“การปลูกข้าวต้นเดียว ให้ผลผลิตสูงจริงหรือ ?”
“ข้าว” (rice) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oryza sativa L. เป็นอาหารประเภทคาโบไฮเดรทที่หล่อเลี้ยงพี่น้องชาวไทยมาช้านาน ข้าวนั้นจัด เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่มีลำต้นเป็นปล้อง ซึ่งมีทั้งพันธุ์ชวาที่ปล้องกลวงและตัน ใบมีลักษณะยาวรี ปลายแหลม ดอกมีสีน้ำตาลและออกเป็นช่อ ดอกเป็นประเภทสมบูรณ์เพศ เพราะมีทั้งเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียในดอกเดียวกัน การผสมพันธุ์ส่วนใหญ่ จึงเป็นการผสมกันในตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยแมลง รากต้นข้าวเป็นรากฝอย และต้นข้าวแต่ละต้นอาจมีหน่อได้ตั้งแต่ 5-15 หน่อ ซึ่งหน่อแต่ละหน่อจะให้รวงข้าวหนึ่งรวงโดยในแต่ละรวงจะมีเมล็ดตั้งแต่ 100-200 เมล็ด ข้าวที่โตเต็มที่จะสูงตั้งแต่ 1-2 เมตร
“ฝนฟ้าช่างเป็นใจ” จังหวัดอุบลราชธานีเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในสมรภูมิที่ดีเหมาะแก่การทำนาปลูกข้าว พอถึงฤดูกาลทำนา (พ.ค.-ก.ค.) พี่น้องเกษตรกรต่างก็ขะมักเขม้นในการเตรียมแปลงเพื่อหว่านไถ ปักดำ ในการทำนาปลูกข้าวของพี่น้องเกษตรกร บ้างก็ทำนาดำ บ้างก็ทำนาหว่าน แล้วแต่ความพร้อมด้านแรงของแต่ละครอบครัว ซึ่งปีนี้ฝนฟ้ารู้สึกจะเป็นใจอย่างมากซึ่งค่อยๆ ตกมาอย่างเรื่อยๆ ดูสีหน้าของพี่น้องเกษตรกรแล้วล้วนแต่ยิ้มแย้มแจ่มใส หน้าตาเบิกบานเพราะพยากรณ์แล้วว่าหากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คงจะมีผลผลิตข้าวที่ดีเป็นแน่แท้ทีเดียว
“ปลูกข้าวต้นเดียว นวัตกรรมการผลิตแบบใหม่” เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมมีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ เกี่ยวกับการปลูกข้าวต้นเดียว กับพี่พันธ์ คำพันธ์ ที่คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ซึ่งพี่พันธ์เล่าให้ฟังว่า
การปลูกข้าวต้นเดียวหรือการปลูกข้าวแบบเข้มข้น (System of Rice Intensification :SRI) เป็นนวัตรกรรมใหม่ที่เพื่อนเคยไปดูงานที่ประเทศเขมร มาเล่าให้ฟังว่าการทำนาในประเทศเขมรนั้นเขาเริ่มปรับเปลี่ยนละพัฒนามากแล้ว เขาเริ่มทดลองปลูกข้าวนาดำโดยวิธีใช้ต้นข้าวต้นเดียวไปปักดำ ปรากฏว่าข้าวแตกกอดี ข้าวสวยงาม ไม่มีโรคแมลง อีกทั้งให้ผลผลิตสูงกว่าวิธีการเดิมที่เราทำอยู่ ดังนั้นเมื่อปีที่แล้วพี่พันธ์จึงได้ทดลองทำในคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ในพื้นที่ 1 ไร่ ปรากฏว่าผลที่ได้มากกว่าการทำนาแบบเดิมถึง 2 เท่าตัว แล้วผมจึงถามพี่พันธ์ต่อว่าแล้วในขั้นตอนการทำนั้นทำอย่างไรบ้าง พี่พันธ์ก็กล่าวต่อว่า ในปีที่แล้วพี่เขาใช้ข้าวพันธุ์ ขาวดอกมะลิพื้นเมือง ที่ได้มาจากพี่บุญมี สุริวงศ์ จังหวัดยโสธร จากนั้นก็นำมาตกกล้า เมื่อกล้าอายุได้ 25 วัน ก็ทำการถอนไปปักดำโดยใช้ระยะห่างระหว่างต้น 50 x50 ซม. อย่างอื่นๆ ก็ทำเหมือนกันกับนาดำทุกประการ หลังจากที่พี่พันธ์ปลูกข้าวโดยวิธีนี้แล้วพบว่าข้าวแตกกอดีมาก เฉลี่ย 17 ต้น(รวง)ต่อกอ และได้ผลผลิตสูงถึง 800 กิโลกรัมโดยไม่ใช้สารและปุ๋ยเคมีเลย
