ใช้คอมฯอย่างไร ตาไม่ล้า


เราๆ ท่านๆ คงจะมีประสบการณ์เมื่อยตา รู้สึกแสบตา หรือตาพร่าไปหลังจากดูจอคอมพิวเตอร์นานๆ ข่าวดีคือ มีวิธีดีๆ ที่จะช่วยให้เราถนอมสุขภาพตาได้

เราๆ ท่านๆ คงจะมีประสบการณ์เมื่อยตา รู้สึกแสบตา หรือตาพร่าไปหลังจากดูจอคอมพิวเตอร์นานๆ ข่าวดีคือ มีวิธีดีๆ ที่จะช่วยให้เราถนอมสุขภาพตาได้

พระภิกษุชาวกัมพูชารูปหนึ่งเล่าให้ผู้เขียนว่า ท่านใช้โน้ตบุ๊คทำงานแปลคัมภีร์พระพุทธศาสนาวันละ 10 ชั่วโมง ตั้งใจจะทำงานแปลคัมภีร์จากบาลีพม่าเป็นบาลีเขมร และภาษาเขมรให้ครบทุกเล่ม คาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 20 ปี

ผู้เขียนเรียนท่านว่า โน้ตบุ๊คส่วนใหญ่ออกแบบมาให้ใช้งานคราวละไม่เกิน 2 ชั่วโมง ถ้าท่านอยากจะทำงานเกินคราวละ 2 ชั่วโมงก็ได้ ทว่า... สุขภาพของท่านจะทรุดโทรมเร็ว และอาจจะทำได้ไม่ถึง 20 ปี

ทว่า... ถ้าท่านรู้จักทำบ้างพักบ้าง พักสายตาอย่างน้อยชั่วโมงละครั้ง ลุกเดินไปมาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อครั้ง ทำอย่างนี้คงจะทำได้ 20 ปีอย่างที่ตั้งใจไว้

เราๆ ท่านๆ ที่ใช้คอมฯ วันละนานๆ ก็คงจะคล้ายกันคือ ถ้าเรารู้จักทำบ้างพักบ้าง อย่างนี้จะทำได้นาน ถ้าลุยลูกเดียว... อาจจะป่วยเสียก่อน เลยทำงานไม่สำเร็จ

จดหมายข่าวเมโยคลินิกแนะนำวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้เราใช้คอมฯ ได้อย่างถนอมสายตา...

(๑). จอตรง-คีย์บอร์ดตรง:                                                          

การวางจอหรือคีย์บอร์ดเอียงๆ มีส่วนทำให้เกิดความเครียดต่อข้อมือ คอ และตาโดยไม่จำเป็น วิธีที่ดีคือ วางจอตรงหน้า วางคีย์บอร์ดตรงหน้า

(๒). จอห่างตาเท่าแขน:                                                               

ควรจัดให้จอภาพอยู่ห่างลูกตาประมาณเท่าแขน หรืออยู่ในช่วง 20-28 นิ้ว(ประมาณ 2 ฟุต)

ถ้าตั้งจอห่างเท่านี้ยังมองไม่เห็น... แนะนำให้เพิ่มขนาดตัวอักษร (font size) หรือตรวจดูว่า ตามีปัญหาหรือไม่ เช่น ตาสั้น ตาเอียง ฯลฯ

(๓). จอสูงพอดี:                                                                         

ควรจัดให้ส่วนบนของจอภาพอยู่ประมาณระดับสายตา หรือต่ำกว่าเล็กน้อย ถ้าจอภาพอยู่สูงหรือต่ำเกินอาจทำให้ปวดเมื่อยคอได้ง่าย

(๔). ลดแสงรบกวน:                                                                    

แสงรบกวนประกอบด้วยแสงสะท้อน และแสงกระจาย (glare) แสงสะท้อนมักจะมาจากแหล่งกำเนิดแสงด้านหน้า เช่น ถ้านั่งหันหลังให้หน้าต่างมักจะมีแสงสะท้อนปรากฏในจอภาพ ฯลฯ

การจัดที่นั่งทำงานใหม่ การปิดไฟบางดวง(ที่ปรากฏแสงสะท้อนในจอ) หรือการหาม่านบังหน้าต่างมีส่วนช่วยให้สบายตาขึ้นได้

(๕). จัดแสง:                                                                                     

