สรุปการบรรยายพิเศษ เรื่อง “คนต้องสำราญ........งานจึงสำเร็จ”

คนเราเกิดมาทำไป คำตอบก็คือ “เกิดมาเพื่อสร้างประโยชน์ เป็นผู้ให้ มีคุณค่าและทำประโยชน์ให้ถึงที่สุด” การทำงานก็เป็นการสร้างบุญอย่างหนึ่ง ถ้าจิตใจเรามีความสุขการทำงานก็จะได้ดีตามกำลังจิตใจของเรา

       

        วันที่ 5 ตุลาคม 2553 เวลา 9.00-12.00 น. บุคลากรของสำนักหอสมุด มธ. ได้เข้าฟังการบรรยายพิเศษ เรื่อง “คนต้องสำราญ........งานจึงสำเร็จ” ซึ่งจัดโดยงานพัฒนาบุคลากร กองการเจ้าหน้าที่ ณ ห้องสัมมนา 3 อาคารศูนย์ญี่ปุ่นศึกษา สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งภายในงานมีบรรดาเพื่อนประชาคมชาวธรรมศาสตร์เป็นจำนวนมากสนใจเข้าฟังคำบรรยาย โดยได้รับเกียรติจากท่านอาจารย์ พันเอกนายแพทย์ พงศ์ศักดิ์  ตั้งคณา มาเป็นวิทยากรบรรยายในครั้งนี้ และท่านรองศาสตราจารย์ หริรักษ์ สูตะบุตร รองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล ได้เป็นประธานเปิดการบรรยาย   วิทยากรได้บรรยายประวัติความเป็นมาของตัวท่านเองและได้ให้แง่คิดประสบการณ์ในการทำงาน แง่คิดในการดำรงชีวิต สอดแทรกด้วยธรรมะในชีวิตประจำวัน การทำงานและชีวิตครอบครัว โดยสาระจะปนไปด้วยมุขตลกชวนฮาและแฝงสาระประโยชน์  ในช่วงแรกจะเป็นคำถามว่าคนเราเกิดมาทำไป คำตอบก็คือ  “เกิดมาเพื่อสร้างประโยชน์  เป็นผู้ให้ มีคุณค่าและทำประโยชน์ให้ถึงที่สุด”  ซึ่งได้ให้ข้อคิดในการให้ว่าการให้นั้นเมื่อเป็นผู้ที่ให้ หรือคิดว่าจะให้ก็รู้สึกปิติ  มีความสุขแล้ว  โดยที่ผู้รับยังไม่ได้รับหรือมีความสุขเลยและการให้ต้องไม่หวังผลตอบแทน  ไม่ต้องคิดว่าให้แล้วคนรับจะรู้สึกอย่างไร  ให้แล้วให้เลย ผู้ให้ก็มีความสุขแล้ว  ขอย้ำ เป็นต้น  จากนั้นได้บรรยายเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน การทำงาน การสร้างความสุขกับงานและการทำงานอย่างไรเราถึงจะมีความสุขโดยระหว่างบรรยายจะแทรกบทธรรมะของท่านพุทธทาส ภิกขุ ซึ่งตัววิทยากรเป็นลูกศิษย์ของท่าน  จากนั้นวิทยากรได้บรรยายธรรมะเกี่ยวกับกรรมที่มนุษย์ เราได้ก่อขึ้นไม่ว่าการทำกรรมดี และไม่ดี การทำงานก็เป็นการสร้างบุญอย่างหนึ่ง ถ้าจิตใจเรามีความสุขการทำงานก็จะได้ดีตามกำลังจิตใจของเรา ไม่ว่าชีวิตการทำงานและชีวิตครอบครัว ดังนั้นคนเราก็ต้องมีจิตใจที่ดีทุกอย่างก็จะดีตาม  มองโลก มองอะไรในแง่บวก  โดยยกตัวอย่างว่าเหตุการณ์เดียวกัน แต่แต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน เช่นคนเดินตกท่อ  อีกคนบ่นตั้งแต่ต้นซอยไปจนถึงท้ายซอยยังไม่เลิกบ่น  กับอีกคนตกท่อเหมือนกันแต่กลับหัวร่อเห็นเป็นเรื่องขบขัน   ทุกอย่างอยู่ที่ใจ/ตัวเรา อย่าไปยึดติด  อย่าไปเปลี่ยนแปลงธรรมชาติ   ที่มีปัญหาก็เพราะเราไปคิดเอง   จากนั้นก็บรรยายเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อในอดีตชาติ ของบุคคลต่างๆโดย วิทยากรจะฉายภาพยนตร์และภาพประกอบคำบรรยาย ในช่วงนี้ทำให้บรรดาผู้เข้าฟังการบรรยายถึงกับเงียบ และตั้งใจฟังโดยใช้วิจารณญาณ โดยในช่วงนี้วิทยากรจะบรรยายถึงเวรกรรม  ผู้ใดทำจะติดตามไปและผู้นั้นจะต้องชดใช้ไปจนกว่าจะหมด  รวมทั้งเรื่องการทำความดีด้วย จุดมุ่งหมายเพื่อจะให้ผู้เข้าฟังการบรรยายได้แง่คิด และการปฏิบัติตน   เวลา 10.30 น. พักเบรกรับประทานอาหารว่างประมาณ 10 นาที และในช่วงการบรรยายในช่วงสุดท้าย ทางวิทยากรได้ ฉายภาพวีดีทัศน์ และภาพประกอบเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่า วิญญาณ ซึ่งเป็นสสารในรูปแบบของภาพถ่าย เพื่อเป็นจิตสำนึกถึงความดีที่อยู่รอบตัวเราไม่ว่าที่ไหน เวลาใด สิ่งศักดิ์สิทธ์จะอยู่คู่เรา เราควรทำความดี เพราะการเป็นมนุษย์นั้น ไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะใช้ชีวิตไปวันๆ โดยเปล่าประโยชน์  แต่อยู่เพื่อที่จะสร้างประโยชน์ให้อย่างเป็นที่สุด  สร้างความดี มีคุณธรรมอยู่ในใจ เป็นผู้ให้  โดยไม่เสียทีที่เกิดเป็นคน มีประโยคคำพูดอยู่คำหนึ่งที่วิทยากรได้ให้แง่คิดว่าคนเรากว่าจะเกิดขึ้นมาต้องฝ่าฟันตั้งแต่เป็นสเปิร์ม ต้องแข่งขันกันเป็นร้อยล้านพันล้านตัวกว่าจะปฏิสนธิกลายมาเป็นมนุษย์  ฉะนั้นเราจงภูมิใจว่าเราคือหนึ่งในนั้น ซึ่งเป็นแง่คิดที่ดี ไม่ให้เราท้อแท้กับชีวิต  เกิดมาเพื่อทำประโยชน์ให้มีคุณค่าอันเป็นที่สุด  เป็นผู้ให้  ผู้ใดไม่.....ก็จะติดกรรม  กรรมมาก  กรรมน้อยอยู่ที่การกระทำ และการจะทำอะไรก็ตามให้ทุกคนคิดว่าเราทำได้  เราทำได้  ก็จะทำได้ถ้ามีความเชื่อมั่น  ความตั้งใจ  แต่อย่าไปเกี่ยงว่าเราเป็น........จบ.........แก่แล้วบ้างละก็จะทำไม่ได้  วิทยากรบอกว่าเรื่องนี้อยู่ที่ใจ  ไม่มีใครแก่เกินเรียน และอย่าไปยึดติดกับเรื่องสะดวกสบาย  ยึดติดตำแหน่ง  ให้ทุกคนเปลี่ยนความคิดแล้วชีวิตจะเปลี่ยน  ให้ทุกคนใช้ศักยภาพที่มีให้เต็มร้อย  คนเรามีความสุขทำอะไรก็มีความสุข    วิทยากรได้แนะนำหนังสือให้อ่านเรื่อง  ชาติภพ : เบื้องหน้ากำเนิดและเบื้องหลังความตาย  ชาติภพ : เบื้องหน้ากำเนิดและเบื้องหลังความตาย เขียนโดย Brian L. Weiss และจุไรรัตน์ อารยะกิตติพงศ์ แปลจาก Many lives, many masters  ซึ่งมีที่หอสมุดปรีดีฯ 1 เล่ม และที่หอสมุดป๋วยฯ 3 เล่ม  เลข Call no. BL520.ค74 ว95 และได้ สรุปในตอนท้ายของการบรรยายว่า ทางสู่ความสุขที่แท้จริง คือ 

