หลังจากการเสวนากับปราชญ์เดินดินทั้งหลายในช่วงเช้าแล้ว ช่วงบ่ายเราก็ได้โอกาสเรียนรู้จากตัวอย่างจริงของเกษตรประณีต ๑ ไร่ จากเจ้าของศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงตัวจริงเสียงจริงคือ พ่อจันทร์ที ประทุมภา และ ลูกชาย เป็นผู้พาชมเอง พร้อมการอธิบายและตอบข้อซักถามอย่างเต็มที่ เนื่องจากคณะของเราที่ไปครั้งนี้มีจำนวนไม่มาก จึงเป็นโอกาสทองของเราที่ได้เรียนรู้อย่างละเอียด ต้องขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งไว้ ณ. ที่นี้อีกครั้งครับ
ถ้าไม่ได้มาเห็นของจริงด้วยตาตัวเอง ผมจะไม่มีทางนึกออกเลยครับว่า ในที่ดินเพียง ๑ ไร่ จะสามารถทำอะไรได้มากมายขนาดนี้ มีพืชที่ปลูกไว้บนคันคูบ่อหรือสระน้ำที่เป็นศูนย์กลางของเกษตรประณีต ๑ ไร่นี้ไม่รู้จำนวนเท่าไหร่ ทั้งพืชสมุนไพรชนิดต่าง ๆ พืชหัว เช่นขิง ข่า ตะไคร้และกระชายดำ พืชสวนครัว เช่น พริก มะเขือพวง มะเขือเทศ ผักต่าง ๆ หมุนเวียนปลูกกันหลายชนิด ไม้ผลอย่างเช่น มะละกอ มะพร้าว ส้มเขียวหวาน ไม้เลื้อยเช่น พลู บวบ ถั่วฝักยาว และบรเพ็ด ไม้ยืนต้นทั้งไม้กินยอดอย่างผักหวานป่า ไม้ใช้สอยอย่างยางนา สัก และไผ่ เป็นต้น
ในน้ำนอกจากเลี้ยงปลาดุกแล้วก็ยังปลูกผักบุ้งไว้อีกด้วย แถมเหนือน้ำรอบสระบางส่วนก็ทำค้างปลูกพืชเลื้อยต่าง ๆ เช่น ฟัก แฟง แตงกวา และบวบ เป็นต้น
มุมหนึ่งสระก็สร้างเป็นคอกเลี้ยงสัตว์เช่นไก่หรือสุกร ส่วนอีกมุมก็สร้าง”บ้านมีสุข” เป็นที่อยู่อาศัยได้ แถมข้างบ้านยังมีระบบผลิตแก็สชีวภาพขนาดเล็กชนิดเคลื่อนที่ได้ง่าย ไว้ใช้เป็นพลังงานสำหรับการหุงต้มอีกด้วย เห็นแล้วอึ้งและทึ่งจริง ๆ ครับ สำหรับภูมิปัญญาของท่าน
ชอบจังครับ
ได้ยินชื่อพ่อจันที ประทุมภา จากหนังสือพิมพ์บ้าง หนังสือเกษตรบ้าง ในอินเตอร์บ้าง ควรยกย่องกันให้กว้างขวาง เพื่อเป็นแบบอย่างแก่เกษตรกรโดยทั่วถึงนะครับ
นอกจากได้เห็นด้วยตาได้ยินด้วยหู สัมผัสด้วยมือ อร่อยด้วยอาหารสดๆทั้งผักปลาไก่ และหายใจเต็มปอด สบายตัวที่อากาศสดชื่น เป็นสุขอย่างล้ำลึกเลยค่ะ แต่ที่ได้รับมาเต็มๆ คือคำยืนยันจากพ่อจันทร์ที เกี่ยวต้นสัก ที่หาไม่ได้จากผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ สนับสนุนสิ่งที่อาม่าเข้าใจ และเจอมากับตัวเองที่ต้นสัก สวนป่าครูบาสุทธินันท์ มันคือธรรมชาติ ที่เป็นองค์ ความรู้ ที่เราพบด้วยการเฝ้าศึกษาและสังเกตุค่ะ
ขอบคุณค่ะ อ.น่าทึ่งมากนะคะ
สวนพ่อจันทร์ หากมีโอกาสคงได้ไปเรียนรู้ด้วยค่ะ