ตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังทำรายงานเกี่ยวกับ มัลติมีเดีย จึงอยากได้ข้อมูล ที่หลากหลาย รวมทั้งความคิดเห็นเกี่ยวกับ มัลติมีเดีย ว่า แต่ละท่านมีความคิดเห็นอย่างไร และแนวโน้มของการใช้มัลติมีเดียในอนาคตจะเป็นไปในลักษณะใด เพื่อนำไปประกอบในรายงาน ซึ่งรายงานที่ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆจะทำนั้น ไม่เพียงแต่เป็นการหาข้อมูลเพียงเท่านั้น แต่อยากได้ความคิดเห็นจากบุคคลหลายๆท่าน โดยเฉพาะท่านผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับ สื่อมัลติมีเดีย หรือบุคคลทั่วไป ว่าท่านมีความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องมัลติมีเดียหรือไม่ และได้นำไปใช้อย่างไรบ้าง โดยเฉพาะ ครูผู้สอน นำไปใช้กับผู้เรียนอย่างไร มีประโยชน์ อย่างไร อยากได้ตัวอย่างที่มีการใช้ในโรงเรียน หรือสถานศึกษาจริงๆ และมีใช้ในประเทศไทย
"มัลติมีเดีย (Multimedia) หรือ สื่อหลายแบบ" เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์ สามารถผสมผสานกันระหว่าง ข้อความ ข้อมูลตัวเลข ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง ไว้ด้วยกัน ตลอดจน การนำเอาระบบโต้ตอบกับผู้ใช้ (Interactive) มาผสมผสานเข้าด้วยกัน
นอกจากนี้ มีผู้ให้นิยามศัพท์ไว้หลายท่าน ดังนี้
- Robert Aston, Joyce Schwarz
- Computer control of the combination of text, graphics, audio, video and animation data
- Tay Vaughan
- Multimedia is any combination of text, graphic, art, sound, animation and video that is delivered by computer. When you allow the user the viewer of the project to control what and when these elements are delivered, it is interactive multimedia. When the user can navigate, interactive multimedia becomes hypermedia
- Nicholas Negroponte
- True multimedia is interactive digital information which can be viewed in many different ways by the user. Moreover in multimedia, there does not have to be a trade-off between depth and breadth; the user can explore a topic as broadly and as deeply as she or he desires.
มัลติมีเดีย ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนเรามากยิ่งขึ้น โดยมีประโยชน์ ดังนี้
นอกจากประโยชน์ดังกล่าว เทคโนโลยีมัลติมีเดีย ยังมีบทบาทต่อ
เทคโนโลยีมัลติมีเดีย |
เนื่องจากมัลติมีเดีย เป็นเทคโนโลยีของสื่อหลากหลายสื่อ ซึ่งสามารถแบ่งได้ ดังนี้
เทคโนโลยีที่กล่าวมาข้างต้น เป็นส่วนประกอบที่สำคัญกับเทคโนโลยีมัลติมีเดีย ซึ่งจะช่วยให้เทคโนโลยีมัลติมีเดีย มีคุณค่า และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง |
้อความ (Text) |
ข้อความ เป็นส่วนที่เกี่ยวกับเนื้อหาของมัลติมีเดีย ใช้แสดงรายละเอียด หรือเนื้อหาของเรื่องที่นำเสนอ ซึ่งปัจจุบัน มีหลายรูปแบบ ได้แก่
|
ภาพกราฟิก (Graphics) เป็นสื่อในการนำเสนอที่ดี เนื่องจากมีสีสรร มีรูปแบบที่น่าสนใจ สามารถสื่อความหมายได้กว้าง ประกอบด้วย
สำหรับการจัดหาภาพ หรือเตรียมภาพ ก็มีหลายวิธี เช่น การสร้างภาพเอง ด้วยโปรแกรมสร้างภาพ เช่น Adobe Photoshop, PhotoImpact, CorelDraw หรือการนำภาพจากอุปกรณ์ เช่น กล้องถ่ายภาพดิจิตอล, กล้องวิดีโอดิจิตอล หรือสแกนเนอร์
สียง (Sound) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เสียง เป็นอีกองค์ประกอบของมัลติมีเดีย อันจะช่วยให้เกิดบรรยากาศที่น่าสนใจในการรับรู้ทางหู โดยอาศัยจะนำเสนอในรูปของ เสียงประกอบ เพลงบรรเลง เสียงพูด เสียงบรรยาย หรือเสียงพากษ์ เป็นต้น ลักษณะของเสียง ประกอบด้วย
เทคโนโลยีเกี่ยวกับเสียง ประกอบด้วย การบันทึกข้อมูลเสียง
ฟอร์แมตในการจัดเก็บ (File Format) มีหลากหลายรูปแบบ โดยมีส่วนขยาย (นามสกุล) ที่เป็นมาตรฐานในการระบุ ได้แก่
มาตรฐานการบีบอัดข้อมูล เสียงที่มีคุณภาพดี มักจะมีขนาดโต จึงต้องมีการบีบอัดข้อมูลให้มีขนาดเล็กลง มาตรฐานการบีบอัดข้อมูล ได้แก่
เว็บไซต์ที่น่าสนใจ |
วิดีโอ นับเป็นสื่ออีกรูปหนึ่งที่นิยมใช้กับเทคโนโลยีมัลติมีเดีย เนื่องจากสามารถแสดงผลได้ทั้งภาพเคลื่อนไหว และเสียงไปพร้อมๆๆ กัน ทำให้เกิดความน่าสนใจในการนำเสนอ ทั้งนี้มีหัวข้อที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
Video file format
เป็นรูปแบบที่ใช้บันทึกภาพและเสียงที่สามารถทำงานกับคอมพิวเตอร์ได้เลย มีหลายรูปแบบได้แก่
เว็บไซต์ที่น่าสนใจ
เนื่องจากประสิทธิภาพของสื่อมัลติมีเดีย ที่สามารนำเสนอเนื้อหาได้ทั้งข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง วีดิทัศน์ และอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ประจวบเหมาะสมระบบติดต่อผู้ใช้ (GUI: Graphics User Interface) ที่ทำให้ผู้ใช้มีความสะดวกในการใช้งาน สร้างสรรค์งาน ทำให้บทบาทของสื่อฯ มีมากขึ้นตามลำดับ มีการนำสื่อมัลติมีเดีย มาประยุกต์ใช้กับงานต่างๆ มากมาย เช่น การเรียนการสอน การถ่ายทอดความรู้ การนำเสนอข้อมูล การประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
ปัจจุบันเทคโนโลยีเครือข่ายและการสื่อสาร ยิ่งส่งเสริมให้การประยุกต์ใช้สื่อมัลติมีเดียได้รับการพัมนาอย่างกว้าง สามารถเผรแพร่ข้อมูลได้กว้างไกล และรวดเร็ว มีผู้คนตอบสนองการใช้สื่อมัลติมีเดียมากขึ้น สื่อการเรียนการสอนระบบมัลติมีเดียผ่านเว็บ, ระบบประชาสัมพันธ์ออนไลน์ ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆ กับเทคโนโลยีที่ก้าวเกินกว่าจะคาดได้ถึง หรือไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้
ะบบการฝึกอบรมด้วยมัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์ |
