ในเมืองล้านนา มีสุภาษิตบอกกล่าวให้ละอ่อนหรือเด็กๆให้พิจารณาตนเองอย่าไปคิดในสิ่งที่เป็นไปได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้ อาจจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ตนเอง หรือส่วนรวมคือภาษิตกล่าวว่า " บ่ดีตี๋กล๋องเอี่ยงฟ้า บ่ดีขี่ม้าเอี่ยงตะวัน"
หมายความว่า อย่าไปคิดตีกลองให้เอี่ยงหรือแข่งเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า เพราะเสียงกลองแม้จะดังมากเท่าใด ก็ไม่สามารถแข่งกับเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าได้ ที่สุดกลองอาจแตกเสียหายก่อนเวลาอันควร
หรืออย่าไปคิดขี่ม้าไปเอี่ยงแข่งกับแสงตะวัน โดยหวังว่าจะให้ม้าวิ่งเร็วไปก่อนแสงตะวันก่อนตกดิน ม้านั้นแหละจะตายเสียก่อน
คำว่า"เอี่ยง" จึงเป็นคำบอกกล่าวให้ลูกหลานได้เปลี่ยนวิธีคิดที่จะทำอะไรก็ตามไม่ควรจะคิดไปเอี่ยงแข่งกับผู้อื่นที่เหนือกว่า แม้จะมีอุดมการณ์ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเหร็จอยู่ที่นั่นก็ตาม จะเห็นว่าแม้บางคนพยายามแล้วสุดความสามารถก็ไม่สามารถเอี่ยงกับผู้อื่นได้ เป็นต้น ทั้งนี้ต้องฉุกคิดว่า ความสามารถของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน เขาป็นนายแพทย์เราอยากเป็นกับเขาบ้าง แต่เราไม่เก่งเหมือนเขาเรียนเมื่อใดตกเมื่อนั้น ก็ป่วยการที่จะไปแข่งกับเขาที่เก่งกว่า หากไม่ยับยั้งความคิด หวังมากเกินไปกลายเป็นบ้า ไปโน่นเลย
เอี่ยง จึงเป็นคำที่เตือนคนให้พิจารณาตนเอง ให้รู้จักตนเองว่ามีความสามารถเหมาะสมในด้านใด ควรเลือกเรียน เลือกทำงานในด้านใดที่จะทำให้ตนเองมีความสุขตามความถนัด ความสามารถของตนเองอย่งแท้จริง
พยายามค้นหาตนเองให้พบและจะไม่ต้องไปเอี่ยงกับใครๆเขา...นั่นแหละคือสุขแท้ในชีวิตชาตินี้
เอี่ยง จึงมีประโยชน์ด้วยประการฉะนี้แลเฮย.....
ขอบคุณเจ้า
สมัยเป็นเด็กจะได้ยินอีกคำหนึ่งว่า เถี่ยง จากตาเวลาพูดถึงการแข่งขัน สลับกับคำว่า เปี๊ยะ ด้วย เช่น เถี่ยงเฮือ หมายถึง แข่งเรือ แต่คำว่าเปี๊ยะ นี่เป็นการอวดกัน
ขอบคุณมากเลยครับที่เอาคำโบราณมาพูด เพราะลืมไปจริง ๆ ว่ามีคำนี้อยู่