การจัดให้แสงสว่างอยู่ทางด้านข้าง หรือด้านบนในแนวขนานกับขอบจอช่วยลดแสงรบกวนได้มากที่สุด

(๖). ทำความสะอาดจอ:                                                                  

บางคน เช่น ผู้เขียน ฯลฯ ใช้จอโดยไม่ทำความสะอาดจอเลย ปล่อยให้ฝุ่นจับจอภาพเต็มไปหมด ฝุ่นเหล่านี้ทั้งบดบังจอภาพ และทำให้เกิดแสงกระจาย (glare) รบกวนการมองเห็น

ผู้เขียนอ่านถึงตอนนี้แล้วรีบทำความสะอาดจอทันที ปรากฏว่า จอภาพชัดเจนขึ้นเยอะเลย

(๗). พักสายตา:                                                                               

การมองใกล้นานๆ ทำให้ตาล้าได้ง่าย วิธีพักสายตาง่ายๆ วิธีแรกคือ ให้หาตำแหน่งที่ไกลออกไปอย่างน้อย 8 ฟุต (2.4 เมตร)

พอทำงานได้สักพักหนึ่ง... ให้มองไกล แล้วยกมือขึ้น เพ่งมองนิ้วมือสักพัก แล้วมองไกลอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้กล้ามเนื้อลูกตาได้เปลี่ยนตำแหน่งโฟกัส(ปรับชัดตามระยะทาง)

(๘). ลุกขึ้นเดิน:                                                                                

ร่างกายคนเราทนการทำงานที่ไม่ซ้ำซากได้นาน แต่ถ้าทำอะไรซ้ำซากมักจะทนได้ไม่นาน การนั่งทำงานนานๆ ทำให้เสี่ยงต่อโรคหลายอย่างมากขึ้น เช่น ปวดตา ปวดคอ ปวดหลัง ฯลฯ

วิธีป้องกันโรคง่ายๆ คือ ให้ลุกขึ้นยืน เดินไปมาทุกชั่วโมง หรือจะเปลี่ยนไปทำงานอื่นแทนก็ได้ แต่ในช่วง 5 นาทีที่พักนี้... ไม่ควรนั่ง เพื่อให้เกิดการสับเปลี่ยนอิริยาบถ

(๙). ฝึกกระพริบตา:                                                                            

เวลาคนเราเพ่งอะไรนานๆ จะกระพริบตาน้อยลง ทำให้แก้วตาแห้ง แสบตา ระคายเคืองตาได้ง่าย วิธีง่ายๆ คือ เวลานั่งทำงานอะไรนานๆ ให้ฝึกกระพริบตา โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกแสบตา

(๑๐). ใช้น้ำตาเทียม:                                                                            

คนบางคนเกิดมาเป็นคนเจ้าน้ำตา ทว่า... บางคนกลับมีน้ำตาน้อย โดยเฉพาะคนที่อายุมากขึ้น ทำให้แก้วตาแห้งง่าย แสบตา ระคายเคืองตาได้ง่าย การใช้น้ำตาเทียม (artificial tear drop) หยอดช่วยทุกๆ 3-6 ชั่วโมงมีส่วนช่วยได้

(๑๑). ฝึกผ่อนคลาย:                                                                         

อาจารย์เมโยคลินิกท่านแนะนำให้ฝึกนั่งซบไปที่โต๊ะทำงาน ปิดตา หายใจเข้าเต็มที่ กลั้นไว้ 4 วินาที หายใจออกช้าๆ แล้วฝึกหายใจเข้าออกช้าๆ ต่อไปให้ได้คราวละ 15-30 นาที

ฝึกหายใอย่างนี้บ่อยๆ จะช่วยลดความเครียดได้

คำแนะนำ: การฝึกผ่อนคลายแบบคาราเต้คิด                          

ภาพยนต์เรื่อง “คาราเต้คิด (Karate Kid) มีตอนหนึ่งที่อาจารย์สอนเด็กให้ฝึกผ่อนคลาย ท่านใช้วิธีง่ายๆ อย่างนี้...
  • ยืนหลับตา พนมมือ... ท่าต่อไปให้เคลื่อนไหวโดยไม่แยกมือออกจากกันทุกท่า
  • ยกมือขึ้นเหนือหัวจนสุด + หายใจเข้าช้าๆ
  • ลดมือลงกลับมาที่เดิม + หายใจออกช้าๆ
  • ยื่นมือไปข้างหน้า + หายใจเข้าช้าๆ
  • ดึงมือกลับเข้าหาตัว + หายใจออกช้าๆ