                1. ต้องไม่แบกทุกข์ของผู้อื่น  และอย่าเก็บทุกข์ไว้

                2. ทำความดี  ต้องไม่หวังผลตอบแทน

                3. ให้มีจิตเมตตาที่บริสุทธิ์ ดุจดังต้นไม้ 

                4. ธรรมะคือธรรมชาติ (สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนสมมุติทั้งสิ้น)

                5. ทำบุญให้ทำด้วยจิตที่บริสุทธิ์  และอธิษฐานจิตขอลดละกรรม

                6. ต้องมีจิตที่บริสุทธิ์คือเป็นกลาง  ไม่มองผู้ใดผิด  ผู้ใดถูก

                การฟังการบรรยายครั้งนี้ถือว่าได้ประโยชน์มาก เสียดายตรงที่ประชาคมชาวสำนักเราไม่ได้เข้ากันทุกคนเพราะประโยชน์ แง่คิด อุดมการณ์ รวมถึงธรรมะ จะช่วยปรับปรุงชีวิตการทำงานและชีวิตครอบครัวได้  ซึ่งหวังว่าพวกเราชาวสำนักหอสมุดจะได้มีโอกาสฟังวิทยากรบรรยายอีกครั้งพร้อมๆกันในงานสัมมนาสำนักหอสมุดประจำปี.......

                                                                                                                                               โดย ประภัสร์ ภูมิไชยาและ จุฑาทิพย์ โอสนานนท์