ห้องภาพห้องนี้เกิดจากความตั้งใจของตัวผมเองที่ เมื่อก่อนการถ่ายรูปของผม เป็นการถ่ายรูปโดยใช้ความรู้สึก แค่หยิบกล้องขึ้นมา เล็งไปที่คนก็เป็นอันเรียบร้อย ไม่เคยอ่าน หรือค้นคว้าเกี่ยวกับวิชาการถ่ายภาพ ตามหลักการ ก็เลยเข้าไปเสิร์ชหาข้อมูลจากกูรูผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ในกูเกิลดูเกี่ยวกับการถ่ายภาพ ผมพบว่ามีศาสตร์การถ่ายรูปที่สามารถถ่ายให้ดีได้หลากหลายมาก ก็เลยนำข้อมูลเหล่านั้นมาอ่าน และศึกษาอย่างเป็นเรื่องราว ไม่น่าเชื่อเลยว่า ผมอายุ 38 ปี จะย่าง 39แล้ว ยังไม่เคยมีความคิดที่จะถ่ายรูปให้สวยงาม มาก่อนเลยในชีวิต
สมัยก่อนคิดแต่เพียงว่าถ้าถ่ายมาไม่ดีก็ใช้โปรแกรมกราฟิค ตกแต่งภาพต่างๆ ที่ตัวเองชอบ มันก็ทำให้ดูดีเอง แต่เมื่อผมได้เข้าไปดูห้องภาพจากเวปแกลเลอรี่ต่างๆ ความคิดผมเปลี่ยนทันทีเลยครับ "ทำไมคนอื่นเขาจึงถ่ายภาพได้สวยงาม ขนาดนั้นได้น๊า...!" มันเกิดคำถามขึ้นมาในใจผมทันที
ดังนั้นผมจึงวางแผนว่าวันอาทิตย์นี้หลังจากทำภาระกิจชีวิตเสร็จ ผมจะต้องไปถ่ายรูป แบบศาสตร์การถ่ายรูป ตามที่ได้ศึกษามาเพียงเล็กน้อยให้จงได้ ผมเริ่มวางแผนโดยเตรียมชาร์ตแบตเตอรี่กล้องดิจิตอล ที่ผมมักจะพกมันไปด้วยเสมอ นั้นคือกล้อง KODAK EASYSHARE M763 DIGITAL CAMERA ราคาบ้าน ๆซื้อมาตอนนั้นราคา 4,999 บาท แต่ตอนนี้คงไม่ถึงหรอกครับ(ไม่มีปัญญาซื้อกล้องราคาแพงๆ อะ ครับ
และโลเกชั่นที่ผมคิดไว้ก็คือ การท่องกรุงเทพ เมืองฟ้าอมรนี่แหละครับ
ว่าแล้วก็ไปกันเลย เป้าหมายแรกคือการท่องกรุงให้สนุกก็คือโบกตุ๊กๆ ให้พาไป ในสถานที่ต่างๆที่เราต้องการไป หากขับรถส่วนตัวไปคงลำบากแย่ "พี่ๆๆไปสนามหลวงเท่าไหร่ครับ 40 ครับ ไปกันเลย 40 บาท จากที่จอดรถแถวการไฟฟ้า หน้าศาลรัฐธรรมนูญ
โลเกชั่นแรกที่ผมตั้งใจถ่ายก็คือประตูทางเข้าหน้าวัดพระแก้ว นั่งย่อตัวลง ไม่แคร์สายตาคนมอง ตั้งโหมดในกล้องเป็นแบบสปอร์ต ตามที่กล้องบอกและนั่งรอจังหวะ เเชะ... ภาพแรก หมุนปุ่มดูภาพมาดู เออแฮะ ดูดีมีมิติเหมือนกันนะนี่
ไหนลองเปลี่ยนมุมมาดูอีกฝั่งซิ แชะ.. เสียงชัตเตอร์รัวเป็นภาพที่ 2 แสงแดด ฉาบทาหลังคาวัด ช่างสวยงามจริงๆ
หันมาดูโลเกชั่นฝั่งสนามหลวงต่อ มีนกพิราบ อยู่เต็มเลย "พี่ๆ 3 ห่อ ยี่สิบ" คนขายอาหารโปรยให้นก ตะโกนบอกผม งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยโปรยอาหารให้มันตามธรรมชาตินะครับ เด๊๋ยวผมจะถ่ายรูป พี่ทำตัวตามสบาย อยากได้รูปก็ต้องมีการลงทุนกันหน่อย 20... แชะๆๆ ถ่ายไป 4 -5 ภาพ แต่ว่าการถ่ายภาพนกนี่มันถ่ายให้ได้อารมณ์นี่มันถ่ายยากเหมือนกันเเฮะ... เลยเลือกมา 1 ภาพ ที่คิดว่าได้อารมณ์พอสมควร
มองไปในท้องสนามหลวงเห็นมีแต่รั้วกั้น ว้า คงมีการก่อสร้าง..อะไรอยู่ งั้นคงต้องไปที่อื่นต่อ
พี่ๆ ไปภูเขาทอง กี่บาท 50 บาทครับ คนขับตุ๊กบอก เอ้าไปก็ไป...
คุณพี่โชว์เฟอร์ พาผมลัดเลาะเลียบวัดพระเเก้ว เข้าตลาดพลู ผมไม่พลาดโอกาสในขณะนั่งรถให้เสียไป ลองถ่ายภาพในขณะรถวิ่งมันจะเป็นยังไงว้า..
แชะ.. ภาพนี้ผมว่ามันดูสวยทีเดียว แต่คงจะสวยกว่านี้ถ้าไม่มีสายไฟมาบัง ..
วิ่งผ่านมาอีกหน่อย
ก็ผ่านเสาชิงช้า แชะ เออแฮะ เวลาที่เราตั้งใจถ่าย นี่ภาพมันสวยแปลกตาอย่างนี้เอง ในมุมมองผมนะครับ อิๆ..
อีกสักภาพ ว้าว... แจ่ม
ถึงแล้วภูเขาทอง วัดสระเกศ ผมเข้าทางประตูหลัง โอ้โห ร่มรื่นดีแท้
เดินผ่านมุมร่มรื่นมาอีกหน่อย สักการะหลวงพ่อดำ ผมเข้าไปกราบไหว้ขอพรท่าน จากนั้นก็ขอแชะภาพ อยู่ในมุมกระจก ตามที่ท่านกูรูแนะนำ ท่านบอกไว้ว่าเวลาถ่ายรูปอะไรในกระจก อย่าถ่ายตรงๆ เพราะแสงแฟลชจะสะท้อนให้ถ่ายเอียง ผมก็ลองแชะ
งามแท้น้อ ... มุมเอียง
เดินลัดเลาะมาเรื่อย เพื่อเดินขึ้นทางไปชั้นบน ของภูเขาทอง วิวมุมนี้ชั่งสวยร่มรื่นจริงๆ
ว่ากันต่อครับ ภาพต่อไป ผมเห็นคุณตาแกนั่งอยู่ ผมเลยขออนุญาตเป็นนายแบบให้หน่อย แกก็บอกได้เลยไอ้ทิด และในขณะที่ผมกำลังเล็งอยู่นั้นคุณตาอีกคนก็เดินขึ้นมาพอดี แหมมันชั่งเหมาะอะไรอย่างนี้ ภาพนี้ผมให้ชื่อว่าบังเอิญตั้งใจ กับบังเอิญเดินผ่าน อิๆๆ ได้อารมณ์ความรู้สึกดีแท้น้อ.....
หลังจากเป็นนายแบบให้ผมเรียบร้อยแล้วคุณตาก็เดินผ่านตาผมขึ้น ไปด้านบน โดยมีผมตามเกาะติดชีวิต อย่างมีจุดประสงค์ดี คือการตามถ่ายรูปบรรยากาศการท่องภูเขาทองของผู้สูงอายุ
ภาพแรกในมุมนี้คือคุณตาที่บังเอิญเดินผ่านเดินผ่านไป มันชั่งโค้งสวยงามอะไรปานนั้น
ภาพต่อมาคุณตาที่บังเอิญตั้งใจถ่ายเดินตามมาอีกคน เห็นการพลิ้วไหวของลมทั้งสองภาพแล้ว มันชั่งสวยงามอะไรปานนั้นน้อ ธรรมชาติ
เดินตามไปเรื่อย อ้าวนางแบบผมกำลังตีฆ้องเอาฤกษ์เอาชัย ผมเลยขอให้เธอแชะ ชัตเตอร์ให้ผมสักภาพ มุล.. มุล มุล ผมตีไปสามที ได้อารมณ์ดีแท้
เหลือบมองขึ้นไปด้าน โอ้โห ช่างสวยงามวิจิตรดังเมืองสวรรค์ จริงๆ ภาพนี้ขอใช้เสตปการถ่ายภาพย้อนแสง ตามท่านกูรูว่าให้เปิดแฟลชช่วย ลองดูซิ แชะ โอ้แม้เจ้า งามเป็นวิ้ง ภาพแสงแฟลชกระทบกับแสงตะวัน ตอน 10 โมงเช้า
ขออีกสักภาพซิ แชะ
อย่างกับเมืองสวรรค์ยังไง ไม่ปานจริงๆๆ
เดินขึ้นไปอีกหน่อย เจอคุณตาเสื้อลาย กับเพื่อนนั่งพักเหนื่อยหลบแดดอยู่ ขออนุญาติถ่ายภาพนะครับ แชะ งามแท้หนอกับมุมหลบแดด ยามแสงตกกระทบ ได้อารมณ์ภาพดีจัง ขอบคุณครับ
หายเหนื่อยแล้ว ก็ลุยกันต่อ อีกสักภาพกับแสงตะวัน
ขึ้นไปด้านบน ท้องฟ้าสีคราม ปุยเมฆเล็กน้อย สลับกับธงโบกสบัด ชั่งงดงามอะไรเยี่ยงนี้
ถอดรองเท้าเข้าไปไหว้พระภายใน เห็นธงชาติไทย โบกไสว เลือดรักชาติ ขึ้นหน้า แบคกราวหลังเป็นเมืองกรุง รักเธอจริงๆ ประเทศไทย
เข้าไปด้านใน กราบพระขอพร มุมพระพุทธรูปภายใน ช่างงดงาม เจิดจรัสจริง ในความรู้สึกผม ที่ได้เกิดมาเป็นชาวพุทธ