ให้ทำซ้ำอย่างนี้ 3 รอบจะช่วยลดความเครียดได้ การฝึกหายใจเข้าออกช้าๆ อย่างน้อยวันละ 10-15 นาที... ช่วยได้ทั้งคลายเครียด และช่วยป้องกันโรคความดันเลือดสูงได้ด้วย

คำเตือน: การใช้น้ำตาเทียม                                                         

(๑). ท่านที่มีโรคตา:                                                                       

ท่านที่มีโรคตาควรปรึกษาบุคลากรสุขภาพ แพทย์ หรือจักษุแพทย์ที่ดูแลท่านก่อนใช้น้ำตาเทียม

(๒). ใช้ไม่เกิน 1 เดือน:                                                                

ก่อนใช้น้ำตาเทียมควรเขียนวันที่ไว้ที่ข้างหลอด เก็บน้ำตาเทียมไว้ในที่เย็น ไม่ให้ถูกความร้อน หรือแสงแดด เช่น เก็บไว้ในตู้เย็น ฯลฯ

เมื่อครบ 1 เดือนแล้วให้ทิ้งไปเสีย และหาน้ำตาเทียมขวดใหม่มาใช้แทน เนื่องจากอาจมีเชื้อโรคค่อยๆ เติบโตขึ้นได้

(๓). แช่ช่องเย็น ไม่ใช่แช่แข็ง:                                                    

การเก็บน้ำตาเทียมไว้ในตู้เย็น... ให้เก็บในช่องเย็น ไม่ใช่ช่องแช่แข็ง

(๔). ล้างมือก่อนใช้:                                                                    

ก่อนใช้น้ำตาเทียมควรล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาด เช็ดมือด้วยผ้าหรือกระดาษชำระสะอาดให้แห้ง เวลาเปิดฝาขวดน้ำตาเทียม... ระวังอย่าให้นิ้วมือไปสัมผัสผนังหลอดหยด เนื่องจากเชื้อโรคอาจค่อยๆ เติบโตขึ้นได้

คำแนะนำเพิ่มเติม:                                                                      

อาจารย์ เภสัชกรทันสิษฐ์ นิลสุวรรณโฆษิต (ใช้นามแฝงว่า "จันทร์เมามาย") สถาบันบำราศนราดูร นนทบุรี แนะนำว่า

(๑). น้ำตาเทียมชนิดใช้ได้นาน... ให้แช่ช่องเย็น ไม่ใช่แช่ช่องแข็ง
(๒). น้ำตาเทียมชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง... ใช้แล้วให้ทิ้งไปเลย อย่านำมาใช้ซ้ำอีก

มีปัญหาเรื่องยา... โปรดปรึกษาเภสัชกรครับ

    แหล่งที่มา:                                      

  • Many thanks to > Eyestrain and your computer screen: tips for getting relief. > http://www.mayoclinic.com/health/eyestrain/WL00060 > July 20, 2006.
  • ข้อมูลและการอ้างอิงในบล็อก บ้านสุขภาพ มีไว้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค ไม่ใช่เพื่อการรักษาโรค
  • ท่านที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้
  • ขอขอบพระคุณ > อาจารย์เทวินทร์ อุปนันท์ IT โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี
  • ขอขอบพระคุณ > อาจารย์ ณรงค์ ม่วงตานี และอาจารย์เทพรัตน์ บุณยะประภูติ IT ศูนย์มะเร็งลำปาง
  • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ > ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๙ > 20 มิถุนายน 2550.
หมายเลขบันทึก: 39812เขียนเมื่อ 20 กรกฎาคม 2006 13:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)
ขอบพระคุณ คุณหมอที่แนะนำวิธีดีๆครับ
 เป็นเทคนิคที่ดีมากๆเลยค่ะหนูลองทำดูแล้วสบายตาสบายตัวขึ้นเยอะเลย ขอขอบพระคุณมากเลยนะค่ะ

ขอขอบพระคุณอาจารย์ ผอ.บวร และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ขอขอบพระคุณอาจารย์
  • สมาชิก Go2Know นี่... ใช้คอมฯ กันมาก ขอให้อาจารย์มีสุขภาพดีครับ

ขอขอบคุณอาจารย์พิไล และท่านผูอ่านทุกท่าน...