“ปลูกข้าวต้นเดียว ประหยัดเมล็ดพันธุ์ และต้นทุน” พี่พันธ์กล่าวต่อว่าการปลูกข้าวต้นเดียวนั้น เป็นการปลูกข้าวที่มีต้นทุนต่ำ และได้ผลผลิตสูง กล่าวคือ ใช้เมล็ดพันธุ์ น้อย เพียง 3-5 กิโลกรัม ในขณะที่นาดำทั่วไปใช้ประมาณ 7 – 10 กิโลกรัม และนาหว่านใช้เมล็ดพันธ์ถึง 20 กิโลกรัมต่อไร่ ใช้ปุ๋ยคอกประมาณ 1 ตัน แล้วก่อนหน้านั้นได้ ได้มีการปลูกพริก และข้าวโพดแล้วไถกลบเป็นปุ๋ยพืชสดหลังเก็บผลผลิตหมดแล้ว ส่วนสาร หรือยากำจัดศัตรูพืชต่างๆ รวมทั้งปุ๋ยเคมีไม่ได้ใช้เลย
ครับจากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นก็เป็นอีกนวัตรกรรมหนึ่งที่พี่น้องเกษตรกรจะต้องปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับสังคมโลก คงเป็นเรื่องยากครับที่พี่น้องเกษตรกรเราจะเพิ่มพื้นที่การผลิตให้มากขึ้นเนื่องจากที่ดินก็มีจำกัด และราคาก็สูง แต่สิ่งที่ผมมีความเชื่อและจะเป็นจริงในอนาคตอันใกล้นี้คือการเพิ่มขีดความสามารถในการเพิ่มปริมาณผลผลิตต่อไร่ และการลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลง เพราะ “อาชีพการทำนาเป็นอาชีพที่ส่งผ่านมาทางสายเลือด” ของพี่น้องเกษตรกรไทยอยู่แล้ว
ขอบคุณครับ
อุทัย อันพิมพ์
27 ก.ค. 49
นึกว่าต้นตำหรับเป็นชาวฝรั่งเศสร่วมกับชาวมาดากัสการ์เสียอีกครับ ที่แท้ก็พี่กันอีกแล้ว
การปลูกข้าวต้นเดียว
เหมาะกับเกษตรกรที่มีเนื้อที่น้อย และต้องลงมือทำเอง เพราะค่าจ้างแรงงานดำนาวันละ 250 บาท แต่ไม่เคยคำนวณว่า 1 ไร่
จะต้องจ่ายค่าแรงปักดำเท่าใด
แต่การทำนาที่ไถแล้วหว่าน ไม่ต้องจ่ายค่าแรงในการปักดำค่ะ
ปีนี้จะลองปลูกดูโดยเพาะกล้าในถาดแล้วปักดำ
น่าสนใจนะครับ ขอกลับไปคิดเปงการบ้านก่อนนะครับ แล้วจะช่วยเปิดประเด๋นครับ
รักข้าวมากที่สุดในโลก
ขอบคุณมากครับ "ข้าวคืออาหารของผู้ด้อยโอกาส"
รบกวนถามอาจารย์อุทัย การปลูกข้าวต้นเดียวใช้วิธีการเพาะในกระบะแบบโยนกล้าแล้วเอาไปปักดำตามช่วงอายุที่กำหนดโดยไม่ทำให้ดินแตกออก กับวิธีเพาะกล้าที่แปลงแล้วถอนมาปักดำ อันใหนดีกว่ากัน
คุณ polo ผมลองดูแล้ว ข้าวฟื้นตัวเร็วดี ความคิดเห็นท่านอาจารย์ ดร. แสวง มีประโยชน์มากครับ นาแบบนี้ทำมากไม่ได้ ต้องใช้เวลาดูแลมาก เอาใจใส่สูง (ขัดกับอีสานบ้านเฮาปัจจุบันทำนา 2 วัน/ปี) ค่าแรงงานแพงมาก และแรงงานไม่คุ้นเคย ทั้งบ่น และหัวเราะเยาะ การควบคุมน้ำไม่ได้ น้ำน้อยวัชพืชเยอะมาก การใช้เครื่องพรวนหญาในร่องนาดำ เหนื่อยมาก ไม่มีคนงาน น้ำมากหอยเชอรี่กัดกินอีก ปีนี้เดือนแปดสองหน แล้งจัด เพลี้ยระบาดหนักข้าวไม่แตกกอ มีนาเยอะคงทำไม่ได้ ถ้ามีเวลาทำสัก 1 ไร่ ดูแลดี ข้าวงาม พอส่งเสริมกำลังใจในยุคที่ทำนามีแต่ยาฆ่าหญ้าเต็มทุ่ง ข้าวนาปี นาอีสานเราเราปู่ย่าตายายเคยทำได้เท่าไรก็ได้เท่านั้นแหละ งามมากเมล็ดลีบ งามน้อยรวงเล็ก ฝนมากก็ไม่ได้ ฝนน้อยก็ไม่ดี รีบฟ้าฟ้าวนำฝน การทำนาดินอุดมสมบูรณ์น้อยลงมาก ปู๋ยคอกขี้หมูถุงหัวอาหาร 30 บ./สอบ ขี้วัว 800 บ./อีแต๊ก แกลบรถละ 2000 บาท คายข้าวรถละ 1500 ปุ๋ยเคมีแพงอยู่แล้ว รถไถแดง คูโบต้า ยันมาร์ ทำลายหน้าดินสูงมาก ข้าวหอมมะลิเก่าเบาๆ 1 ตันได้ 15000 (ถ้าขายโรงสีอาจไม่ถึงข้อแม้เยอะ ขนาดเขาขายแกลบ แกลบดำ คายข้าว รำข้าว ปลายข้าว ฯลฯ ) มีส่วนแบ่งเยอะมาก ตั้งแต่เริ่มต้นทำนาถึงได้บิลพร้อมเงิน เกือบ 1 ปี มองไม่เห็นกำไรเลย จึงเกิดประกันราคา จำนำข้าว ให้ได้เถียงกัน (ยืม ธกส. 20000 บ. หักหนี้เดิม 12000 ค่าลาบ 2000)
คนอีสานช่วยกันทดลองหน่อยครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่จะช่วยอีกคน ปีที่แล้วโยนกล้าเล้าแตก หอมนิล และสิบแปดอรหันต์(สิบแปดสายพันธ์ุ)ทั้งเหนียวและเจ้าในแปลงเดียวกันอร่อยมากลดค่าอาหารเสริม2คนเดือนละ1หมื่นบาทที่อำเภอเมืองอุดรธานี สังเกตุดูข้าวที่เพาะโยนบางหลุม3ต้น บางหลุม1ต้น คนหัวเราะเยาะแต่เมื่อผ่านไปเพียง15วันไม่รู้ข้าวมาจากใหนแตกกอแน่นเลยแทบไม่แตกต่างทั้ง3และ1ต้นในหลุมเดียว ปีนี้2556จะลองเพาะต้นเดี่ยวโยนเป็นแถวสักแปลงโดยใช้หอมนิลระยะห่างอาจขยับเป็น30*30 กำจัดหญ้าด้วยโรตารีวีดเดอร์ อีกแปลงจะปลูกแบบโรยข้าวงอกซื้อเครื่องโรยแบบเวียตนามมาแล้วน่าจะเบ็ดเสร็จในขั้นตอนเดียว ไม่ต้องตกกล้า ถอนกล้า ปักดำ และไถหลายรอบค่าแรงคนกินหมด ผลประการใดจะต่อยอดนาปรังอีกที นาผมเพิ่งขุดสระนำ้ไว้1ไร่ น่าจะพอเพียงสำหรับแปลงทดลอง3ไร่ พี่น้องอีสานเราปลูกมาหลายชั่วอายุคนก็ยิ่งแย่ลงลงเปลี่ยนวีธีคิดและวิธีทำดูไม่ต้องมากดีค่อยขยาย ถ้าไม่ไหวก็เลิกเปลี่ยนวิธีใหม่ อย่าหวังเพียงว่ารัฐจะเข้ามาช่วยสูู้พวกเราช่วยตัวเองดีกว่ายั่งยืนอย่างมีศักดิ์ศรี
ผมทดลองปลูกข้าวเหนียวธัญสิริน พันธ์ุพระราชทานหนึ่งเดียวในพระเทพฯตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งพัฒนามาจาก กข.6 ต้านทานโรคใบไหม้ เตี้ยกว่านิดหน่อย การแตกกอดีและจับถี่กว่า กข.6ที่ปลูกติดกันปีที่แล้วลงเต็มแปลง30ไร่ ผลผลิตมากกว่ากข.6ประมาณ20% ตอนนี้ขยายไปในหลายอำเภอแล้วครับโดยเฉพาะลงพื้นที่โครงการปิดทองหลังพระอำเภอหนองวัวซอ อุดรธานี 24 ไร่ติดใจมากเลยสองชั่วอายุคนไม่เคยพบไม่เคยเห็น เสียดายบางส่วนเอาเข้าโครงการจำนำข้าวจึงเหลือนิดหน่อย บางคนยังลังเลทั้งที่ครัวเรือนติดกันไม่อยากแนะนำมากเพราะคนอีสานไม่เชื่อคนในชุมชนตัวเองนักแต่มักเชื่อพ่อค้าขายตรงหลอก(ผมคนอีสานเชื่ออย่างนั้น) มีบางรายมาแอบดูแล้วเชื่อผลผลิตออกมาออกปากเองเลยว่าเพิ่ม20% นำไปขายที่โรงสีราคาเท่ากับกข.6 ที่สำคัญไม่ล้มแม้แต่ต้นเดียว ปีนี้จำนำไปปลูกที่เมืองพลบ้านเกิด กำลังหารถขุดสระนำ้ในไร่นาแต่เพื่อนเป็น สจ.ที่ขอนแก่นเขาบอกว่ามีโครงการช่วยเหลือ พี่น้องลองประสานดูนะครับอย่าเสียดายพื้นดินกันมากเลยไม่ได้สูญหายไปไหน เลี้ยงปลาปลูกผัก ต้นไม้ ฝนทิ้งช่วงสูบเข้าช่วยได้ ผิดพลาดแล้วแก้ไขอย่าให้มันผิดซำ้ซากพี่น้อง