เดินผ่านไปอีกสักหน่อย แสงแดดสาดส่องมาทางหน้าต่าง นางแบบนั่งพัก สูดดมความสวยงามมองผ่านหน้าต่าง ช่างเป็นภาพที่ดูแปลกตาดีจังครับ
มองผ่านหน้าต่างลงไปยังด้านล่าง ความสวยงามของวัดสระเกศ ปฏิมากรรมแบบไทยๆ ชั่งสวยงามยิ่งนัก
เดินวนมาอีกทาง ภาพนี้ผมขอตั้งชื่อว่า I like Thailand
เดินเข้าไปภายในโดม เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธ์ เป็นภาพเดียวในเซ็ทนี้ ที่ถ่ายในแนวตั้ง ทำให้เราได้เห็นความสวยงามของภูเขาทอง
เมื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็เดินวนลงเพื่อกลับลงมาด้านล่างอีกทางหนึ่ง ผ่านร้านที่ระลึก ขอแชะสักภาพ
ผมเดินวนลง มองลงไปด้านบน เห็นผู้คนที่มาเที่ยวเดินวนลงทาง ทั้งชาวไทย และต่างประเทศตัดกับท้องฟ้าคราม ดูน่าประทับใจยิ่งนัก
เดินลงไป แล้วมองลงไปยังด้านล่าง ผ่านซุ้มดอกไม้สีสวย ช่างร่มรื่นดีแท้น้อ แดนสวรรค์ บนดิน
You ถ่ายวิว I ถ่าย You
เหลือบมองตามเธอไป เธอกำลังถ่ายอะรัย อ๋อ ยอดเสมา กระทบแสงตะวันนี่เอง ช่างบรรเจิดจริงๆ
เดินวนไป เดินวนลงไป แหงนมองมายังด้านบน ขออีกสักหนึ่งวิ้ง กับโดมภูเขาทองแสนสวย
ยังไม่หนำใจ ขออีกสักภาพ แชะ...แชะ...
เมื่อลงมาถึงด้านล่าง ก็ยังมีมุมสวยให้ถ่ายอีก ขออีกภาพ....
แบตเตอรี่เริ่มเตือนแล้วครับ คงได้เวลากลับกันซะที
"พ่อเฒ่าๆ ไปที่จอดรถแถวการไฟฟ้า จักบาท " ผมเอ่ยสำเนียงอีสาน 60 บาท ไป บ่ "เอ้าไปก็ไป"
แกก็โม้มาตลอดทาง เหลือบมองนาฬิกาผ่านมือถือ บอกเวลาประมาณ 11 โมงเช้า วิ่งผ่านถนนก่อนถึงแยกแม้นศรี ขออีกซักดอก เเบตยังพอเหลือ
ไปเจอรถติด แกก็พาผมเลี้ยวเข้าตรอกเล็กๆ ทำให้ผมได้มาอีกหนึ่งภาพที่ประทับใจกับภาพตึก สองข้างทาง ในมุมหลังรถตุ๊กๆ
จากนั้น ลุงแกก็พาผมมาถึงจุดหมาย ก็เป็นอันจบทริปท่องกรุงในวันอาทิตย์ ที่5 ก.ย. 2553 ไว้แต่เพียงเท่านี้
ทุกบทความที่ได้กล่าวมานั้นผมตั้งใจเขียนเพื่อให้เห็น บรรยากาศ และการตั้งใจถ่ายรูปของผมในวันนี้ มันก็ได้ตอบสนองโจทย์ ของผมได้ว่า การถ่ายภาพแบบตั้งใจถ่าย มันเหนื่อยกว่าการถ่ายภาพแบบเดิมที่ผมเคยถ่ายจริง แต่เมื่อเรามานั่งดู ก็คุ้มกับสิ่งที่เราได้ตั้งใจทำครับ
ลองทำแบบผมดู แล้วคุณจะลืมไปเลยกับการถ่ายภาพแบบเดิมๆ
และภาพที่เราถ่ายแบบไม่ต้องใช้โปรแกรมตกแต่งภาพช่วย นี่ มันมีคุณค่าในจิตใจเราจริงๆครับ
ขอบคุณที่สละเวลา อ่านผมโม้ตั้งนาน.... อิๆๆๆๆ
peter p
ขอบคุณครับที่แวะไปทักทาย
ทำดีต่อไปเถอะครับสักวันคุณได้ดีแน่ๆ
สวัสดีค่ะ..
ขนาดเพิ่งเริ่มถ่ายภาพตามคำแนะนำก็ออกมาดูดีค่ะ
ขอบคุณครูไก่ และคุณจันทร์ผ่องที่แวะเข้ามาอ่านนะครับ การถ่ายรูปมันทำให้เราสดชื่นได้จริงๆครับ
ฝีมือถ่ายภาพใช้ได้เลยค่ะคุณ Peter p