ระบบ การฝึกอบรมด้วยมัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์ (Interactive Multimedia Training System) เป็นสื่อการเรียนรู้ และฝึกอบรมที่นำเอาความสามารถของสื่อโสตทัศนอุปกรณ์ ร่วมกับสื่อฝึกอบรมด้วยคอมพิวเตอร์ (Computer Base Training) โดยผสมผสานระหว่างข้อความ กราฟิก ภาพเคลื่อนไหว เสียง และวีดิทัศน์ต่างๆ เช่น นำสื่อคอมพิวเตอร์, ซอฟต์แวร์ฝึกอบรม มาใช้ร่วมกับเครื่องเล่นเทป และวีดิทัศน์ต่างๆ การ ใช้สื่อรูปแบบนี้เป็นระบบเรียนรู้แบบเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางได้อย่างดี เนื่องจากผู้เรียนเป็นผู้เลือกและควบคุมการเรียนรู้ด้วยตนเอง พร้อมๆ กับมีความรู้สึกสนุกสนาน โดยสามารถสรุปประโยชน์ได้ดังนี้
|
การออกแบบมัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์ อย่างมีประสิทธิภาพ มีแนวทางแนะนำ 5 แนวทางได้แก่
ทั้งนี้สามารถแสดงรายละเอียดย่อยของการออกแบบได้เป็นหัวข้อดังนี้
ประเทศไต้หวันได้ให้ความสำคัญกับการจัดเก็บ รวมรวบ และเผยแพร่ข้อมูลศิลปวัฒนธรรมของประเทศเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะวัตถุต่างๆ ที่นำมาจากประเทศจีน ซึ่งมีจำนวนถึง 650,000 ชิ้น โดยไต้หวันได้กำหนดให้หน่วยงานชื่อ National Palace Museum รับผิดชอบในการดูแลรักษา จัดเก็บ รวบรวม จัดหมวดหมู่ และเผยแพร่ส่งเสริมความรักในศิลปะให้กับเยาวชนในชาติ
การจัดเก็บศิลปวัตถุต่างๆ อยู่ภายใต้การดูแลของ National Palace Museum ซึ่งจัดตั้งในปี 1952 มีศิลปวัตถุที่ต้องดูแลจำนวน 650,000 ชิ้น ประกอบด้วย วัตถุที่เป็นบรอนซ์, หยก, เซรามิก, ภาพวาด, ของแปลกต่างๆ รวมทั้งเอกสารเก่าแก่ต่างๆ โดยมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่างๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยในการรวบรวม จัดหมวดหมู่ เพื่อสะดวกต่อการค้นคืน
NPM (National Palace Museum) วางแผนงานไว้ 3 แผนประกอบด้วย
การดำเนินการด้าน Digital Archives
การดำเนินการด้าน Digital Archives เป็นการวางระบบฐานข้อมูลเพื่อจัดหมวดหมู่ จัดเก็บศิลปวัตถุต่างๆ โดยอาศัยรูปภาพดิจิตอล และ Metadata รวมทั้งระบบการสืบค้นด้วยระบบต่างๆ ทั้งนี้การดำเนินการแบ่งได้ 8 ขั้นตอนคือ
การกำหนดมาตรฐานของการจัดเก็บระบบดิจิตอล - เพื่อให้สะดวกต่อ การจัดเก็บภาพดิจิตอล ได้กำหนดมาตรฐานในการจัดเก็บภาพดิจิตอล ไว้ดังนี้
การคัดเลือกศิลปวัตถุ อาศัยข้อกำหนดเกี่ยวกับ
การวิเคราะห์ Metadata
การสร้างและปรับปรุงภาพดิจิตอล
การจัดการเกี่ยวกับสีของภาพดิจิตอล
การป้องกันลิขสิทธิ์รูปภาพดิจิตอล
เนื่องจากภาพต่างๆ เป็นภาพที่มีคุณค่าและมีความสำคัญในระดับประเทศ การนำเสนอภาพต่างๆ ทั้งบนสื่อมัลติมีเดียและออนไลน์จำเป็นต้องเพิ่มข้อมูลลิขสิทธิ์ จึงต้องนำระบบ Metadata และ Watermarking มาเพิ่มข้อมูลลิขสิทธิ์ในภาพดิจิตอลก่อนเผยแพร่ทุกครั้ง
ทั้งนี้ภาพทุกภาพที่ใส่ Watermark แล้วจะไม่ปรากฏข้อความนั้นๆ บนภาพ แต่จะฝังไว้บนไฟล์ภาพ หากมีผู้ใดนำภาพไปใช้งาน แม้แต่การสั่งพิมพ์ เจ้าหน้าที่ของ NPM สามารถตรวจสอบได้โดยนำภาพพิมพ์มาทำการสแกนด้วย Scanner แล้วใช้โปรแกรมตรวจสอบข้อมูล Watermark แสดงผลบนจอภาพได้ต่อไป
การจัดเก็บและบริหารงาน
ข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะภาพดิจิตอล มีการจัดเก็บหลายรูปแบบทำให้ต้องใช้สื่อจัดเก็บ (Storage) ขนาดใหญ่ จึงต้องมีระบบจัดเก็บที่เป็นระบบเพื่อสะดวกต่อการค้นคืนต่อไป
การเพิ่มคุณค่าเพิ่มด้วยระบบต่างๆ
เพื่อให้ระบบมีคุณค่าในตัวเอง จึงต้องนำระบบอื่นๆ มาช่วยเพิ่มมูลค่าของชิ้นงาน เช่น การนำเสนอในระบบการจัดแสดงนิทรรศการแบบดิจิตอล เช่นการแสดงผลภาพดิจิตอลระบบสามมิติ, e-Learning, การจัดทำระบบธุรกิจเพื่อหารายได้เพิ่มเป็นต้น
Digital Museum
NPM ได้จัดทำเว็บไซต์นำเสนอผลงานต่างๆ ของหน่วยงานผ่านทางเว็บไซต์ http://www.npm.gov.tw/ ทั้งหมด 8 ภาษา ซึ่งมีหน้าเว็บดังนี้
นับว่าเป็นระบบนำเสนอที่มีคุณค่าและน่าสนใจมาก ทั้งนี้การพัฒนาใช้วิธีจ้างหน่วยงานภายนอกร่วมพัฒนา โดยเฉพาะการออกแบบกราฟิกเพื่อให้ได้เว็บไซต์ที่สวยงาม น่าติดตาม การนำเสนอมีทั้งแบบ Text, Image, 3D, Virtual Reality และเกมฝึกสมองสำหรับเด็กและเยาวชนที่สนใจศิลปะ
สรุป นับว่าการจัดทำระบบ Digital Archive ของ National Palace Museum ของไต้หวันมีประสิทธิภาพน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง
บุญเลิศ อรุณพิบูลย์
14 มกราคม 2546
ประเทศไทย มีการแพร่สัญญาณภาพและเสียงในรูปแบบโทรทัศน์มาหลายปี และปัจจุบันมีการนำระบบต่างๆ มาใช้หลากหลายระบบ ซึ่งสามารถแบ่งได้ดังนี้
ระบบ VHF เป็นระบบคลื่นความถี่ที่ใช้ในกิจการวิทยุกระจายเสียง แพร่ภาพโทรทัศน์ การสื่อสารระยะใกล้ ด้วยความถี่ 30 - 300 MHz นับเป็นระบบแรกที่นำมาใช้ในประเทศไทย โดยสถานีโทรทัศน์ช่อง 4 บางขุนพรหม สัญญาณที่ส่งเป็นสัญญาณ Analog ส่งสัญญาณจากสถานีภาคพื้นดิน (Terestrial Station) ไปได้ไกลหลายร้อยกิโลเมตร รับสัญญาณด้วยเสาอากาศทั่วๆ ไป จัดเป็นระบบเปิดสาธารณะ หรือเรียกว่า ฟรีทีวี (Free TV) เช่น ช่อง 3, 5, 7, 9 และ 11
ระบบ UHF เป็นระบบที่พบได้กับช่อง ITV รวมทั้งการสื่อสารการบิน การสื่อสารระยะใกล้อื่นๆ ด้วยสัญญาณ Analog ในย่านความถี่ 300 MHz ถึง 3 GHz เนื่องจากสัญญาณมีย่านความถี่สูงมาก ทำให้ไม่สามารถส่งสัญญาณได้ไกล จึงต้องมีสถานีเครือข่าย การรับสัญญาณสามารถใช้เสาอากาศทั่วไปได้เช่นกัน
ระบบ MMDS เคยเป็นระบบที่เผยแพร่ในประเทศไทยด้วยสถานี Thai Sky TV แต่เนื่องจากการลักลอบสัญญาณ จึงต้องปิดบริการไป ระบบนี้แพร่ภาพได้พร้อมๆ กีนกว่า 30 ช่อง ด้วยย่านความถี่ 2.1 GHz ถึง 2.7 GHz ปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้ส่งสัญญาณระบบดิจิทัล โดยใช้เครื่องถอดรหัสสัญญาณดิจิทัล (IRD - Integrate Receiver Decoder) และใช้งานร่วมกับ Wireless Internet ในรูปแบบของ Broadband จึงเป็นระบบที่น่าสนใจมากระบบหนึ่ง อย่างไรก็มีจุดด้อยคือ การรับชมสัญญาณที่ชัดเจนจะต้องมีระยะห่างจากเสาอากาศส่งสัญญาณในระยะ 12 - 15 กิโลเมตร
