เมื่อวันพุธที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสลงพื้นที่ที่อำเภอปางศิลาทอง ระหว่างทางเห็นร่องรอยและซากของความเสียหายอันเนื่องมาจากน้ำหลากท่วมพื้นที่การเกษตรและถนนหนทาง รวมไปถึงบ้านเรือนของชาวบ้านในเขตติดต่อระหว่างอำเภอคลองขลุงกับอำเภอปางศิลาทอง
แม้ว่าน้ำจะเข้าท่วมตั้งแต่วันที่ 20 และวันที่ไปน้ำได้ลดลงแล้ว มีเพียงบางพื้นที่เท่านั้นที่ยังมีน้ำท่วมขัง แต่แม้ว่าน้ำจะหลากมาในระยะเวลาเพียงไม่กี่วันก็ได้สร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือน ถนนหนทาง และพืชที่ปลูกอย่างมากมาย
ร่องรอยของน้ำหลากที่สร้างความเสียหาย
ส่วนพืชผลทางการเกษตรนั้น หากเป็นพวกไม้ผลไม้ยืนต้นก็คงจะไม่ค่อยกระทบเท่าไร แต่เท่าที่เห็นพื้นที่ส่วนมากจะปลูกข้าวและพืชไร่คือมันสำปะหลัง ซึ่งพืชทั้งสองชนิดนี้เมื่อเจอกับน้ำหลาก-น้ำขังย่อมไม่ดีแน่
มันสำปะหลังนั้น น้ำท่วมขังเพียงไม่กี่วันก็จะเหี่ยวเฉาตาย เพราะน้ำท่วมราก หัวจะเน่า
มันสำปะหลังที่ถูกน้ำท่วม
ส่วนข้าวนั้นไม่ต้องพูดถึง หากมีน้ำหลากเข้าท่วมแม้จะเพียงไม่กี่วัน ก็จะส่งผลกระทบ เพราะน้ำที่มาจะมีโคลนมาก ข้าวจะล้มลง และซึ่งเมื่อน้ำแห้งลงโคลนเหล่านั้นก็จะเกาะติดที่ใบ-ลำต้น-รวงข้าวจนไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
เกษตรกรที่ปลูกมันสำปะหลังบางแปลง ต้องรีบเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังกันอย่างเร่งด่วนก่อนที่หัวมันจะเน่า ถึงกับต้องลงมือถอนมันในน้ำกันเลยทีเดียวแม้จะยากเข็ญอย่างไรก็ต้องทำ เลี่ยงไม่ได้เพราะมิฉะนั้นจะไม่ได้อะไรเลย
เห็นไกลๆ นึกว่าชาวบ้านลงหาปลาครับ
ดูให้ดีจึงรู้ว่าที่แท้ก็คือเร่งถอนหัวมันที่ถูกน้ำท่วมครับ
"น้ำ" สิ่งจำเป็นมากในการทำการเกษตร ไม่ว่าจะปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ แต่น้ำมักไม่พอดีเสมอ ไม่มากไปจนเกินความต้องการอย่างที่ผมนำมาบันทึกนี้ หรือไม่ก็น้อยจนไม่เพียงพอ บางครั้งในพื้นที่เดียวกันก็เจอทั้งสองอย่าง ช่างไม่พอดีเอาเสียเลย
งานนี้คงแก้ปัญหาได้ไม่ง่ายอย่างที่เห็นๆ เขาคิดและทำกันอยู่เพียงเท่านี้ คงต้องหันหน้ามาคุยกันหลายๆ ส่วน เพราะเท่าที่เห็นพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมน้ำหลากก็เป็นพื้นที่เดิมๆ ช่วงหรือระยะเวลาที่น้ำหลากก็ไม่ค่อยจะคลาดเคลื่อนจากเดิมสักเท่าใด เหตุที่น้ำท่วมนั้น
-
พื้นฐานก็คงจะมาจากการที่ไม่มีป่า ไม่มีต้นไม้คอยดูดซับน้ำ
-
ถนนส่วนมากจะขวางทางน้ำ กั้นทางน้ำ หรือไม่ก็เป็นคันที่ขังน้ำให้ท่วมเสียอย่างนั้น
-
พวกท่อระบายต่างๆ บางจุดก็ไม่เหมาะสม-เพียงพอต่อปริมาณน้ำ
-
ระยะเวลาของการปลูกพืช บางพื้นที่ปรับช่วงเวลาได้ เช่น ข้าวเราสามารถปลูกและเก็บเกี่ยวก่อนที่น้ำจะมาท่วมได้ (ในบางพื้นที่นะครับ)
-
บางพื้นที่ พืชบางตัวก็ไม่สมควรปลูก เช่นที่ลุ่มไม่ควรปลูกมันสำปะหลัง เพราะรู้อยู่แล้วว่าน้ำจะต้องท่วม และมันสำปะหลังก็ไม่ทนต่อน้ำท่วม ฯลฯ
-
ฯลฯ
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่าที่ผมพอจะคิดได้ ซึ่งอาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด และอาจจะมีปัญหา สาเหตุ หรือแนวทางอื่นๆ อีกมาก แต่เพียงเท่านี้ผมว่าก็ยากที่จะแก้ไขแล้วนะครับ ต้องไม่แก้ไขกันเพียงคำพูดและเขียนกันสวยหรูเพียงในกระดาษ หรือว่าคอยหากินกันบนความเดือดร้อนของชาวบ้านเท่านั้น ทุกคนจะต้องคิดแก้ปัญหาด้วยการร่วมแรงร่วมใจลงมือทำกันอย่างจริงจังทุกๆ ฝ่าย และลงมือทำกันอย่างต่อเนื่อง เพราะบางอย่างใช้เพียงความรู้ ความเข้าใจที่ไม่ต้องรอเงินงบประมาณแต่อย่างใด
บันทึกมาเพื่อการ ลปรร.
สิงห์ป่าสัก 29 ตุลาคม 2553