นาง ไพรินทร์เกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 ที่บ้านปากตมดอนกาง ตาแสงปากแกม เมืองแก่นท้าว แขวงไชยบุรี ที่ประเทศลาว ซึ่งมีพี่น้องร่วมท้องแม่เดียวกันสามคนคือ 1. นาง ไพรินทร์ 2. นาย บัวไล 3. นาย สะเหลิม ซึ่งเป็นบุตรของนาย ตาบินและนางบัวลีที่มีเชื้อชาติลาวและมีสัญชาติลาว
นางไพรินทร์ได้เกิดอยู่ที่บ้านปากตมดอนกาง ตาแสงปากแกม เมืองแก่นท้าว แขวงไชยบุรี ที่ประเทศลาวโดยหมอตำแย ชื่อ แม่คำพีเป็นผู้ทำครอดนางไพรินทร์
นางไพรินทร์ยังเคยได้เข้าเรียนหนังอยู่ชั้นประถมห้องป 1แต่ไม่จบเพราะขี้เกียดที่จะเรียนจึ่งได้โดดเรียน ซึ่งในปัจจุบันนางไพรินทร์ไม่สามารถเขียน อ่านหนังสือและพูดภาษาลาวได้แต่การฟังยังเข้าใจอยู่
นางไพรินทร์ ได้เข้ามาในประเทศในปี พ.ศ. 2528 ตอนที่มีอายุประมาณ16ปี ได้เดีนเข้ามาประเทศไทยโดยผ่านเขตชายแดนระหว่างแม่น้ำเหืองผ่านด่านบ้านแม่หนอในฝั่งประเทศลาวและในเขตบ้านนากะเส็ง อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลยประเทศไทย
นางไพรินทร์หลังที่ข้ามมาในประเทศไทยหลังปี พ.ศ. 2528แล้ว นางไพรินทร์ก็ได้กลับไประเทศลาวอีกครั้งในช่วงท้ายปีพ.ศ. 2533 ต่อต้นปี 2534 พ้อมด้วยลูกสองคน ซึ่งอยู่ประเทศได้เพียงประมาณ8หา9เดือนเท่านั้นก็ได้กลับเข้ามาในประเทศไทยอีกครั้งด้วยเหตุผนที่ว่า สามีของตนถูกจับจึ่งได้เข้ามาอีก จากปี พ.ศ. 2534 จนถึงปัจจุบันคือปี พ.ศ. 2551 นางไพรินทร์ ก็ไม่เคยกลับไปประเทศลาวและขาตการติดต่อจากพ่อแม่และญาติพี่น้องเลยแม่กระทั้งครั้งเดียวก็ไม่ได้ติดต่อหากันเลย อาจด้วยเหตุผลที่ว่า นางไพรินทร์เขียนหนังไม่เป็นและในระยะนั้นอาจยังไม่สะดวกในเรื่องการสื่อสารทางโทรสัพก็อาจเป็นไปได้จึ่งเป็นเหตุที่ทำให้นางไพรินทร์ไม่สามารถติดต่อหาพ่อแม่และญาติพี่น้องของตนได้
จากการเล่าและการสอบถามตัวบุคคลแล้วนางไพรินทร์ยังไม่มีหนังเอกสารใดๆเลยที่พอยืนยันได้ว่านางไพรินทร์จะเป็นคนลาวในขณะนี้ ยังขาดตัวพยานบุคคลที่พอยืนยันว่านางไพรินทร์เป็นที่เกิดในประเทศลาวจริงหรือไม่ เพราะอีกปัญหาหนึ่งชื่อบุคคลที่นางไพรินทร์กล่าวขึ้นมานั้นก็ยังไม่สามารถมาปรากฏตัวที่จะยืนยันได้(หาตัวยังไม่พบ)
จากตามข้อเท็จจริงดั่งกล่าวแล้วนางไพรินทร์จะถือเป็นคนลาวได้หรืไม่?
ถ้าในกรณีหากมีหลักฐานพยานทั้งเอกสารและพยานบุคคลตามที่กล่าวมาข้างบนนั้นแล้วนางไพรินทร์จะยังมีสัญชาติลาวหรือไม่?หรือจะสามารถบัตรประจำตัวประชาชนลาวและทำPassport ได้หรือไม่?
ในประเด็นของข้อกฎหมายลาวในมาตรา20ได้บัญญัติไว้ว่า “หากบุคคลใดหนึ่งที่หนีไปอยู่ต่างประเทศ โดยไม่ได้รับอนุญาตเกินเจ็ดปีก็จะเสียสัญชาติโดย อัตโนมัด ” และมาตรา21ก็ได้กำหนดไว้ว่า “หากบุคคลใดหนึ่งที่ได้เสียสัญชาติไปแล้วอาจได้สัญชาติลาวคืนใหม่ ตามคำร้องขอของผู้เกี่ยว และตามคำตกลงของคณะประจำสะภาแห่งชาติ แห่ง ส ป ปลาว”
ผู้ร้องขอสัญชาติลาวคืนใหม่ต้องนำเอาฐานมายืนยันว่าตนเคยมีสัญชาติลาวมาก่อน แต่ในประเด็นของข้อกฎหมายไม่ได้กำหนดว่าในกรณีของนางไพรินทร์นี้ต้องกลับไปอยูลาวอีกจักกี้ปีจึ่งจะได้สัญชาติลาว
ในประเด็นของกฎหมายแล้วถ้าเป็นต่างด้าว คนต่างประเทศและคนที่ไม่สัญชาติต้องมีพูมิลำเนาอยู่ลาวเป็นเวลา10จึ่งมีสิทธิที่จะขอสัญชาติลาวได้
สำหรับในกรณีของนางไพรินทร์แล้วตามการเล่า นางไพรินทร์หนีออกมาอยู่ประเทศไทยเป็นเวลาประมาณ 24ปีแล้วโดยทีไม่ได้รับอนุญาตจากทางรัฐการของลาวและยังไม่เคยไปแจ้งกับทางสะถานทูตหรือกงสุลลาวที่ประจำอยู่บางกอกประเทศ
ในความคิดเห็นของผู้เขียนเพื่อเสนอหาอาจาร แหวว เพื่อหาแนวทางที่จะแก้ไขสถานะทางบุคคลในกรณีของนางไพรินทร์มีดังนี้
ไม่มีความเห็น