การส่งสัญญาณระบบดาวเทียม นิยมส่งออกอากาศในย่านความถี่ C Band ที่มีความถี่ขาลงระหว่าง 3.4 - 4.8 GHz และย่านความถี่ KU Band ที่มีความถี่ขาลงระหว่าง 10.7 - 12.3 GHz โดยรับสัญญาณจากดาวเทียมประเภทค้างฟ้า (Geostationary Satellite) ที่มีความเร็วในการโคจรเท่ากับการหมุนรอบตัวเองของโลก ที่บริเวณเส้น Equator ทั้งนี้การรับชมจะต้องอาศัยเครื่องรับสัญญาณดาวเทียม และชุดจานรับสัญญาณดาวเทียม ที่มีคุณสมบัติแตกกต่างกันไปตามแต่รูปแบบการส่งสัญญาณ ของแต่ละสถานี
โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมในประเทศไทย มีดังนี้
การรับสัญญาณผ่านดาวเทียม ถ้าเป็นย่านความถี่ KU Band อาจมีปัญหาภาพเสียงขาดหายเมื่อมีฝนตก เมฆครึ้ม เมฆหนา แต่มีความได้เปรียบด้านขนาดของจานรับ ที่มีขนาดเล็ก กะทัดรัด (70 - 90 cm) ติดตั้งง่ายกว่าย่าน C Band (150 - 300 cm)
ระบบเผยแพร่ภาพผ่านสายเคเบิล หรือเคเบิลทีวี เป็นบริการแบบบอกรับสมาชิก โดยใช้สาย Fiber Optic ร่วมกับ Coaxial และใช้อุปกรณ์ถอดรหัสสัญญาณประกอบการรับชม ปัจจุบันมีการจดทะเบียนบริษัทให้บริการทั่วประเทศกว่า 60 บริษัทในอัตราค่าบริการ 150 - 300 บาทต่อเดือน
สื่อมัลติมีเดียต่างๆ ที่พัฒนา ก่อนนำไปใช้จริง ควรทำการประเมินผลประสิทธิภาพของสื่อก่อน เช่น การใช้แบบฟอร์มประเมิน ดังตัวอย่างนี้
แบบฟอร์มการประเมินผลสื่อมัลติมีเดียและ PowerPoint
ชื่อสื่อ
บริษัท/ผู้พัฒนา
ผู้ตรวจประเมิน ตำแหน่ง
วันที่ตรวจประเมิน
--------------------------
เกณฑ์การพิจารณา | คะแนนเต็ม | คะแนนที่ได้ | หมายเหตุ |
1. การนำเสนอมีรูปแบบโดดเด่น น่าสนใจ | 20 | ||
2. การใช้สีสันที่เหมาะสม สวยงาม | 20 | ||
3. การจัดวาง Layout ช่วยให้อ่านง่ายและสบายตา | 20 | ||
4. ความกลมกลืนของการนำเสนอ ราบรื่นในการดู | 20 | ||
5. เนื้อหาถูกต้อง จัดแบ่งตอนได้เหมาะสม | 20 | ||
6. มีการนำเสนอทั้งข้อความ ภาพ และเสียงที่เหมาะสม | 20 | ||
7. เสียงบรรยายฟังชัด ถูกต้อง และควบคุมได้ | 20 | ||
8. ใช้ภาษาที่สื่อความหมายได้ชัดเจน | 20 | ||
9. เลือกสื่อนำเสนอแต่ละหัวข้อได้เหมาะสม ชัดเจน | 20 | ||
10. เลือกใช้ภาพกราฟิกได้เหมาะสม | 20 | ||
11. นำเสนอได้ครบถ้วนทั้งจุดประสงค์ เนื้อหา คำถาม และระบบโต้ตอบ | 20 | ||
12. ระบบโต้ตอบเป็นระบบ ที่เหมาะสมกับการนำเสนอ | 20 | ||
13. มีความถูกต้องตามหลักวิชาการทั้งเนื้อหา, เทคนิคการพัฒนา และเทคนิคการนำเสนอ | 20 | ||
14. มีบุคลากร/ทีมพัฒนา ที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ | 20 | ||
15. เนื้อหา รูปภาพ เสียงและสื่ออื่นๆ ถูกลิขสิทธิ์ | 20 | ||
รวม | 300 |
หมายเหตุ ________________________________________
สรุปการประเมิน
คะแนนสื่อมัลติมีเดียและ PowerPoint เต็ม 300 คะแนน ได้ _____ คะแนนเกณฑ์การผ่านจะต้องไม่ต่ำกว่า 250 คะแนน
ผลการประเมิน
________________________________________________
ได้ความรู้ดีครับทำได้ดีครับ
| |
|