วันนี้ได้สอนนิสิต (14 กันยายน 2548) และตั้งใจว่าจะพูดเรื่องสามก๊ก เคยมีคนเปรียบเปรยผู้ที่อ่านสามก๊กไว้ว่า "อ่านสามก๊กสามจบ คบไม่ได้" นั้นเป็นจริงหรือไม่
ผมว่ามันแล้วแต่ว่าคนอ่านนั้นเป็นใคร อย่างผมอ่านสามก๊กฉบับของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เกิน 3 จบแล้ว (คงไม่ต่ำกว่า 4 จบเป็นแน่) ผมเริ่มอ่านจบแรกตั้งเรียนอยู่ชั้นป 4 ตอนอายุประมาณ 11 ขวบ อ่านอยู่ประมาณ 10 วันถึงจบ แล้วพอโตขึ้นก็อ่านอีกหลายจบ และอ่านอีกหลายฉบับ จนมีการสร้างเป็นภาพยนต์ ก็หาซื้อเป็น VCD และวิวัฒนาการเป็น DVD (มี 84 ตอน) ชมอีกอย่างน้อย 2 จบ
ตอนอ่านแรก ๆ ก็เชื่อว่าสามก๊กเป็นพงศาวดารจีน ตามฉบับของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) แต่เมื่อโตขึ้นก็ทราบว่า สามก๊กเป็นวรรณกรรมที่ประพันธ์โดย "หลัวก้วนจงหรือล่อกวนตง" โดยอาศัยเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์และแก้ไขโดย "เหมาจงกัง" ทำให้นึกถึงวรรณกรรมเรื่องผู้ชนะสิบทิศที่ประพันธ์โดย "ยาขอบ" นอกจากนั้นเมื่อได้อ่านมากขึ้นและชมภาพยนต์จึงทำให้ได้มองเห็นสัจธรรมในสามก๊ก ดังบทกวีจีนที่แปลเป็นไทยว่า
น้ำแยงซี รี่ไหล สู่บูรพา
คลื่นพัดกวาดพา วรีชน หล่นลับหาย ถูกผิดแพ้ชนะ วัฏจักร เวียนว่างดาย สิขรยังคง ตะวันยังฉาย นานเท่านาน เกาะกลางชล คนตัดฟืนผมขาว เฒ่าหาปลา สาร์ทวสันต์เห็นมา เหลือหลาย ที่กรายผ่าน สังสรรค์สุรา ป้านใหญ่ ให้ตำนาน เก่าเก่าใหม่ใหม่ สรวลสราญ เล่ากันมาฯ |
สัจธรรมที่ว่าคือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ชีวิตมีความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ตั้งอยู่ไม่ได้ และเป็นอนัตตา ไม่มีตัวตน ยึดมั่นไม่ได้ ยึดถือไม่ได้
ลองมาดูอีกบทกลอนหนึ่งนะครับ
ย้อนรอยสามก๊กย่ำย้ำอุบาย มากเล่ห์เหลือหลายคาดไม่ถึง อุดมการณ์ครอบไผทใครคำนึง วีรชนอลอึงแล้วลับหาย โจ ซุน เล่า เจ้าอาจผงาดกล้า ด้วยซากศพถมทางมามากเหลือหลาย ถึงที่สุดทุกอย่างต่างเปล่าดาย ลงท้ายแซ่สุมาครองหล้าแทน |
คงไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมนะครับ สุดท้ายได้ค้นรูปมาฝากกันครับ
|
|
อ้างอิง :