  • ขอแสดงความยินดีด้วยครับ
  • การมีความสุขจาก "ภายใน" ทำให้สุขภาพ และอะไรๆ ดีขึ้นหลายด้าน
  • มีเสื้อยืดตัวหนึ่ง... ด้านหลังเขียนว่า "สุขภาพดีเริ่มที่ตัวเราเอง"
  • ขอบคุณครับ

 คุณหมอวัลลภค่ะหนูยังไม่ได้เป็นอาจารย์หรอกนะค่ะ หนูพึ่งจบป.ตรีมาเมื่อเดือน มีนาคมที่ผ่านมานี้เอง

     เห็นคุณหมอวัลลภเรียกหนูว่าเป็นอาจารย์ทุกทีหนูอ่านแล้วรู้สึกว่าเกรงใจตัวเองอย่างมากเลยค่ะ หนูก็เป็นคนหนึ่งนะค่ะที่รักษาสุขภาพของตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าหนูไม่ชอบไปโรงพยาบาลเอามากๆ  เลย  ซึ่งการรักษาสุขภาพของหนูแบบง่ายๆก็คือ "การกินผักเยอะๆ" ตอนหนูเรียนป.ตรี เพื่อนๆก็จะล้อหนูว่า"มาอีกละ หนอนตัวนี้" เพราะหนูชอบกินผ้กมากๆ

    "หนูจะติดตามอ่านเรื่องราวดีๆที่คุณหมอนำให้เรื่อยๆนะค่ะ"

ได้ความรู้ดีมากครับ ตัวผมเองก็ใช้คอมค่อนข้างนาน จะใช้วิธีหลับตาครับแต่ก็มีปัญหาปวดหลัง สงสัยต้องเปลี่ยนท่าทางอย่างที่คุณหมอว่า

ขอเสริมเรื่องน้ำตาเทียมนิดนึงนะครับ
ที่เก็บในตู้เย็น ให้เก็บช่องธรรมดานะครับ ไม่ใช่ช่องแช่เเข็ง (ช่องฟรีซ) และเดี๋ยวนี้จะมีน้ำตาเทียมที่เป็นชนิดไม่มีสารกันเสีย ทำให้ใช้ได้วันเดียว เช่น Tear natural free เป็นหลอดเล็กๆ แบบใช้แล้ววันรุ่งขึ้นให้ทิ้งเลย

ขอขอบคุณ คุณพิไล, ท่านผู้ให้ข้อคิดเห็น, และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ผมเองก็ไม่ได้เป็นอาจารย์
  • การใช้คำนำหน้า "อาจารย์" ใน Go2Know เป็นการให้เกียรติกันในฐานะที่สมาชิก หรือผู้สนใจเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (ลปรร.) กัน

ผมเองก็ไม่ชอบไปโรงพยาบาล                     

  • ถ้าเลือกได้... ชอบอยู่หน้าจอ Go2Know, ไปเรียนที่วัด, ไปไหว้พระเจดีย์, หรือไปที่อื่นมากกว่า
  • เลยต้องรักษาสุขภาพมากหน่อย ต่อไปจะได้ไม่ต้องไปโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น

ขอขอบคุณอาจารย์จันทร์เมามาย ท่านผู้ให้ข้อคิดเห็น และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • เป็นคำแนะนำในการใช้น้ำตาเทียมที่มีประโยชน์มากครับ
  • ขอนำมาแก้ไขบันทึกให้ถูกต้อง
  • เดี๋ยวใครจับขวดน้ำตาเทียมไปแช่แข็งละ...แย่เลย

 ขอขอบคุณนะคะ เป็นคำแนะนำที่ดีมากๆค่ะ

        ขอบพระคุณ อาจารย์ นพ. วัลลภ พรเรืองวงศ์ มากครับ ! 
        โดยหน้าที่การงาน และความผูกพันกับ GotoKnow ทำให้ผมต้องอยู่กับจอคอมพิวเตอร์นานๆทุกวัน ข้อเขียน คำแนะนำที่ท่านนำเสนอมีประโยชน์มากครับ  ต่อยอดความรู้ที่เคยมี และได้นำหลายข้อไปปรับใช้แล้วครับ ด้วยความขอบพระคุณยิ่ง 
         อ่านบันทึกของท่านทีไร อดรู้สึกเป็นสุขร่วมกับท่านไม่ได้ เลยสักครั้ง  คือแอบเห็นความสุขในใจท่านขณะที่ท่านเขียน เห็นรอยยิ้มในใจท่าน ที่อิ่มใจต่อการได้ "รักผู้อื่น" อย่างบริสุทธิ์ใจ และทำหน้าที่แบ่งปันความรู้ไป บนฐานที่มั่นคงและยิ่งใหญ่ คือ พรหมวิหาร ๔ ที่น่าจะยึดครองพื้นที่ในใจท่านได้แล้วอย่างมั่นคงและถาวร
        ทั้งหมด ไม่ใช่คำชม ครับ  แต่ เขียนจากใจ ด้วย ความศรัทธาและชื่นชม

ขอขอบคุณคุณอนงนาฏ ท่านผู้ให้ข้อคิดเห็น และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ขอขอบคุณท่านผู้อ่านเช่นกันครับ
  • ขอให้มีความสุขกับการทำงาน มีสุขภาพดี และไม่เมื่อย ไม่ล้าครับ

ขอขอบพระคุณอาจารย์ Handy ท่านผู้ให้ข้อคิดเห็น และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ขอแสดงความยินดีกับอาจารย์ที่นำความรู้ไปใช้ได้ทันทีครับ
  • ผมเองก็เชื่อมั่นว่า สมาชิก Gotoknow และท่านผู้อ่านทุกท่านคงจะมีความสุขไม่น้อยกับการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ (ลปรร.)

Gotoknow เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ (learning organization) ที่พวกเรา... ไม่ว่าจะเป็นผู้บันทึก ผู้ให้ข้อคิดเห็น และท่านผู้อ่านเข้ามาแลกเปลี่ยนอะไรดีๆ กัน

  • ทราบจากประวัติว่า อาจารย์ทำงานที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม...
  • คุณณรงค์ ม่วงตานี (IT webmaster / http://gotoknow.org/profile/tmnarong) ที่โรงพยาบาลเป็นศิษย์เก่าราชภัฎลำปางฯ เก่งมากครับ
  • ท่านจบเศรษฐศาสตร์ + ศึกษาเพิ่มเติมทาง IT > ตอนนี้ศึกษาต่อ IT + เป็นอาจารย์ผู้ควบคุมการฝึกงานนักศึกษาราชภัฏลำปาง
  • เวลามีปัญหา... ท่านผู้นี้(คุณมีส่วนช่วยแก้ปัญหาให้ผมเข้ามาบันทึกใน Go2Know ได้เสมอ
  • ขอแสดงความยินดีกับชาวราชภัฎที่มีศิษย์เก่าเก่งๆ เช่นนี้
  • ใช้คอมพิวเตอร์นานๆเหมือนกันครับ แต่คงน้อยกว่าพี่Handy
  • ได้ประโยชน์มากจากการอ่านบันทึกของคุณหมอ โดยเฉพาะการใช้ computer  ได้ลองใช้หลายวิธีของคุณหมอเกิดผลดีมากครับ
  • ขอบคุณครับ

ขอขอบคุณอาจารย์ขจิต และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ขอขอบคุณครับ
  • ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพดี มีความสุขกับการใช้คอมพิวเตอร์ครับ
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะคะ
ขอขอบคุณอาจารย์เสาวณีย์ และท่านผู้อ่านทุกท่าน... ขอขอบคุณอาจารย์เสาวณีย์สำหรับบทความดีๆ เช่นกันครับ อาจารย์เขียนเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจระหว่างประเทศ มีเรื่องประเทศเพื่อนบ้านที่น่าสนใจมากครับ... ขอขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง

เรียนอาจารย์หมอวัลลภที่เคารพรักได้ความรู้ที่เป็นประโยชน์มากครับ นอกจากนั้นยังประทับใจในหน้า blog ของอาจารย์ที่ออกแบบให้อ่านง่าย สบายตา สบายใจ ครับขอบคุณมากครับ

ขอขอบพระคุณอาจารย์ประพนธ์ที่กรุณาแวะมาอ่านครับ
ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท