเต็มที่
สวัสดีครับ อ.วิรัตน์
บันทึกทางศิลปะของอาจารย์ ทำให้คนที่เข้ามาอ่านแล้ว ลุ่มหลงความArts ของอาจารย์มากขึ้น นะคับ
Art ที่จะคิด Artที่จะเรียนรู้ Art ที่จะทำ
(ขออนุญาตนำภาพของอาจารย์ไปใช้บ้าง นะครับ
กราบขอบพระคุณ อาจารย์ มา ณ ที่นี้)
สวัสดีครับคุณแสงแห่งความดีครับ
ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับผม เป็นการแบ่งปันและเสริมความสร้างสรรค์ให้กันได้อย่างหนึ่งน่ะครับ เรื่องศิลปะนี่อาจจะเป็นองค์ประกอบของการคิด การเรียนรู้ และการได้ทำ อย่างที่คุณแสงแห่งความดีว่ามาเหมือนกันนะครับ ผมเคยได้อ่านงานวิจัยและซื้อหนังสือของนักศิลปศึกษาต่างประเทศมาอ่านเมื่อปีที่แล้วนี้เอง ก็มีรายงาน บันทึก และนำเอาองค์ความรู้มาทบทวนให้ดู ก็แสดงให้เห็นได้เยอะครับว่าเป็นวิธีพัฒนาที่ดีมากในหลายเรื่อง ภายในปัจเจกก็พัฒนาสุขภาพที่เชื่อมโยงกับมิติจิตใจและมิติสุนทรียภาพของชีวิต และกระบวนการเรียนรู้ ส่วนในระดับชุมชนและกว้างออกไปในความเป็นสังคมนั้น ศิลปะก็เป็นเครื่องมือและวิธีการสร้างความเคลื่อนไหวทางสังคมได้หลายมิติ ลงลึกไปถึงความเป็นเอกลักษณ์และตัวตนของสังคมนั้นๆเลยทีเดียว การกลับเข้าสู่ศิลปะของตนเอง จึงทำเล่นๆก็มีความสุข และทำจริงๆจังๆก็เป็นเนื้อหาของชีวิตที่เจืออยู่กับมิติอื่นๆที่ลึกซึ้งดีครับ