ใคร...จะทิ้งพ่อแม่ชราไว้บนภูเขา(ได้ลง)


อยากให้ครอบครัวไทยเป็นเหมือนสมัยก่อน

  ภาพของนักแสดงที่มีชื่อเสียงไปทำบุญวันเกิดโดยการนำข้าวปลาอาหารไปเลี้ยงคนชราที่อาศัยในบ้านพักคนชราที่มีชื่อบ้านต่างๆกันไปนั้น  หากใครจะสังเกต...และแน่ใจว่าทุกท่านเองก็สังเกตเห็นว่าในแววตาของคนชราทั้งหลาย  มันช่างว่างเปล่าจริงๆ แม้บางท่านจะแสดงท่าทางดีอกดีใจที่มีดารารุ่นหลานมาป้อนข้าว  ชวนรำวงสนุกสนาน   แต่อย่างไรก็ตาม...เดี๋ยวเวลาสั้นๆนั้นก็จะผ่านไป 

   ประเทศไทย  ไม่มีตำนานนำพ่อแม่ที่แก่ชราไปทิ้งบนภูเขาเหมือนของประเทศญี่ปุ่นก็จริง  ...แล้วบ้านพักคนชราของไทยมันต่างจากภูเขาลูกนั้นของญี่ปุ่นตรงไหน?... มาอ่านตำนานเศร้าๆซึ้งๆของชาวญี่ปุ่นกันค่ะ

อุบะสุเทะ ภูเขาที่พ่อแม่ถูกทิ้ง

ในสมัยเอโดะ (ค.ศ.1603-1867) ประเทศญี่ปุ่นมีการปกครองด้วยระบบขุนนาง มีเจ้าเมืองและซามูไรที่มีอำนาจลดหลั่นกันไป
ประชาชนทุกคนต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าเมืองแบบไม่มีเงื่อนไข
ช่วงที่ญี่ปุ่นถูกภัยแล้งคุกคามนานหลายปี เจ้าเมืองได้ออกกฏหมายขึ้นมาข้อหนึ่งว่า หากครอบครัวไหนมีพ่อแม่ที่อายุเกิน70ปี ลูกต้องนำพ่อแม่ไปทิ้งบนเขา มิฉะนั้นจะถูกประหาร เพราะถือว่าคนสูงวัยถึงเพียงนั้นเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ ยิ่งอยู่นานยิ่งเป็นภาระ
ในทางตรงกันข้าม การตายเพื่อให้ลูกหลานได้อยู่ต่อนับเป็นการตายที่มีเกียรติสูงยิ่ง
ภูเขาสูงหลายแห่งจึงกลายเป็นหลุมฝังศพคนแก่ ขึ้นไปสองคน แต่กลับลงมาหนึ่ง ต่อเนื่องกันไปอย่างนี้เรื่อยมา
ชาวญี่ปุ่นเรียกภูเขาเหล่านี้ว่า "อุบะสุเทะ" ("อุบะ" แปลว่า คนแก่ "สุเทะ" แปลว่า ทิ้ง)
   ...และแล้วก็ถึงวันที่แม่ของ"เขา"อายุครบ70ปี เช้าวันนั้นเขาจัดเตรียมข้าวเป็นเสบียง เตรียมสานตระกร้าสำหรับใส่แม่
เมื่อทุกอย่างพร้อมก็อุ้มแม่วางลงในตระกร้า แบกขึ้นหลังและออกเดินทางไปยังภูเขา ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจดจ่อกับการปีนเขาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แม่ผู้ชราก็สังเกตเห็นว่าท้องฟ้ากำลังมืดลงทุกทีๆ
นางเกิดความกลัวขึ้นมาว่าถ้าฟ้ามืดลูกชายอาจหลงทางอยู่บนเขาก็ได้ นางจึงเอื้อมมือไปหักกิ่งไม้ กิ่งแล้วกิ่งเล่าเพื่อที่ว่าหลังจากทิ้งนางไว้บนภูเขาแล้ว ลูกชายจะสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
เมื่อถึงเวลาที่แม่ลูกต้องจากกัน นางได้บอกลูกชายว่า "ลูกแม่ ตอนที่เราขึ้นมาบนเขา แม่ได้หักกิ่งไม้ไว้ตลอดทาง ตอนลงจากเขาเจ้าจงสังเกตรอยไม้ที่แม่หักไว้ ก็จะถึงบ้านโดยปลอดภัย"
เมื่อลูกชายได้ยินดังนั้น ทันใดสายตาก็มองเห็นมือที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนของแม่ เขาอดหลั่งน้ำตาออกมามิได้
และตัดสินใจว่าจะไม่ยอมทิ้งแม่ไว้บนภูเขาเด็ดขาด เขาอุ้มแม่วางลงในตระกร้า แบกขึ้นหลังพาลงภูเขา
และซ่อนแม่ไว้ในยุ้งฉางเพื่อหลบสายตาจากคนภายนอก

ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าเมืองก็ประกาศคำปริศนาไว้สองข้อ และบอกว่าหากใครแก้ปริศนาเหล่านี้ได้
ก็จะให้คนผู้นั้นสมปรารถนาหนึ่งประการ ปริศนาข้อแรกคือ ให้ฟั่นเชือกขึ้นมาจากขี้เถ้า และสองคือให้ร้อยเส้นไหมลอดผ่านเปลือกหอยสังข์
เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ก็ยังไม่มีใครแก้ปริศนาได้ ลูกชายจึงนำเรื่องนี้ไปเล่าให้แม่ฟัง เมื่อเล่าจบแม่ก็ยิ้มแล้วสอนว่า
"ลูกแม่ เจ้าจงทำตามที่แม่บอกต่อไปนี้ สำหรับปริศนาข้อแรกให้เจ้าฟั่นเชือกขึ้นมาแล้วนำไปเผาให้ไหม้เป็นถ่าน ขี้เถ้าจะคงรูป
เหมือนเชือกอยู่อย่างนั้น ส่วนปริศนาข้อที่สอง ให้ผูกเส้นไหมกับขามดแล้วจับมดไปใส่ในเปลือกหอย หลังจากนั้นให้โรยน้ำตาล
และจุดเทียนอีกด้านหนึ่งของเปลือกหอย เมื่อมดได้กลิ่นน้ำตาลและเห็นแสงเทียนก็จะพยายามเดินออกไปอีกด้าน"
ภายหลังเมื่อเจ้าเมืองรู้ว่าคนที่แก้ปริศนาได้ แท้จริงแล้วคือหญิงชราธรรมดาๆ คนหนึ่ง จึงเกิดความเลื่อมใสในภูมิปัญญาของคนชราและตัดสินใจยกเลิกกฎให้ทิ้งพ่อแม่ตั้งแต่นั้น
แม่กับลูกชายจึงใช้ชีวิตต่อมาอย่างมีความสุข
ความรักของพ่อแม่เป็นสิ่งอัศจรรย์...ราวกับไม่มีอยู่จริง
เพราะเป็นความรักที่มีแต่คำว่า"ให้"อย่างที่ไม่มีลูกคนไหน"ให้"คืนกลับได้อย่างเท่าเทียม
การดูแลพ่อแม่ในยามที่ท่านดูแลตัวเองไม่ได้ถือเป็นการทดแทนบุญคุณของท่านเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หากใครบอกว่าไม่สามารถดูแลพ่อแม่ได้ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม โปรดจำเรื่องนี้ไว้เป็นคติสอนใจ
ตำนานอุบะสุเทะเป็นเรื่องที่ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่รู้จักดี แต่คนทั่วไปอาจได้ยินเรื่องนี้จาก Ballad of Narayama
ภาพยนต์ผลการกำกับของผู้กำกับอิมะมุระ โชเฮ(Imamura Shohei) ที่เล่าเรื่องราวชีวิตปีที่ 69 ย่าง 70 ของ โอริน หญิงชราซึ่งพยายามใช้ปีสุดท้ายก่อนจะถูกนำไปทิ้งบนภูเขานารายาม่า เพื่อช่วยลูกชายและหลาน จนแน่ใจว่าพวกเขาจะสามารถเผชิญความทุกข์ยากแร้นแค้นได้หลังจากที่เธอตายไปแล้ว
จากนิตยสาร Secret ฉบับที่ 51 ประจำเดือน ส.ค.53 หน้า 81

 

คำสำคัญ (Tags): #ครอบครัว
หมายเลขบันทึก: 395908เขียนเมื่อ 19 กันยายน 2010 22:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 23:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
  • สวัสดีค่ะ คุณครูปู
  • เรื่องที่เล่าเป็นเรื่องน่าประทับใจ
  • ในความรักของแม่ที่มีต่องลูกนะคะ
  • ไม่มีรักใดยิ่งใหญ่เท่ากับรักของแม่อีกแล้ว
  • คืนนี้หลับฝันดีนะคะ.
  • สวัสดีครับ
  • แวะมารับรู้เรื่องราวดีๆ ก่อนนอนครับ
  • แม่รู้ใจลูกที่สุด แม่รักลูก และหวังดีกับลูกที่สุด  แม่บางครั้งจะดุด่า ว่ากล่าวตักเตือนบ้าง แต่ก็หวังดีกับลูกเสมอ แปลกนะครับ ที่แม่เลี้ยงลูกกี่คนก็เลี้ยงได้ แต่ลูกหลายคนกลับเลี้ยงแม่ไม่ได้.....ช่วยกันทำให้มีความสุขกันเถอะครับ 

สวัสดีค่ะคุณครูแป๋ม ขอบคุณค่ะที่เข้ามาทักทายกัน "แม่ยิ่งใหญ่ในใจเสมอ"

สวัสดีค่ะคุณชำนาญ ขอบคุณค่ะที่เข้ามาทักทาย และขอบคุณคนรัก "พ่อแม่" ทุกคนค่ะ

รู้สึกอบอุ่นหัวใจจัง ความรักของแม่ยิ่งใหญ่เสมอ...

หวัดดีหลานนกขมิ้นเหลืองอ่อน (ค่ำแล้วจะนอนไหนเอย) กลอนมันพาไปค่ะ "พ่อแม่เรามีไว้ให้รักค่ะ" ขอบคุณค่ะที่มาเยี่ยมบล็อกน้าปู (กระซิบ...อย่าไปเล่าน้าหมูนะ...อายเขา..แหะแหะ)

สวัสดีคะ น้องครูปู พี่สุอ่านเรื่องนี้แล้วสะท้อนในหัวใจจริงๆๆคะ ที่มีบ้านพักคนชรา ให้คนชรามาอยู่รวมกัน โดยที่ลูกคิดว่าเป็นการถูกต้องแล้ว ให้คนแก่มาอยู่ด้วยกัน ถ้าเป็นครอบครัว ที่ยากไร้ไม่สามารถดูแลได้ ก็อาจจะอยากให้พ่อแม่มาอยู่ แต่การมาอยู่แบบนี้ไม่ได้อยู่ฟรี ฟรีไม่ใช่หรือคะ ต้องมีการจ่ายให้รายเดือน ฉะนั้นคนจนคงไม่มาทิ้งแม่ไว้แบบนี้ คงปล่อยไปเลย อยู่ตามยถากรรมส่วนมากจะเป็นคนมีเงิน แต่ไม่มีเวลาดูแล คิดว่านำมาอยู่แบบนี้ดีที่สุดแล้ว เหมือนมาอยู่หอพัก ตามจริงพี่สุ ก็คิดอยากให้พ่อแม่มาอยู่รวมกับคนชรา เพื่อจะได้เข้าใจ และพูดภาษเดียวกันได้ เข้าใจ ในวัยเดียวกัน แต่ถ้านำมาแล้ว มาคิดว่าลูกทิ้งขว้าง พี่สุเอาพ่อแม่ไว้ที่บ้านดีกว่าคะ  น่าสงสารจิตใจคนชรา ยิ่งแก่แล้ว หวังพึ่งลูกเต้า ดูแลยามแก่ชรา ดันนำมาอยู่รวมกัน เหมือนถูกทอดทิ้งคะ

-พี่สุไม่เคยรู้เรื่อง ความเป็นอยู่ของคนชรา ในบ้านพักคนชรา ที่นำมารวมกันได้ มีเงื่อนไขอะไร แต่ที่น้องบอกว่า สายตาว่างเปล่า เหมือนไม่ยินดียินร้าย รอแต่วันตาย สะเทือนใจจริงๆๆคะ

-และเรื่องการเอาพ่อแม่แก่เฒ่าไปทิ้งไว้บนภูเขาพี่สุเคยอ่านคะ ดีที่เขาเลิกล้มไปแล้ว ถ้าสมัยปัจจุบัน มีพี่สุก็ไม่ยอมคะ ต้องรักท่านทั้งสองให้มาก เพราะคิดว่าเราเกิดมาท่านทนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเรามา ยากแค้นแสนเข็นขนาดไหน  ยิ่งตอนนี้พี่สุ เลี้ยงหลานตั้งแต่แรกเกิด จนได้ 10 เดือน พี่สุรักหลานมาก ทรมานอดหลับอดนอน เพื่อป้อนนม ป้อนข้าว และพาเที่ยว อะไรดี ทำให้หมด ถึงได้รู้พระคุณแม่ ที่ลำบากเพราะเรา กว่าจะโตได้คะ

-และจากการเลี้ยงหลาน ข้าวก็ทานไม่ตรงเวลา หลานหลับถึงห่างกันได้ พอห่างหน่อย ก็รู้สึกตัว ไม่ยอม ต้องให้พี่สุมานอนใกล้ๆๆ ต้องนอนกอด จนไหล่หลังเคล็ดไปหมด

-นี่แหละคะ ถึงรู้ว่า แม่เรา ก็รักและหวังดีต่อเราเสมอ แม้ถูกทิ้ง ก็ยังว่าลูกมัวทำงาน งานยุ่ง ไม่มีเวลามาสนใจ ก็ไม่เป็นไร อภัยให้ลูกเสมอ

-พูดถึงเรื่องแม่ พี่สุร้องไห้ทุกครั้งคะ แม่พี่สุจากไปแล้วคะ ได้ 2 ปีแล้ว

แง  แง มาคลายเครียดกันดีกว่า ไปดูรูปมีมาประกอบแล้วนะคะ

พี่สุคะ

คุณแม่จากพี่สุไปแล้ว พี่สุยังโชคดีเหลือหลานตัวน้อยทำให้รู้สึกว่าชีวิตเรามีค่าต่อเขาอย่างมากมาย เพราะแน่ใจว่ารักของหลานน้อยที่มีต่อพี่สุนั้น บริสุทธิ์ไม่แตกต่างจากรักของแม่ที่จากเราไปแล้วเช่นกันค่ะ ขอให้พี่สุมีความรักบริสุทธิ์ที่ยืนยาวไปอีกนานเท่านานนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท