ปัญหาและข้อเสนอการพัฒนาระบบพนักงานราชการ


ปัญหาและข้อเสนอการพัฒนาระบบพนักงานราชการ

"ปัญหาและข้อเสนอการพัฒนาระบบพนักงานราชการ"

จากที่ผู้เขียนได้เข้าร่วมประชุมกับสำนักงาน ก.พ. เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 08.30 - 12.00 น. ณ โรงแรมดิเอมเมอร์รอล กรุงเทพฯ นั้น ได้ผลสรุปของการประชุมดังนี้...

โดยนางสาวอัจฉรา โกศัลวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบจำแนกตำแหน่งและค่าตอบแทน ได้กล่าวเปิดและมอบให้คุณสมบุญและคุณลักขณา เป็นผู้อธิบายเกี่ยวกับปัญหาของระบบพนักงานราชการและข้อเสนอการพัฒนาระบบพนักงานราชการ...

ปัญหาของระบบพนักงานราชการ

ที่มาของการพัฒนาระบบราชการ สืบเนื่องมาจาก พ.ศ. 2545 รัฐได้มีการปฏิรูประบบราชการ โดยมีการปฏิรูปโครงสร้างของหน่วยราชการ คน ระบบงานและอัตรากำลัง โดยโครงสร้างของหน่วยราชการนั้น ได้มาจากการยุบส่วนราชการหรือเพิ่มกอง ยกตัวอย่างที่ผู้เขียนได้รับผลกระทบในการปฏิรูปในครั้งนี้ ก็คือ ผู้เขียนได้ถูกรัฐยุบส่วนราชการเดิม คือ สำนักงานการประถมศึกษาอำเภอ โดยที่ผู้เขียนก็ต้องหาตำแหน่งใหม่เพื่อรองรับ คือ สอบโอนมาอยู่ที่มหาวิทยาลัย ซึ่งถ้าผู้เขียนไม่สอบโอนมาอยู่ที่ ม. ผู้เขียนก็มีทางเลือกคือ ลาออกจากราชการ และให้มีการเพิ่มกอง เปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยราชภัฏที่เกิดใหม่ รัฐก็ปรับสถานะให้เป็นกรม และมีการเพิ่มหน่วยงานในกรม คือ กอง

สำหรับระบบงาน พัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ และคนจะมีการปฏิรูปคนเป็นระยะ ๆ ส่วนเรื่องอัตรากำลัง จะไม่มีการเพิ่มจำนวนข้าราชการ ซึ่งปัจจุบันก็มีข้าราชการมากพอเกินกว่าที่จะจ้างให้มาเป็นข้าราชการใหม่อีกได้ สำหรับสภาพปัญหาและระบบพนักงานราชการเป็นไปตามเจตนารมณ์และหลักการ ได้แก่

การจ้างงานแนวใหม่ จะดูจากภารกิจจำเป็นภาครัฐดำเนินการ สำหรับภารกิจอื่น ๆ ให้ถ่ายโอน/จ้างเหมา เป็นการจ้างไม่ตลอดชีพ เป็นการลดภาระงบประมาณ สำหรับรูปแบบการจ้าง จะจ้างตามลักษณะงานและสัดส่วนการจ้าง เพื่อแทนลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราวโดยใช้สัญญาจ้าง และบริหารตามผลงาน ระบบพนักงานราชการจะเน้นยืดหยุ่น โดย สรก.บริหาร เป็นไปตามโครงการ/งานงบประมาณ โดยกำหนดว่าถ้าเป็นพนักงานราชการตามภารกิจหลัก จะมีไม่เกิน 10 % ภารกิจรอง ไม่เกิน 25 - 50 % และภารกิจสนับสนุน ไม่เกิน 50 - 75 % ปัญหาของระบบพนักงานราชการ ไม่มีการวางแผนอัตรากำลังคน คือ ไม่มีการวิเคราะห์อัตรากำลัง สำหรับข้าราชการจะมีการวิเคราะห์อัตรากำลัง พนักงานราชการเป็นการจ้างตามภารกิจหลัก ภารกิจรองและภารกิจสนับสนุน ซึ่งกรอบพนักงานราชการจะมาจากจำนวนลูกจ้างประจำ + จำนวนลูกจ้างชั่วคราว

สรุปสภาพปัญหาของระบบพนักงานราชการ ได้แก่

1. เจตนารมณ์และหลักการ

2. ไม่มีการวางแผนกำลังคน

3. จ้างงานผิดประเภท

4. ขาดประสิทธิภาพในการบริหารสัญญาจ้าง

5. ค่าตอบแทน

6. ระบบติดตามขาดประสิทธิภาพ คือ ขาดระบบฐานข้อมูล ขาดการประมวลผลข้อมูลเพื่อใช้ประโยชน์ ขาดระบบการติดตามและตรวจสอบ

7. อื่น ๆ ได้แก่ การสรรหา ขาดมาตรฐานกลาง ระบบอุปถัมภ์การใช้บัญชีร่วม สำหรับด้านวินัย : แนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานและข้อหารือที่มีแนวโน้มสูงขึ้น

การพิจารณาของคณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า...

1. สร้างความเข้าใจ

2. คงสิทธิประโยชน์เดิม

3. การจ้างภารกิจหลักต่อเนื่อง

4. การต่อสัญญาจ้างต่อเนื่อง

5. สำรวจความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

ข้อสรุปแนวทางในการพัฒนาระบบพนักงานราชการ

การจ้างระยะสั้น กับการจ้างระยะยาว

ระยะสั้น

การจ้างงานผิดประเภท กำหนดสัดส่วนให้การจ้างพนักงานราชการหลัก 10 % รอง 50 % สนับสนุน 75 %

ขาดการบริหารสัญญาจ้าง ปรับประบบการประเมินผลงาน (กำหนด KPI และระยะยาว)

ค่าตอบแทน ปรับค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน

ขาดมาตรฐานการดำเนินการทางวินัย ปรับปรุงแนวทางการดำเนินการทางวินัย

ระยะยาว

ระบบสารสนเทศของพนักงานราชการ ขาดการวางแผนกำลังคน

วางระบบ ขาดการติดตามประเมินผลระบบ

วางระบบการต่อสัญญาจ้างที่เน้นประสิทธิภาพ ขาดการบริหารสัญญาจ้าง

ข้อเสนอการพัฒนาระบบพนักงานราชการ

จากเดิมปัญหาของลูกจ้างชั่วคราว ได้แก่ งานเหมือนข้าราชการ จ้างปีต่อปี แต่จ้างต่อเนื่อง (ไม่มีการเลื่อนขั้นเงินเดือน) สำหรับลูกจ้างประจำ ได้แก่ ลักษณะงานที่เฉพาะเจาะจง การจ้างงานตลอดชีพ เป็นภาระงบประมาณ รัฐได้ปรับเป็นระบบพนักงานราชการ คือ เป็นการจ้างงานภาครัฐแนวใหม่ ได้แก่ ยืดหยุ่น คล่องตัว ตาม "สัญญาจ้าง" มีระยะเวลาเริ่มต้น - สิ้นสุด "เงื่อนไขการจ้าง" ตามลักษณะงาน มีการบริหารผลงานอย่างเข้มข้น

สำหรับปีงบประมาณ 2556 จะมีการเปลี่ยนแปลงสำหรับพนักงานราชการ ซึ่งผู้เขียนยังไม่ขอแจ้งให้ทราบ (ให้มีหนังสือแจ้งอย่างแน่นอนก่อน)...

การบริหารสัญญาจ้าง : หลักเกณฑ์การต่อสัญญาจ้าง ส่วนราชการต้องมีการวิเคราะห์ภารกิจ โดยมีผลที่อยู่ในระดับดี

ส่วนข้ออื่น ๆ ผู้เขียนยังไม่ขอแจ้ง เพราะต้องให้ทางสำนักงาน ก.พ. สอบถามความคิดเห็นของพนักงานราชการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้เรียบร้อยก่อน จึงจะนำมาแจ้งให้ทราบได้...

ผู้เขียนได้แจ้งเรื่อง สวัสดิการและความมั่นคงในอาชีพของพนักงานราชการให้ทางสำนักงาน ก.พ. ทราบแล้ว...ขึ้นอยู่กับการนำเสนอในที่ประชุมของ คพร. ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร...และผู้เขียนได้ปรึกษาคุณลักคณาแล้วเกี่ยวกับเรื่องเครื่องแบบปกติ (ชุดสีกากี) คือ ไม่สามารถนำอินทรธนูของลูกจ้างประจำมาติดได้ เหตุผลก็อย่างที่ผู้เขียนได้บอกไปแล้วให้ทราบ...ขอให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบนั้น พิจารณาตามกฎหมายเดิมด้วย...สำหรับการถ่ายรูปทำบัตรประจำตัวพนักงานราชการนั้น ก็สามารถถ่ายรูปเครื่องแบบพิธีการ (ชุดปกติขาว) ทำบัตรประจำตัวพนักงานราชการได้...ตามที่ผู้เขียนได้แจ้งให้ทราบไปแล้วเหมือนกัน...สำหรับระบบพนักงานราชการนั้น ไม่สามารถแก้ไขในเรื่องของเวลาหรือสัญญาจ้างได้...เหตุผล เนื่องจากปัจจุบันรัฐได้วิเคราะห์แล้วว่าจำนวนข้าราชการที่รัฐมีอยู่ในปัจจุบันยังเกินกรอบอัตรากำลังที่รัฐควรมีอยู่...แต่อาจมีบางหน่วยที่เพิ่มข้าราชการ นั่นคือ ความจำเป็นที่ต้องการให้เป็นข้าราชการ...

นี่คือ...การเปลี่ยนแปลงในช่วงรอยต่อของระบบใหม่กับระบบเก่า จะทำให้เห็นถึงสิ่งที่รู้กับสิ่งที่ไม่รู้... เพราะสิ่งที่รู้นั้นเมื่อเรารู้...เราต้องมีความเข้าใจอย่างแท้จริง... และนำไปปฏิบัติได้โดยที่ไม่ผิด...

"การคิดเชิงสร้างสรรค์"...

http://gotoknow.org/blog/bussaya9/386406

สิ่งที่ผู้เขียนต้องการบอกน้อง ๆ พนักงานราชการ ว่า ถ้าเรามีหนทางที่สามารถช่วยเหลือตัวเราได้ นอกจากอาชีพเป็นพนักงานราชการแล้ว ควรหาอาชีพอื่นเสริมรายได้ เพื่อเป็นการเสริมฐานตัวเอง...สำหรับตัวผู้เขียนก็ใช่ว่าจะหวังเพียงแต่เงินเดือน เราสามารถทำสิ่งอื่นควบคู่ไปกับการทำงานเป็นพนักงานราชการหรือข้าราชการได้ เพียงแต่ยังไม่เห็นผลในตอนเรายังหนุ่ม แต่จะไปเห็นผลในระยะยาว...ซึ่งในตอนนั้น เราคงหมดแรง แต่เราก็จะได้ผลในการลงทุนในตอนหนุ่มที่ยังมีแรงมีกำลังที่คุ้มค่า...ในบั้นปลายของชีวิต...

http://gotoknow.org/blog/bussayamas7/362463

และนี่ก็คือ...สิ่งที่ผู้เขียนได้ทำไว้เมื่อตอนที่ผู้เขียนได้เริ่มบรรจุ

เป็นข้าราชการ...แต่สำหรับปัจจุบันเป็นผลที่ได้โดยที่ผู้เขียน

และครอบครัวไม่เคยคิดเลยว่าจะมีผลที่มีค่าโดยนับเป็นราคาไม่ได้...

และถ้านับต่อไปอีก 10 กว่าปีข้างหน้า สิ่งนั้นคืออะไร?...

ตัวผู้เขียนเป็นข้าราชการ ยังไม่ประมาท...และก็ต้องการบอก

น้อง ๆ พนักงานราชการ ให้คิด ให้ทำ บางสิ่ง บางอย่างในตอนที่

เรายังเป็นหนุ่มเป็นสาว ตอนที่เรามีกำลัง มีแรง...

อย่าปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์...เพราะเราจะได้รับผล...

ของการกระทำที่เราทำไว้ค่ะ...

หมายเลขบันทึก: 390107เขียนเมื่อ 1 กันยายน 2010 21:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 เมษายน 2016 14:25 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (186)

น่ารักจังเลยค่ะ ที่พี่ได้เตือนน้อง

เรียนคุณบุษยมาศ

ตอนนี้เราเหมือนตาบอดคลำช้างนะครับ

การปฏิรูประบบราชการ เป็นเรื่องที่ข้าราชการตัวเล็ก ๆ จะคาดคิด

ส่งผลกระทบด้านขวัญและกำลังใจ ในการทำงานอย่างรุนแรง

การลดอัตรากำลัง ด้วยวิธีการต่างๆ เป็นเรื่องที่มีผลกระทบหลายด้าน

ธุรกิจมุ่งหวังผลกำไร ราชการมุ่งหวังประโยชน์สุขแก่ประชาชน งานที่เราทำไม่หวังผลกำไร

รับใช้ ราชกิจ เพื่อประชาชน หลวงจึงเลี้ยงทั้งพ่อ แม่ ลูก เมีย

ผมคิดได้แค่นี่ จึงตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด...

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ...คุณ Baby...

Ico32 ขอบคุณค่ะ...เป็นการบอกให้น้อง ๆ ทราบถึงความเป็นอยู่ กับโอกาสที่แต่ละคนมีอยู่ค่ะ...ไม่ควรปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ค่ะ...

 

สวัสดีค่ะ...คุณเลิศฤทธิ์...

Ico32 ถูกต้องเลยค่ะ...แต่ผลกระทบทางด้านขวัญ กำลังใจ ความมั่นคงในอาชีพการทำงานของตนเอง สำหรับพนักงานราชการ เรียกว่า ไม่มีเลย  ถ้ามองในด้านของความมนุษย์ สำหรับพนักงานราชการ เรียกว่า แทบจะไม่มีเลย ไม่มีสิทธิ์คิด ไม่มีสิทธิได้ สงสารแต่พวกน้อง ๆ พนักงานราชการ ที่พวกเขาเกิดมาในยุคนี้...แถมบางหน่วยงานยังดูถูกเหยียดหยามพนักงานราชการอีก...อัตรากำลังของข้าราชการเกินกรอบ รัฐพยายามให้ข้าราชการที่ไม่ประสงค์จะอยู่ early retry... ฉะนั้น ปัจจุบัน ถ้าใครเป็นข้าราชการ ควรสำนึกและปฏิบัติตนให้เป็นเยี่ยงอย่างกับคนกลุ่มอื่น ๆ ให้มากที่สุดค่ะ...จะได้สมกับที่รัฐอุตส่าห์จ้างให้มาเป็นข้าราชการของประเทศไทยค่ะ...ขอบคุณที่แวะมาค่ะ...

  • สวัสดีครับ
  • คงค่อยเป็นค่อยไปครับ ทางเดินชีวิตข้าราชการอาจมีการเปลี่ยนแปลงจึงไม่ควรใช้ชีวิตอย่างประมาท ต้องพัฒนาตนเอง ที่สำคัญต้องมองอนาคตเผื่อไว้ด้วยครับ
  • ขอบคุณบันทึกดีๆ ที่ช่วยเตือนนะครับ

สวัสดีค่ะ...คุณชำนาญ...

Ico32 เป็นการบอกน้อง ๆ พนักงานราชการ เหมือนพี่บอกน้องให้มีการเตรียมตัว ไม่คิด ไม่หวัง กับสิ่งที่ทำ...แต่สุดท้ายจะได้ผลอย่างที่ไม่คาดคิด หรือคาดหวังค่ะ...เราต้องพึ่งตัวเราเองก่อน ก่อนที่จะหวังพึ่งคนอื่นค่ะ...ขอบคุณที่แวะมาค่ะ...

 เรียนท่านบุษยมาศที่นับถือ

  ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ที่นำมาแบ่งปันนะคะ มีประโยชน์มากค่ะ

สวัสดีค่ะ...คุณยาย

Ico32 ขอบคุณค่ะ...

อาจารย์ครับ สรุปแล้วคือไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเลยหรือครับ

ปี 2556 จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรครับ ทาง + หรือทาง - ครับ อาจารย์บอกหน่อยได้ไหมครับ อยากจริงๆ ครับเผื่อจะได้ตัดสินใจอนาคตได้ง่ายขึ้น

ขอบคุณครับ

ตอบ ...คุณโอภาส...

ตอนนี้อยู่ที่กระบวนการ ที่ ก.พ. เรียกเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับพนักงานราชการไปขอความคิดเห็น สำหรับขั้นตอนต่อไป ก็เป็นผู้บริหารของหน่วยงาน และตัวของพนักงานราชการที่จะต้องแสดงความคิดเห็นค่ะ...ปี 2556 คงเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นค่ะ คงไม่ใช่ลบหรอก  แต่จะได้ผลอย่างไร ต้องให้อีกทั้ง 2 ขั้นตอนนั้นเสร็จเรียบร้อยก่อนค่ะ...เพราะเดี๋ยวจะสรุปผิด...ซึ่ง ก.พ. ก็ขอร้องว่าอย่าเพิ่งมาบอกพนักงานราชการค่ะ...แต่ถ้ามีหนทางไปเป็นข้าราชการได้ ควรไปนะค่ะ...แต่ถ้าไปแล้วแย่กว่าการเป็นพนักงานราชการ ก็ยังไม่ควรไปค่ะ...บอกได้เพียงเท่านี้ค่ะ...ถ้ามีข่าวคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไปค่ะ...

ขอขอบคุณอาจารย์มากเลยค่ะ ที่ได้นำเรื่องราวการเข้าร่วมประชุมมาเล่าให้พนักงานราชการฟัง เมื่อได้ฟังอาจารย์แล้วยิ่งไม่สบายใจมากเลยค่ะ เพราะมีการกำชับว่าไม่ให้อาจารย์แจ้งก่อน เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในปี 2556 หนูยิ่งกลัวเพราะหนูไปกู้หนี้มาเพื่อสร้างบ้าน 400,000 บาท เมื่อเดือนเมษายน ปีนี้เอง โดยเอาที่นาที่พ่อแม่แบ่งให้จำนวน 5 ไร๋ เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ถ้าเขาเลิกจ้างหนูจะไม่หมดทั้งบ้านและที่นาพร้อมกันเลยเหรอค่ะ งานเดี๋ยวนี้ก็ยิ่งหายาก อาจารย์กรุณาช่วยแง้มหน่อยได้ไหมค่ะว่าเปลี่ยนไปในทางบวกหรือทางลบ จะขอบคุณมากเลยค่ะ จากผู้ที่ชีวิตกำลังแขวนบนเส้นด้าย

ตอบ...หมายเลข 11...

เป็นไปในทางบวกค่ะ...แต่ก็ต้องเป็นไปตามระบบสัญญาจ้างนะค่ะ...อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้นะค่ะ...ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดค่ะ...บางครั้งสิ่งที่เราคิด เราหวัง จะให้เป็นไปอย่างที่เราคิด คงไม่ได้...ค่อย ๆ แก้ปัญหาไปค่ะ...ปัญหามีไว้ให้แก้ไขค่ะ...เป็นกำลังใจให้ก็แล้วกันค่ะ...

มีความสุขมากๆนะครับในเดือนรอมฎอนอันเป็นมงคล

หวังว่าคงเป็นข่าวดืนะครับอาจารย์...ใจคอไม่ดีเลย..เป็นหนี้ ธ.ก.ส.เขาอยู่ 200.000...ทำไมถึงไม่บอกเลยนะอาจารย์..หรือว่ายังสรุปเเน่นอนไม่ได้...อายุก็เยอะขึ้นทุกๆวัน...อ่อนใจจังเลยอาจารย์...

สวัสดีค่ะ...คุณเบดูอิน...

ขอบคุณค่ะ...เป็นเดือนเกิดของตัวเองเสียด้วยสิค่ะ...

ตอบ....หมายเลข 14...

ค่ะ เนื่องจากยังสรุปไม่ได้ค่ะ เพราะถ้าบอกไปแล้วไม่ใช่ จะไม่เป็นผลดีค่ะ...ใจเย็น ๆ ค่ะ ค่อย ๆ แก้ปัญหาไปค่ะ...ทำไงได้ ก็เรามาอยู่ในยุคนี้...ถ้าเลือกได้พี่คิดว่าทุกคนคงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิต...ทุกคนค่ะ...อย่าท้อค่ะ ชีวิตเราต้องสู้ต่อไปค่ะ...ค่อย ๆ แก้ไขไปค่ะ...เป็นกำลังใจให้ค่ะ...ขอให้คิดเสียว่าแต่ละคนมีปัญหาที่แตกต่างกันค่ะ...ข้าราชการอย่างพี่ก็มีปัญหา แต่ปัญหาอาจแตกต่างกันกับพนักงานราชการค่ะ...คงต้องใช้หลักธรรมะมาช่วยด้วยนะค่ะ...กับคำว่า "ควรปล่อยวางค่ะ"...เมื่อเกิดปัญหาค่อยคิดหาทางแก้ไขค่ะ...

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ที่นำเสนอให้กับพวกเราได้ติดตามอยู่ตลอดนะคะ

และขอบคุณที่ช่วยเป็นตัวแทนของพนักงานราชการทุกคน

ชีวิตนี้ คงไม่ดิ้นรนไปมากกว่านี้แล้วล่ะ ได้ทำงานอยุ่ใกล้บ้าน มีโอกาสได้อยุ่กับพ่อและแม่

แม้จะไม่ได้เป็นข้าราชการแต่ก็ไม่เคยคิดเสียใจอะไร งานเราก็ทำได้ทุกอย่างเหมือนที่ข้าราชการเขาทำ

ผลตอบแทนก็ได้เท่าที่ทำ แม้จะทำแล้วเขาไม่เห็นก้นึกสะว่าทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ทำเพื่อแผ่นดินที่เราเกิด

ได้อ่านเรื่องราวของพี่ยิ่งรุ้สึกได้ข้อคิดดีๆ ขึ้นมาอีกเยอะเลย

หนูเองก็ลูกหลานชาวนาเหมือนกัน ตอนนี้คิดและหวังอย่างเดียวคือให้พ่อกับแม่ได้อยุ่อย่างสบาย

ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อนก้พอ

ขอเป็นกำลังใจให้คนดีๆ อย่างคุณพี่บุษยมาศ อยากให้คนรอบข้างเป็นเหมือนพี่จังเลย...ชีวิตการทำงานคงแฮปปี้ดีกว่านี้

ก็ขอให้พี่และครอบครัวมีความสุข ความเจริญ ยิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ

น้องนง ค่ะ

ตอบ...น้องนงค์...

ดีแล้วค่ะ...คนเราดิ้นรนไปก็เท่านั้น...จงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีและเป็นอยู่ค่ะ...พี่คิดว่าถ้าทุกคนเลือกได้  ก็คงจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิต...แต่ในเมื่อพรหมลิขิตหรือความที่เป็นไปได้ให้เราได้เพียงเท่านี้...เราก็จงพอใจในสิ่งที่มีและเป็นค่ะ...จงใช้ชีวิตแบบพอเพียงค่ะ...ถ้าเรายังเป็นคนไทย...พ่อหลวงของเรา ท่านก็สอนให้เรามีชีวิตพอเพียง...จำได้ไหมค่ะ...การที่เราจะเป็นและอยากจะได้  ขอให้เราดูในจุดที่เราเคยลำบากมาก่อน  ว่าปัจจุบันนี้  เราดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่...ถ้าดีก็ควรรู้จักพอ  อย่ามองสิ่งที่สูงเกินปัญญาของเรา...หรือเกินกว่าความเป็นไปได้...แต่ถ้าไม่ดี  เราต้องดูองค์ประกอบรอบข้างแล้วหาสาเหตุแล้วละค่ะ...ว่าเป็นเพราะเหตุใด...แล้วใช้ปัญญาของเราที่มีอยู่ ค่อย ๆ แก้ปัญหาค่ะ...ทุกปัญหาจะมีทางแก้ไขของข้อปัญหาทุกข้อค่ะ...เพียงแต่ต้องใช้ปัญญา + สติ +เวลา  ในการแก้ไข...ค่ะ ก็ขอขอบคุณสำหรับคำอวยพร และก็ขอให้พรที่ให้ย้อนกลับคืน น้องนงค์และครอบครัวให้มีความสุขด้วยนะค่ะ...ขอบคุณค่ะ...อย่าคิดมากค่ะ...ให้เปรียบเทียบกับคนที่ยังไม่มีงานทำสิค่ะ...และขอให้คิดว่าพวกเราทำงานเพื่อแผ่นดินไทยนะค่ะ...ให้นึกถึงบรรพบุรุษที่สมัยก่อน ท่านปกป้องเมืองไทยโดยการรบ เสียหยาดเหงื่อ เสียเลือดไปเท่าไร...ท่านยังยอมพลีชีพได้...แต่ทำไมพวกเราจะทำงานถึงแม้ไม่ได้เป็นข้าราชการแต่เราก็ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับข้าราชการได้...คิดเสียว่าไม่ได้ทำให้ใครเลย  ทำให้กับพี่น้อง ญาติเรา ซึ่งเป็นคนไทยทั้งนั้น...จะได้สบายใจค่ะ...เป็นกำลังใจให้นะค่ะ...

ดีครับอาจารย์ ผมเป็นสมาชิกใหม่ครับ ได้อ่านที่อาจารย์แนะนำ โอเคเลยครับ ก็อยากบอกนะครับ ผมภูมิใจที่สอบเป็นพนักงานราชการได้ และภูมิใจกับหน้าที่นี่มากมายครับ ถ้าเป็นไปได้อยากให้อาจารย์ได้นำเรียนกับ คพร.ว่า มีพนักงานราชการอีกส่วนหนึ่งที่ภูมิใจและเต็มใจที่จะเป็นพนักงานราชการต่อไป เพราะอะไรหรือ ก็เพราะว่า ในความคิดผมนะ มันมีเกียรติและมีศักดิ์ศรีมากมายครับ และที่ผมไม่ไปไหน ก็เพราะว่า ผมสอบได้ สอบเป็นพนักงานราชการรุ่นแรก ของกรม กรมหนึ่ง ซึ่งเปิดสอบทั่วประเทศ และผมก็สอบได้ และได้ทำงานใกล้บ้าน

ถามว่าได้ทำงานใกล้บ้านสำคัญยังไงครับ สำคัญก็คือ ได้อยู่ใกล้บ้าน ได้อยู่ใกล้ภรรยาและลูก ได้อยู่ใกล้พ่อกับแม่ด้วยครับ จึงมีพนักงานราชการส่วนหนึ่ง ไม่ไปสอบที่อื่น ไม่ขยับตัวเองเพื่อความก้าวหน้า เพราะเหตุผลนี้เป็นสำคัญ ถึงแม้ใครว่าเป็นแค่พนักงานราชการ แต่ส่วนตัวผม ผมเป็นถึงพนักงานราชการ ที่เคยสอบกับคนทั้งประเทศ ผมเลยภูมิใจมากครับ

อยากจะให้อาจารย์ได้บอกกับ คพร. เรื่องนี้ด้วยครับ ว่าถ้าจะมีการยกเลิกการจ้างพนักงานราชการ หรือให้สอบใหม่ ขอนะครับ ได้โปรดอย่าทำร้ายจิตใจกันแบบนั้น เพราะผมก็ทุ่มเทแรงกาย แรงใจทำงานอย่างสุดความสามารถ เพื่องาน เพื่อตัวเอง และเพื่อครอบครัว อยากที่ให้คพร. เห็นความสำคัญตรงนี้ด้วย เพราะค่าจ้างที่ผมได้ ผมไม่ได้ใช้คนเดียวครับ ผมใช้กันทั้งครอบครัว ถามว่าทำไมไม่ไปสอบที่อื่น ไม่ไปสมัครงานที่อื่น ตอบตามตรงนะครับ ก็ผมรักที่จะทำงานที่นี่ รักที่จะเป็นพนักงานราชการครับ

อีกอย่างนะครับ ถ้าจะให้มีการสอบใหม่ หรือยกเลิกของเก่าแล้วสอบใหม่ แล้วที่ผมเคยสอบมา เคยพยายามมา มันก็จะสูญเปล่าครับ อีกอย่าง งานบางอย่าง ที่เป็นงานต่อเนื่อง สมควรไหมครับที่จะจ้างคนคนใหม่ เพื่อมาเรียนรู้ และทำความเข้าใจใหม่ มันจะทำให้หน่วยงานเสียบุคลากรที่มีคุณภาพ เพื่อที่จะรับคนใหม่มาเรื่อยๆหรือไม่ครับ

ถ้าอาจารย์ได้นำข้อเสนอของผมไปบอก คพร. ขอบคุณมากเลยนะครับ

ตอบ...คุณ acerint...

ต้องขอขอบคุณค่ะ...ที่มีความเข้าใจในระบบพนักงานราชการ...สิ่งใดไม่สำคัญเท่ากับระบบครอบครัวค่ะ...พอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่...และขอให้ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดนะค่ะ...ใครจะว่า ก็เรื่องของเขา...อย่านำมาใส่ใจกัน...เพราะความจริงก็คือความจริงค่ะ...สักวันเขาจะรู้และละอายใจไปเอง...นี่คือระบบการบริหารงานบุคคลในยุคการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ค่ะ...ในภายหน้า ถ้าระบบพนักงานราชการเข้มแข็งขึ้น ...ความน่าจะเป็น ระบบราชการไทยอาจจะค่อย ๆ ลดลงค่ะ แล้วเป็นระบบพนักงานราชการขึ้นมาแทน...การพัฒนาตนเองของคนทำงานก็จะมีการพัฒนาตนเองยิ่งขึ้น ทำให้การบริหารจัดการภาครัฐเข้มแข็งขึ้นกว่าปัจจุบันค่ะ...ขอเป็นกำลังใจให้นะค่ะ...

ขอบคุณมากครับสำหรับกำลังใจที่อาจารย์มีให้มา อาจารย์ครับประชุมครั้งหน้า อาจารย์ก็อย่าลืมสิ่งที่ผมฝากให้ คพร.ด้วยนะครับ ว่าคนที่เป็นพนักงานราชการ เค้าก็มีความตั้งใจจริง ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ให้กับตำแหน่งหน้าที่ตรงนี้ อยากให้ คพร.เห็นความสำคัญด้วยครับ ไม่ควรทอดทิ้งพวกเราพนักงานราชการครับ เพราะสาเหตุใหญ่ส่วนหนึ่งที่พวกเราไม่ไปสอบที่ไหน ก็คือ เพื่อพัฒนาหน่วยงานที่อยู่ใกล้บ้าน และต้องการที่จะอยู่ในพื้นที่ ไม่อยากจาก หรือห่างครอบครัวครับ

ความก้าวหน้ามันก็ดีครับ ถ้าไปสอบบรรจุได้เป็นข้าราชการ แต่สำหรับบางคนนะครับ ถ้าแลกกับต้องห่างครอบครัว แล้วทิ้งครอบครัวไว้เป็นภาระข้างหลัง บางส่วนก็เลือกที่จะเป็นพนักงานราชการเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ครับ ไม่เถียงครับสำหรับความคิดบางคนว่า แล้วไม่สนใจความก้าวหน้าหรือ ทำไมไม่พาครอบครัวไปอยู่ด้วยล่ะ มันก็แล้วแต่คนจะคิดนะครับ ย้ายทั้งครอบครัวถามว่า ค่าใช้จ่ายเยอะไหมครับ ลูกเล็กๆ ก็ต้องปรับตัวใหม่ ภรรยาต้องหางานใหม่ ทุกอย่างต้องเริ่มใหม่หมด มีนดีสำหรับคนที่มีทุนเยอะอยู่แล้วครับ แต่ถ้าคนที่เบี้ยน้อย หอยน้อยล่ะ ไม่ต้องยืมเงิน เป็นหนี้เป็นสินกันหัวบานหรือครับ

นี่แหละครับ ผมจึงเลือกที่จะภูมิใจในการเป็นพนักงานราชการของผม ผมก็หวังว่า อนาคตข้างหน้า คพร.คงจะปรับปรุงคุณภาพของพนักงานราชการ ให้มีเกียรติยิ่งขึ้น ทำให้บุคคลที่เข้ามาเป็นพนักงานราชการ ภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ เหมือนที่ผมเป็น และเมื่อเข้ามาในระบบแล้ว รักและทุ่มเท แรงกายแรงใจเหมือนที่ผมทำ เพื่อให้ทำงานที่เราอาศัย เงินหลวงที่เราได้รับ ทำให้เกิดประโยชน์ที่สุด และไม่ใช่เข้ามาเป็นพนักงานราชการ เป็นแค่ทางผ่าน สำหรับการประกอบอาชีพ ไม่อย่างนั้นผลเสียที่จะได้รับก็คือ ที่ทำงานครับ เพราะจะต้องหาคนใหม่ สอนงานกันใหม่อยู่เรื่อยไป

อาจารย์ครับ อย่าลืมสิ่งที่เราสื่อในข้อความด้วยนะครับ ประชุมครับ คพร.ครั้งหน้า ช่วยนำข้อเสนอแนะของผมให้ คพร. รับทราบด้วยนะครั ขอบคุณมากครับ

ตอบ...คุณ acerint...

ค่ะ...ทุกข้อปัญหา ทางผู้เขียนได้สรุปบอก คพร.ให้ทราบแล้วค่ะ...และก็จะไปเป็นประเด็นข้อคำถามในครั้งต่อไปค่ะ...ขอบคุณสำหรับกำลังใจ + กำลังกายที่ทุ่มเททำงานเพื่อท้องถิ่น บ้านเกิดเมืองนอนของเราค่ะ...พี่คิดว่ารัฐก็พยายามในเรื่องการต่อสัญญา สวัสดิการด้านอื่น ที่เป็นไปได้สำหรับ คำว่า "สัญญาจ้าง" เพราะต้องอาศัยจำนวนพนักงานราชการด้วย ในการทำเกี่ยวกับกองทุนต่าง ๆ...เอาเป็นว่า ข้อคำถามในบล็อก พี่จะรวบรวมไว้ ถ้ามีโอกาสจะนำเสนอให้ คพร. ได้รับทราบค่ะ...ถูกแล้วค่ะ ที่พูดว่า เป็นข้าราชการ ต้องมีการลงทุนสูงมาก เช่น ค่าใช้จ่ายด้านต่าง ๆ ถ้าใครไม่ได้เป็นไม่ทราบหรอกค่ะ...สำหรับพี่กว่าจะมาถึงจุดนี้ เรียกว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทางเยอะมาก ๆ บางครั้งยังคิดว่า คุ้มไหม แต่ก็ภูมิใจที่ตำแหน่งได้มาด้วยแรงกาย + แรงใจ ของเราเอง (ได้เพราะความสามารถ)...การเป็นข้าราชการไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ค่ะ...ต้องเพราะความสามารถ + อดทนทุกอย่าง แม้แต่กระทั่งการทำงานก็มีปัญหา ทั้งปัญหา เพื่อนรอบข้าง + ผู้บังคับบัญชา ไม่ใช่เรื่องธรรมดาค่ะ...ขอบคุณที่เข้าใจในระบบของข้าราชการค่ะ...เคยคิดว่า ถ้า พ่อเป็นเจ้าของบริษัท...คงไม่มารับราชการหรอกค่ะ...ทำงานที่เป็นอิสระ ไม่มีใครมาคอยสั่งงานดีกว่า สบายใจกว่ากันเยอะเลยค่ะ...ขอบคุณสำหรับมีความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาประเทศนะค่ะ...ถ้าเป็นไปได้ ควรหาอาชีพอื่นเสริมก็ได้นะค่ะ...จะได้สบายในตอนอายุมากแล้วค่ะ...พี่รับราชการก็ไม่ได้เป็นข้าราชการอย่างเดียว พอมีเวลา พี่ก็ทำงานอื่นประกอบ อยากให้อ่านในบล็อกที่บันทึก เรื่อง การวางแผนชีวิตของพี่เองนะค่ะ ลองอ่านดูนะค่ะ เพื่อได้ข้อคิดในการดำเนินชีวิตของตัวเราเองบ้างค่ะ...ตามบล็อกด้านล่างนี้นะค่ะ...เป็นกำลังใจให้ค่ะ...

 http://gotoknow.org/blog/bussayamas7/362463

ขอบคุณมากครับอาจารย์ สำหรับข้อแนะนำดีดีที่ให้มาครับ อาชีพเสริมผมก็มีครับ คือว่าผมก็ช่วยที่บ้านทำสวนยางไปด้วยครับ ส่วนที่ผมชอบและรักในงานราชการ เพราะว่า คุณพ่อกับคุณแม่ผม รับราชการครับ ผมเองก็เกิดภายในรั้วที่ทำงานเลย อยู่ที่บ้านพักข้าราชการ ตัวผมเองซึมซับทุกสิ่งทุกอย่างเกียวกับงานราชการด้วยมั้งครับ ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังไม่ได้เป็นข้าราชการเต็มตัว แต่ผมก็ภูมิใจครับ ที่ผมก็ได้ทำงานราชการครับ

ขอบคุณอาจารย์ด้วยนะครับ ที่เป็นปากเป็นเสียงให้ผม ในฐานะพนักงานราชการครับ เรื่องสวัสดิการ ผมว่ารัฐ ก็ให้พนักงานราชการมากมายแล้วนะครับ บำเหน็จ บำนาน ต่อไปก็สามารถเบิกได้จากประกันสังคม (สำหรับผม เพราะว่า ผมเข้าระบบประกันสังคม ตั้งแต่ เป็นลูกจ้างชั่วคราวรายเดือน จนมาเป็นพนักงานราชการ รวมๆ แล้วเกือบ 10 ปีได้แล้วมั้งครับ)

เรื่องที่จะกล่าวเรียนอาจารย์ก็คือ เรื่องสัญญาจ้าง นี่แหละครับ อยากให้ รัฐ หรือ คพร. เห็นเป็นเรื่องสำคัญ และจ้างให้พวกเราพนักงานราชการทำงานต่อไปครับ เพราะว่าไม่ใช่จ้างแล้วจะได้ผลตอบแทนต่อพนักงานราชการเพียงอย่างเดียว แต่มันจะส่งผลไปถึง ครอบครัว และคนรอบข้างด้วยครับ

ขอบคุณอาจารย์สำหรับข้อเสนอแนะดีดีครับ

ขอบคุณมากครับอาจารย์ สำหรับข้อแนะนำดีดีที่ให้มาครับ อาชีพเสริมผมก็มีครับ คือว่าผมก็ช่วยที่บ้านทำสวนยางไปด้วยครับ ส่วนที่ผมชอบและรักในงานราชการ เพราะว่า คุณพ่อกับคุณแม่ผม รับราชการครับ ผมเองก็เกิดภายในรั้วที่ทำงานเลย อยู่ที่บ้านพักข้าราชการ ตัวผมเองซึมซับทุกสิ่งทุกอย่างเกียวกับงานราชการด้วยมั้งครับ ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังไม่ได้เป็นข้าราชการเต็มตัว แต่ผมก็ภูมิใจครับ ที่ผมก็ได้ทำงานราชการครับ

ขอบคุณอาจารย์ด้วยนะครับ ที่เป็นปากเป็นเสียงให้ผม ในฐานะพนักงานราชการครับ เรื่องสวัสดิการ ผมว่ารัฐ ก็ให้พนักงานราชการมากมายแล้วนะครับ บำเหน็จ บำนาน ต่อไปก็สามารถเบิกได้จากประกันสังคม (สำหรับผม เพราะว่า ผมเข้าระบบประกันสังคม ตั้งแต่ เป็นลูกจ้างชั่วคราวรายเดือน จนมาเป็นพนักงานราชการ รวมๆ แล้วเกือบ 10 ปีได้แล้วมั้งครับ และอีกอย่าง ตอนนี้อายุ ก็ 32 แล้ว จะไปหางานใหม่คงจะลำบากครับ และเรื่องนี้ก็เป็นประเด็นสำคัญครับ เพราะพนักงานราชการหลายคน อายุ ก็ 30 40 50 ก็มี ถ้าจะยกเลิก แล้วสอบใหม่ หรือว่าไม่ต่อสัญญาจ้าง ก็จะส่งผลกระทบแน่นอน จะทำให้เกิดอัตราคนว่างงาน และอาจจะส่งผลต่อสังคมมากมายครับ เพราะถ้าพนักงานคนหนึ่งว่างงาน จะส่งผลไปถึงครอบครัว ภรรยา และลูกๆ ที่จะต้องรับผลนี้ไปด้วยครับ)

เรื่องที่จะกล่าวเรียนอาจารย์ก็คือ เรื่องสัญญาจ้าง นี่แหละครับ อยากให้ รัฐ หรือ คพร. เห็นเป็นเรื่องสำคัญ และจ้างให้พวกเราพนักงานราชการทำงานต่อไปครับ เพราะว่าไม่ใช่จ้างแล้วจะได้ผลตอบแทนต่อพนักงานราชการเพียงอย่างเดียว แต่มันจะส่งผลไปถึง ครอบครัว และคนรอบข้างด้วยครับ

ขอบคุณอาจารย์สำหรับข้อเสนอแนะดีดีครับ

ตอบ...คุณ acerint...

ดีมากเลยค่ะ...อย่าหวังในอาชีพราชการอย่างเดียวค่ะ...จะกลายเป็นคนมีหนี้สินเยอะมาก...ยิ่งถ้าเป็นข้าราชการ มีสถาบันการเงินให้กู้มากมาย...ข้าราชการบางคน ก็ทำการกู้เสียทุกแห่ง...ผลสุดท้ายเกษียณแล้ว ไม่เหลืออะไรเลยก็มีค่ะ...ตามที่มีพนักงานราชการมีความประสงค์ต้องการกู้เงินจากสถาบันการเงินต่าง ๆ นั้น...พี่ไม่เห็นด้วย ไม่ต้องการให้น้อง ๆ เป็นหนี้สินกันค่ะ...การเป็นหนี้ ดี คือ เรานำเงินในอนาคตมาใช้ แต่เราก็ต้องมาผ่อนชำระหนี้สินด้วย...ตอนที่กู้ ก็ดีหรอกค่ะ แต่พอกู้ไปแล้ว มันไม่ใช่เรื่องการชำระหนี้สินอย่างเดียว จะมีเรื่องค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ขึ้นมาอีกค่ะ...อย่างนั้น รัฐไม่สำรวจ...แล้วพบว่าข้าราชการเป็นผู้ที่มีหนี้สิน จนต้องหาทางช่วยเหลือข้าราชการให้พ้นจากปัญญาหนี้สินหรอกค่ะ...ถ้าคิดอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียงก็ดีนะค่ะ...พอใจในสิ่งที่ตัวเราเองมีอยู่ อย่าไปเทียบกับคนอื่นที่เขาดีกว่าเรา...พอใจในสิ่งที่เรามีและเป็นค่ะ...สำหรับสัญญาจ้าง พี่ก็จะรับไว้ แต่อาจจะมีการต่อที่มีกำหนดระยะเวลาว่าจะกี่ปีค่ะ...อย่างน้อยก็ 4 ปี เหมือนเดิม...ในเรื่องเวลา ยังไม่บอกให้ชัดเจนค่ะ เพราะต้องรอให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนก่อนค่ะ...แต่เรื่องในอนาคต อาจจะมีการแก้ไขระยะเวลาได้ค่ะ...ก็เป็นกำลังใจให้ก็แล้วกันนะค่ะ...สู้ สู้ ...ค่ะ...

อาจารย์ครับได้ข่าวมาว่า..พนักงานราชการจะเปลี่ยนรูปเเบบเป็นบริษัท..จริงหรือเปล่าครับ..จะเป็นอะไรก็ช่างเเต่ขอให้พวกเราไม่ตกงานตอนเเก่ก็พอใจเเล้ว..ครับอาจารย์

ตอบ...หมายเลข 26...

พี่ไม่เห็นได้ข่าวมานะค่ะ...เอาอะไรมาลือกันหรือค่ะ...ถ้าเปรียบเทียบปัจจุบัน นี่ก็คล้าย ๆ เหมือนกันค่ะ ภาครัฐนำแนวของภาคเอกชนมาใช้กับระบบราชการไทยไงค่ะ...เป็นการจ้างตามสัญญาจ้างเหมือนที่เราต้องทำสัญญาอยู่นี่ไง...ถามว่าทำไม...เพราะถ้าทำงานตามสัญญาจะทำให้คนได้มีการพัฒนาตนเองและทำงานเพื่อแข่งขันกับคนอื่น เพื่อให้ได้ผลงานที่ดียิ่งขึ้น...รัฐวิเคราะห์ออกมาว่าการรับราชการตั้งแต่บรรจุจนถึงอายุ 60 ปี นั้น...ทำให้บางคนซึ่งเป็นข้าราชการ ขาดการพัฒนาตนเองเท่าที่ควร ตามที่รัฐพึงประสงค์อยากให้ข้าราชการเป็น...จึงทำให้เกิดมีระบบพนักงานราชการเกิดขึ้น...และจะเหมาะสมกับยุคโลกาภิวัตน์...สำหรับการต่อเวลาสัญญาจ้าง ต้องคอยดูรัฐจะกำหนดระยะเวลาต่อไป...แต่คงไม่ต่ำกว่า 4 ปี เป็นอย่างต่ำ ในสัญญาแรกค่ะ...สำหรับการทำสัญญาต่อเนื่องครั้งต่อไป รออะไร ๆ ให้ชัดเจนก่อน แล้วพี่จะนำมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งค่ะ...

เรียน อาจารย์บุษยมาศครับ

ผมใคร่ขอเสนอผ่านอาจาย์ไปยัง คพร. ช่วยพิจารณาทบทวนเกี่ยวกับการจัดประเภทพนักราชการประเภททั่วไป กลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะ สำหรับกรณีที่ต้องใช้พนักงานราชการที่มีคุณวุฒิการศึกษาระดับปริญญาที่จบสาขาเฉพาะทางมาปฏิบัติงาน เช่น งานด้านนิติกร งานด้านตรวจสอบบัญชี ฯลฯ จากตัวอย่างที่ผมยกมา เช่น งานด้านนิติกร ก็ต้องใช้ผู้จบคุณวุฒิด้านนิติศาสตร์มาโดยเฉพาะ หรือจะเป็นงานด้านตรวจสอบบัญชี ซึ่งต้องใช้ผู้จบปริญญาด้านสาขาบัญชีจึงจะมีความเข้าใจในการปฏิบัติงาน ดังจะเห็นได้ว่าโดยเฉพาะงานด้านตรวจสอบบัญชีมีกฎหมายที่เข้ามาควบคุมผู้ประกอบวิชาชีพดังกล่าวถึงสองฉบับ คือ พระราชบัญญัติการบัญชี 2543 และ พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 ซึ่งต้องให้ผู้มีคุณวุฒิด้านบัญชีเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ทำหรือตรวจสอบบัญชีได้ แต่ประกาศ คพร. ที่เกี่ยวกับพนักงานราชการประเภทวิชาชีพเฉพาะที่มีระบุไว้ชัด เช่น นักวิชาการคอมพิวเตอร์

และอีกเรื่องที่ผมใคร่ขอฝากอาจารย์ครับ คือเรื่องโคร้างสร้างเงินเดือนขั้นสูงสุดของแต่ละกลุ่มงาน พนักงานราชการจะมีแบบที่จ้างระยะสั้น และแบบระยะยาว (จ้างต่อเนื่อง) ผมขอพูดถึงในส่วนของการจ้างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้ว่าพนักงานราชการจะค่าจ้างแรกบรรจุสูงกว่าข้าราชการประมาณ 20 เปอร์เซนต์ มันจะเห็นเป็นรูปธรรมหากเป็นการพนักงานราชการระยะสั้น แต่หากเป็นการจ้างระยะยาว (จ้างต่อเนื่อง) เมื่อพิจารณาจากการเทียบตำแหน่งพนักงานราชการที่กรมบัญชีกลาง เช่น พนักงานราชการประเภททั่วไปกลุ่มงานบริหารทั่วไป เทียบข้าราชการได้สุงสุดที่ ซี 8 (ชำนาญการพิเศษ) ยกเว้นประเภทวิชาชีพเฉพาะและได้เงินเดือนสูงสุดของบัญชีจะเทียบได้กับข้าราชการ ซี 9 แต่เมื่อมองย้อนกลับไปที่ปัจจุบันโครงสร้างเงินเดือนของข้าราชการ ซี 8 หรือ ซี 9 ขั้นสูงสุดเมื่อเทียบกับของพนักราชการ ที่ต้องการให้พนักงานราชการได้รับค่าจ้างสูงกว่าข้าราชการประมาณ 20 % แล้วไม่สอดคล้องกัน หากจะมีการแก้ไขก็ควรแก้ไขให้บัญชีอัตราเงินเดือนขั้นสูงสุดของบัญชีของพนักงานราชโดยสูงกว่า 20 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับข้าราชการ

ตอบ...คุณชาย...

ความจริงคุณเฉพาะด้านนั้น คพร.ให้ส่วนราชการกำหนดไม่ใช่หรือค่ะ...แต่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งของแต่ละส่วนราชการ เพราะถ้าเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ กับข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ตำแหน่งจะไม่เหมือนกัน (ขึ้นอยู่กับมาตรฐานกำหนดตำแหน่งของแต่ละส่วนราชการ) เขาจะกำหนดไว้ว่าตำแหน่งใดบ้างเป็นกลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะค่ะ แต่ถ้าตำแหน่งใดเป็นกลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะก็ต้องดูกฎหมายฉบับอื่นที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย...สำหรับที่ข้าราชการได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างเงินเดือนไปแล้วนั้น (ถ้าเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ นั้นใช่ค่ะ...แต่ถ้าเป็นข้าราชการในสถาบันอุดมศึกษา ยังไม่ได้ขยายเพดานในซี 8,9 ค่ะ)...สำหรับพนักงานราชการก็คงต้องอดใจรอเหมือนกันนะค่ะ เพราะของส่วนราชการพี่ ก็ต้องรอ มติจาก ครม. เหมือนกัน ยังไม่ได้ขยายให้ค่ะ...รัฐคงคิดว่า ถึงขยายก็คงยังไม่มีผลอะไรในตอนนี้เพราะเรายังมีค่าตอบแทนที่ไม่ถึง ...แต่คาดว่าคงจะทำให้หรอกค่ะ...เพียงแต่ต้องรอเวลานิดหนึ่ง เพราะมีบางเรื่องที่รัฐคิดว่าต้องดำเนินการให้...บางครั้งการทำงานจะเอาให้ได้ดั่งใจเราคงไม่ได้หรอกค่ะ...ตั้งแต่รับราชการมานานเกือบ 25 ปี พี่ก็เห็นว่ารัฐทำให้นะค่ะ...ไม่ได้ทอดทิ้ง  เพียงแต่บางครั้งก็ต้องรอเวลาบ้างค่ะ...แต่ถ้ามีข่าวดีพี่ก็จะนำมาแจ้งให้ทราบค่ะ...

อ.ครับทำงาน6ปีเงินเดือนขึ้นนิดเดียว...พนักงานราชการทุกระดับชั้น..เงินเดือนทำไมมันใกล้เคียงกัน..ห่างกันเเค่พันกว่าบาทเอง..

เรียน อาจารย์บุษยมาศครับ

ตามที่อาจารย์ได้ตอบคำถาม (คำตอบที่ 29) ที่อาจารย์ได้ตอบว่า คุณเฉพาะด้านนั้น คพร.ให้ส่วนราชการกำหนด

ตามความเข้าใจที่ผมอ่านจากประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรื่อง การกำหนดลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงานและการจัดทำกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ ข้อ 8 (1) (ก) (ข) (ค) และจากหนังสือ 108 คำถามกับพนักงานราชการ (คำถามที่ 8 ) โดยคำตอบสำหรับพนักงานราชการประเภททั่วไป กลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะตำแหน่งที่จะเข้าเงื่อนไขของประกาศ คพร.และจากคำตอบจากหนังสือ 108 คำถาม คือ ตำแหน่งนายแพทย์ สถาปนิก วิศวกร นักวิชาการคอมพิวเตอร์ พยาบาลวิชาชีพ นักกีฏวิทยารังสี

ส่วนพนักงานราชการประเภททั่วไปที่มีตำแหน่งหรือมีลักษณะงานที่ต้องใช้ผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาที่ไม่อาจมอบหมายให้ผู้มีคุณวุฒิอย่างอื่นปฏิบัติงานแทนได้ เช่น ตำแหน่ง นิติกร ที่ต้องใช้ผู้ที่สำเร็บการศึกษาระดับปริญญาด้านนิติศาสตร์ ตำแหน่งที่มีลักษณะงานด้านการตรวจสอบบัญชี ที่ต้องใช้ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาด้านการบัญชี หากพิจารณาจากประกาศคพร ข้อ 8 (1) (ก) (ข) (ค) แล้วหากส่วนราชการไปกำหนดตำแหน่งงานที่ผมกล่าวข้างต้น เช่น นิติกร ก็ไม่น่าจะเข้าเงื่อนไขตามที่ คพร ประกาศกำหนดไว้

ตอบ...หมายเลข 30...

ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ คพร. เป็นผู้กำหนดค่ะ...คณะกรรมการคงเทียบเคียงกับเงินเดือนของข้าราชการด้วยแล้วมังค่ะ...ถ้าลึกไปกว่านี้ พี่จะไม่ขอตอบก็แล้วกันนะค่ะ...

ตอบ...หมายเลข 31...

ขึ้นอยู่กับส่วนราชการมีภารกิจหลักเป็นงานใดด้วยนะค่ะ...เพราะแต่ละส่วนราชการจะทำงานหลักไม่เหมือนกัน เช่น มหาวิทยาลัย สพฐ. งานหลัก คือ การสอน แต่ถ้าเป็น ก.พ. งานหลัก คือ งานบุคลากร ซึ่งแต่ละส่วนไม่เหมือนกัน สำหรับตำแหน่งที่คุณพูดถึง ถ้าหมายถึง การมีเงินประกอบวิชาชีพนั้น พี่ว่า ตอน คพร. ทำ ตำแหน่งนิติกร นั้น พระราชกฤษฎีกาเงินดังกล่าว ยังไม่ประกาศใช้ด้วยมังค่ะ จึงจัดไว้ในกลุ่มทั่วไป...แต่ไม่รู้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนให้หรือไม่...แต่ที่ ม. ของพี่ ก็มีน้องนิติกร เขาตำแหน่งนิติกร แต่อยู่ในกลุ่มบริหารทั่วไป ไม่ได้อยู่ในกลุ่มวิชาชีพเฉพาะหรอกค่ะ...ในกลุ่มนี้ต้องมีใบประกอบวิชาชีพประกอบด้วยหรือเปล่า พี่ยังศึกษาไม่ลึกในเรื่องนี้นะค่ะ...แต่ที่ดู กพร. กำหนด ตำแหน่งดังกล่าวน่าจะมีใบประกอบวิชาชีพด้วย แต่นิติกร อย่างที่พี่บอกในตอนต้นค่ะ...เพิ่งจะมีในภายหลังระเบียบพนักงานราชการ พ.ศ. 2547 กำหนดค่ะ...

เรียน อาจารย์บุษยมาศ

หากต่อไปทาง คพร. มีการสำรวจความคิดเห็น ผมใคร่ขอนำเสนอผ่านอาจารย์ไปยัง คพร ควรจะมีการจัดสัมมนาแบ่งเป็นรายภาคโดยให้ทุกส่วนราชการที่พนักงานราชการสังกัดในที่ปฏิบัติงานอยู่ในภูมิภาคนั้นๆ เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น เพื่อที่ คพร จะได้รวบรวมนำไปใช้ประกอบการพิจารณาครับผม

ตอบ...คุณชาย...

พี่คิดว่า คงจะเป็นภาคมังค่ะ...เพราะส่วนใหญ่ การแสดงความคิดเห็นถ้าจะให้ได้ผลที่แน่นอน อาจเป็นอย่างที่ว่านั่นแหล่ะค่ะ...เห็นที่เคย ๆ ทำ ก็เป็นแบบนี้ค่ะ...

เรียน อาจารย์บุษยมาศครับ

พอดีผมได้อ่านที่มีผู้โพสข่าวหนังสือมติชน ฉบับวันที่ 13 ก.ย. 2553 หัวข้อ ลดภาระผูกพันปลดพนักงานรัฐ คือทางออกสุดท้าย แต่ผมกลับมาจะรอฟังคำตอบจากอาจารย์แต่หาหัวข้อนั้นไม่เจอ เลยขออนุญาตโพสเกี่ยวข่าวเรื่องนี้ซ้ำอีกครั้งหนึ่งครับผม โดยผมขอสรุปโดยย่อเกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าว คือ ปัจจุบัน พนักงานราชการ มีจำนวนคงเหลือ 55,250 คน จากทั้งหมด 19 กระทรวง และ 1 สำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีการยกตัวอย่างเกี่ยวกับการเลิกจ้างพนักงานราชการที่ถูกปลดออก 107 ตำแหน่ง ของกรมศิลปากร โดยมีการยกตัวอย่างวิธีการปลดพนักงานราชการออกคนหนึ่ง โดยเลือกใช้วิธีการจับสลาก คนที่จับสลากได้ อายุก็ 42 ปีแล้ว และในตอนท้ายของข่าวนี้มีการระบุว่า กพร หรือ คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ทำเรื่องเสนอ ครม โดยในปี 2554-2557 จะทยอยประเมินพนักงานราชการที่ครบสัญญาจ้างออกปีละ 13,182 คน และมีมาตรการแก้ปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยจะมีมาตรการแก้ปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยจะมีการฝึกอบรมวิชาชีพ 2 เดือน เป็นการเยี่ยวยา มีงบประมาณทั้งสิ้น 1960 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการฝึกอบรมอาชีพ 1160 ล้านบาท และเงินอุดหนุนในการประกอบอาชีพใหม่ 800 ล้านบาท แต่ล่าสุด ครม ยังไม่มีอนุมัติพร้อมส่งเรื่องกลับมาให้ กพร ทบทวน

ตอนแรกแอบดีใจที่ได้อ่านคำตอบก่อนหน้าที่อาจารย์เคยตอบไว้ประมาณปี 2556 แต่พอได้อ่านข่าวนี้แล้วโดยเฉพาะวรรคย่อหน้าสรุปสุดท้ายที่ กพร เสนอไปยัง ครม แล้วเศร้าใจสุดๆ เลยครับ สุดท้ายผลตอบแทนจากการทำงานที่พนักงานราชการได้รับคือการได้รับผลตอบแทนจาก กพร ด้วยการเสนอให้ทยอยประเมินพนักงานราชการปีละ 13182 คน

หากอาจารย์ได้ตอบคำถามหัวข้อนี้ไปแล้ว ผมขอความกรุณาอาจารย์ช่วยโพสลิงค์หัวข้อดังกล่าวลงในกระทู้อีกสักหนึ่งนะครับ

ขอขอบคุณอาจารย์ครับ

ตอบ...คุณชาย...

ก็แสดงว่า ครม.ยังไม่มีมติอนุมัติ โดยส่งเรื่องให้ คพร. กลับไปทบทวน...นั่นก็แสดงว่า ครม.พิจารณาแล้วว่าพวกพนักงานราชการจะต้องเดือดร้อน แล้วมันก็จะเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งต้องหาทางแก้ไขโดยให้ คพร.นำกลับไปทบทวน หาทางออกอื่นไงค่ะ...สำหรับว่ากรอบพนักงานราชการปัจจุบันมี 2 แสนกว่าอัตรา แต่บรรจุไปแล้ว 1 แสนกว่าอัตรานะค่ะ...พี่ก็ไม่รู้ที่ว่าปลดพนักงานราชการของ ม.ศิลปากรนั้นเป็นจริงหรือเปล่า...เป็นไปได้ไงว่าจับสลากออก...มีด้วยหรือค่ะ...นี่คือข่าว...แต่ถ้าใครที่เป็นพนักงานราชการของ ม.ศิลปากร ทราบข่าวนี้ ว่าจริงหรือไม่ ก็บอกผ่านกระทู้ด้วยก็จะเป็นการดีนะค่ะ...เพราะพี่ชอบเรื่องจริง ๆ ไม่ใช่ข่าวนะ ต้องการที่จะทราบสาเหตุว่าเพราะเหตุใด พี่จะได้วิเคราะห์ดูว่าน่าจะมาจากสาเหตุใดค่ะ...

http://gotoknow.org/blog/bussayamas/299311?page=19

ตอบ... คุณชาย...(เพิ่มเติม)

อ๋อ ลืมนึกถึงไป ว่า มี กพร.อีก...พี่พอจะทราบแล้วค่ะว่า เพราะอะไร...ถึงว่าพี่ไปประชุมร่วมกับสำนักงาน ก.พ. เขาจะไม่เคยพูดถึงเรื่องยกเลิกสัญญาจ้างจำนวนเป็นหมื่น ๆ นี้เลย...สงสัยอยู่เหมือนกัน...ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ...ขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐแล้วนะค่ะ...ครม. ก็คงไม่ทำถึงอย่างนั้นหรอกมังค่ะ...เพราะอะไร พี่จะไม่พูดนะ...จะกระทบหลายอย่าง...หวังว่าคงเข้าใจ...ก็ขอให้ตั้งหน้าตั้งตาทำงานเถอะน่ะ...เราคิดว่าเราทำงานเพื่อบ้านเมืองเหมือนกัน...สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในประเทศไทย ยังคงรับทราบค่ะ ว่าคืออะไร...เอาไว้เป็นเรื่องจริงค่อยนำมาพูดกันใหม่นะค่ะ...ถ้ามีเรื่องที่มีข้อมูลจริงบ้าง ก็เอามาปรึกษากันได้ค่ะ...ข่าวไม่เอานะ...ถ้าข่าวจริงแล้วกลั่นกรองก็ได้ค่ะ...แต่ถ้าข่าวไม่จริง เราจะไม่พูดถึงนะค่ะ...ตั้งใจทำงานนะค่ะ...เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ...ชีวิต  คือ  การต่อสู้ ค่ะ...ท้อได้ แต่ไม่ถอยค่ะ...

http://gotoknow.org/blog/bussayamas/299311?page=19

เรียน...น้อง ๆ พนักงานราชการทุกท่าน..

วันที่ 15 - 16 กันยายน 2553 พี่ติดประชุมแถลงข่าว + ออกความคิดเห็น เรื่อง เกี่ยวกับข้อมูลตำแหน่งวิชาการแห่งชาติ ที่ โรงแรมมณเฑียร กทม. และ วันที่ 16 - 22 กันยายน 2553 ไปศึกษาดูงานที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ค่ะ (กลับมาวันที่ 23 กันยายน 2553) ค่ะ...ช่วงนี้ ถ้ามีคำถามกรุณาโพสต์ลงในกระทู้ไว้ในค่ะ...พี่กลับมาจะมาตอบให้ค่ะ...ขอบคุณค่ะ...

สวัสดีครับพี่บุณยมาศ อ่านข้อความที่ 36 แล้วตกใจมากมาย แต่พอได้รับคำตอบจากพี่แล้ว ก็รู้สึกยังอุ่นใจอยู่ แม้ว่าจะอุ่นไม่เต็มที่ ส่วนตัวผมเองก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดก่อนแล้วกัน ถ้าเกิดแบบนั้นจริงๆ คิดว่า คงต้องมีการประท้วงกันใหญ่แน่ครับ จะลอยแพกันง่ายๆ แบบนี้หรือ

อย่างไรถ้ามีอะไรที่ไม่ค่อยดี ขอให้พี่บอกพวกเราพนักงานราชการมาตรงๆ ก็ดีครับ จะได้ทำใจกันตั้งแต่ต้นๆ แต่ในใจลึกๆของผม ครม. คงจะไม่ทำกับพวกเราแบบนี้แน่นอน เพราะเห็นบอกว่าเศรษฐกิจดีขึ้น นั้นดีขึ้น นี่ดีขึ้น ถ้าทำจริง คงจะเสียแน่นอน และไม่ได้เสียชื่อน้อยๆแน่ครับ

ขอให้เดินทางไปกลับ ไปดูงาน และได้พักผ่อนเต็มที่ด้วยนะครับ จะได้มาตอบปัญหาของพวกเรา และเป็นที่ปรึกษาดีดีให้พวกเราตลอดไปครับ

โชคดีครับพี่

ตอบ...คุณ acerint...

บอกแล้วไงค่ะ อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป...เพราะเหตุการณ์ต่าง ๆ ยังไม่เกิด...ถ้ามีเรื่องมาเมื่อใดจะรีบแจ้งให้ทราบค่ะ...ตอนนี้ไม่มีอะไรดี นอกจากตั้งใจทำงานค่ะ...ก็อย่างที่บอก อัตราที่จ้างพนักงานราชการตอนนี้มีแสนกว่าคน จากกรอบที่ตั้งไว้ สองแสนกว่า...คงไม่รุนแรงถึงปานนั้นมังค่ะที่จะต้องจ้างให้ออก...คงจะเลิกจ้างเฉพาะพนักงานราชการที่ทำงานไม่เต็มที่...เรียกว่า บางรายก็ทำงานไม่ได้ดั่งใจของหัวหน้าส่วนราชการ...(เรียกว่า บางครั้งการทำงาน เราก็ต้องรู้ใจนายจ้างด้วยว่าให้ทำอะไร (เกี่ยวกับเรื่องงาน)...เพราะไม่อย่างนั้นเราก็จะถูกเลิกจ้างเอาง่าย ๆ...(สำหรับผู้บริหารที่มีมโนสำนึกนะค่ะ)...

ขอบคุณค่ะ...สำหรับความปรารถนาดี...แล้วจะนำรูป + วิถีวัฒนธรรมของประเทศจีนมาเล่าให้ฟังค่ะ...ว่ามีความแตกต่างกับเมืองไทยเราอย่างไร...

ขอบคุณพี่บุษยมาศมากค่ะที่ได้ให้ข้อมูลมากมาย หนูก็เป็นคนหนึ่งที่ติดตามข่าวพนักงานราชการอยู่ถ้าไม่ได้พี่ให้ข้อมูลก็จะไม่รู้ความเป็นไปและความเคลื่อนไหวของพนักงานราชการเลย ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ และขอให้พี่ดูแลสุขภาพให้ดีนะคะ พวกเราพนักงานราชการรอพี่อยู่นะคะ ขอบคุณค่ะ

อาจารย์ค่ะ ถ้าหากถามว่าพนักงานราชการอย่างหนูจะขอยิบยืมเงินเขาสัก 3-4 แสนเพื่อมาแลกกับตำแหน่ง อาจารย์ว่ามันเป็นยังไงค่ะ เพราะตอนนี้มันเหมือนกับเป็นการขึ้นรถไฟขบวนสุดท้ายแล้วค่ะ อนาคตก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร ขอให้อาจารย์ตอบด้วยนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ (ถามเพราะไม่รู้จะเดินไปทางไหนดีจริงๆคะ)

พนักงานราชการพวกเราเป็นประเภทชอบวิตกกังวล..เพราะว่างานที่เราทำอยู่มันไม่เเน่นอน..รัฐเขาจะเลิกจ้างเมื่อไหร่ก็ไม่รู้..ยิ่งถ้าได้ข่าวมาว่าจะปลดพนักงานราชการออก..ยิ่งวิตกไปกันใหญ่..ใครหนอชั่งใจร้ายกับพวกเรา..คงไม่มีนะอาจารย์..ไม่อยากตกงานตอนอายุมาก..ขออวยพรให้อาจารย์เดินทางโดยสวัสดิภาพ...

ตอบ...คุณเอโอ...

ขอบคุณค่ะ...ปัจจุบันเป็นโลกของการแข่งขันในเรื่องข้อมูล ความรู้ ข่าวสารค่ะ...ว่าแต่ว่าใครจะมีความรู้ เรียกว่า พื้นฐานความรู้เกี่ยวกับพนักงานราชการได้มากกว่ากันค่ะ...ถ้าเรารู้มาก แสดงถึงการเป็นผู้ได้เปรียบในด้านความรู้มากกว่าพวกที่ไม่เรียนรู้...แล้วจะทำให้เรามีความรู้มากกว่าเขา...ในบางครั้ง พอคนที่มีความรู้พูดให้ฟัง จะทำให้เราสามารถเข้าใจได้ทันที ไม่ต้องอธิบายมาก เราก็สามารถทราบได้ทันที เพราะเรามีฐานความรู้ในเรื่องนั้น ๆ มาดีพอค่ะ...สมัยนี้ ต้องเรียนรู้ด้วยตัวของเราเองค่ะ หมั่นฝึกให้เป็นคนที่รักการเรียนรู้ด้วยตัวของเราเองนะค่ะ...ไม่จำเป็นต้องไปนั่งเรียนในห้องเรียนแล้วค่ะ...ข่าวใด ๆ ก็ได้ที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเรา เราก็ควรรู้ค่ะ...ยิ่งเรียนรู้ด้วยตัวของเราเอง ยิ่งทำให้เราเป็นคนที่มีนิสัยในการรักที่จะเรียนรู้ค่ะ...ขอบคุณค่ะ...

ตอบ...หมายเลข 43...

พี่ไม่เข้าใจคำถามนะค่ะ...จึงไม่สามารถตอบได้ค่ะ...

ตอบ...หมายเลข 44...

พี่ เข้าใจความรู้สึกของพวกเรานะค่ะ...ว่าคิดอย่างไร...แต่ในเมื่อรัฐต้องการปรับเปลี่ยนระบบการทำงานไงค่ะ...จึงทำให้บางครั้งเราได้ข่าวที่ไม่ค่อยดี เราก็จะรู้สึกวิตกกังวล...พี่คิดว่า อย่างไร รัฐก็พยายามดูแลพวกเราอยู่นะค่ะ...อย่าเพิ่งไปวิตกอะไรมากมายเลยค่ะ...เอาเป็นว่า ถ้าเรายังไม่มีหนี้สิน ก็อย่าไปสร้างหนี้สินให้มากนักนะค่ะ...เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น เราจะแก้ไขไม่ทัน...เอาเป็นว่าตอนนี้ เพิ่งจะเป็นการเริ่มต้น...ต้องค่อยเป็นค่อยไปก่อนนะค่ะ...พอเพียงก่อนเป็นพอ อย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เราต้องเปรียบเทียบกับตัวเราเองดีกว่า...ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น เราจะแก้ไขปัญหาอย่างไร...พี่จึงไม่อยากเห็นพวกเราเป็นหนี้สินกันไงค่ะ...มีเท่าไรก็ใช้กันเท่านั้นไปก่อน...ไม่นับว่าจะต้องดูแล พ่อ แม่ นะค่ะ...การดูแลต้องรู้จักแบ่งจ่ายกันแล้วค่ะ...ทำอย่างไรที่จะให้เราอยู่รอดได้...ไม่ทำให้เราเดือดร้อนในอนาคต...เอาไว้ให้เรามั่นคงกว่านี้ แล้วเราค่อยคิดเริ่มต้นค่ะ...เห็นใจที่เราอยู่ในยุคนี้ ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนเรื่องการบริหารงานบุคคลแบบใหม่ค่ะ...ต้องคอยดูและติดตามข่าวต่อไปค่ะ...เป็นกำลังใจให้นะค่ะ...บางคนก็บอกว่าอายุมากแล้ว  แต่ทำอย่างไรได้ค่ะ ก็ในเมื่อรัฐต้องการปรับเปลี่ยนไงค่ะ...

สวัสดีค่ะ อาจารย์ มาสัปดาห์นี้ก็มีเรื่องอยากรบกวนเรียนถามอาจารย์ เกี่ยวกับเงินเดือนนี้แหละค่ะ เพราะข่าวการขึ้นเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หนูอยากทราบว่าพนักงานราชการอย่างพวกหนูมีสิทธิ์ได้รับการปรับเงินเดือนในครั้งนี้หรือเปล่าค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ

ตอบ...คุณอิม...

ถ้าข้าราชการขึ้น ที่ผ่านมา ก็ปรับให้กับลูกจ้างประจำ และพนักงานราชการ ตามมาค่ะ...สำหรับข่าวการขึ้นเงินเดือน ประมาณ 1 เมษายน 2554 ค่ะ...(ถ้าเกี่ยวกับเพดานขั้นสูงของเงินเดือนข้าราชการ ก็อีกอย่างนะค่ะ) ไม่เกี่ยวกับการปรับเงินเดือน...คิดว่าถ้าปรับของข้าราชการและลูกจ้างประจำแล้ว ก็คงมีการทบทวนของพนักงานราชการค่ะ...ต้องใจเย็น ๆ รอนะค่ะ...

พนักงานราชการชั้นบริหารทั่วไปเพดานเงินเดือนสูงเต็มขั้น30500บาททำงานมา5ปีเงินเดือนขึ้นพันกว่าบาท..คำนวณดูเเล้วอีก10ปีคงไม่ถึงสองหมื่น..หรือว่าเขาตั้งไว้ให้มันดูดีเฉยๆนะอาจารย์..

ตอบ...คุณน้อย...

การขึ้นขั้นค่าตอบแทน อยู่ระหว่าง 3-5 % ค่ะ (กรณีของคุณอาจอยู่ในช่วงได้ผลงานเพียง 3 %) มังค่ะ จึงทำให้ค่าตอบแทนที่ได้รับน้อยค่ะ...ซึ่งเป็นไปตามระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานค่ะ...แต่ถ้าคน ๆ นั้น ได้รับ 5 % ทุกปี ก็จะทำให้ได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้นค่ะ...(ขึ้นอยู่ที่การประเมินผลการปฏิบัติงานที่ส่วนราชการประเมินไงค่ะ)...

สวัสดีครับอาจารย์ กระผมเป็นพนักงานราชการในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ผมจึงอยากเรียนถามอาจารย์ได้ไหมครับว่า ที่อาจารย์บอกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกับระบบพนักงานราชการในปี 2556 อาจารย์พอจะบอกได้ไหมครับว่าจะเป็นไปในทางใด ถ้าอาจารย์ไม่สดวกทางนี้ ทางเมลล์ก็ได้ครับ คือกระผมไม่อยากคิดในทางลบ พอถึง 2556 แล้วยกเลิกระบบ หรือไม่มีพนักงานราชการ จะได้หาแนวทางอื่นๆให้กับชีวิตครับอาจารย์ ยังไงก็ขอขอบคุรอาจารย์มากๆนะครับ ผมเอาอ่านบล็อค ของอาจารย์ทุกวันเพื่อติดตามความก้าวหน้าของข่าวสาร ขอบคุณครับ

ตอบ...คุณศรัณ...

อย่าวิตกไปเลยค่ะ...ที่ยังไม่อยากจะบอก เป็นเพราะว่า ก.พ.ขอร้องไว้ เพราะถ้าไม่เป็นไปตามนี้ แล้วจะเป็นเรื่องไปกันใหญ่...เอาเป็นว่า บอกได้ แต่ก็อยู่การประชาพิจารณ์ ของทั้ง 3 กลุ่ม (ผู้ปฏิบัติ + หัวหน้าส่วนราชการ + พนักงานราชการ) สรุปผลมาก่อนนะค่ะว่าจะเป็นอย่างไรค่ะ...ปี 2556 เป็นเรื่องของการต่อสัญญาจ้างค่ะ...ว่าจะต่อกี่ปีเท่านั้นเอง เช่น 4 ปี 8 ปี 12 ปี ค่ะ...เป็นการต่อสัญญาแบบต่อเนื่องค่ะ...ไม่มีหรอกที่จะยุบเลิกค่ะ...การยุบเลิก น่าจะเป็นอีกกลุ่มหนึ่งมังค่ะ...คือ กลุ่มที่พี่เป็นอยู่นี่ไงค่ะ...ตอนนี้ยังยุบเลิกไม่ได้ เพราะประวัติข้าราชการมีมายาวนานไง...แต่รัฐก็ทำแบบค่อยเป็นค่อยไปค่ะ...ถึงนำระบบพนักงานราชการมาผสมด้วย...(เพราะเรื่องบุคคลเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิผลประโยชน์ จะทำได้ผลย่อมมีการกระทบค่ะ)...แต่ถ้าระบบข้าราชการรุ่นใหม่เป็นไปอย่างที่รัฐหวัง ได้ประสิทธิมากขึ้นกว่าเดิม ...ในอนาคตก็ไม่แน่...อาจไม่ยุบเลิก อยู่ที่ตัวข้าราชการค่ะ ว่าจะพัฒนาตนเองได้มากน้อยแค่ไหน  พี่ถึงไม่ขอพูดไงค่ะ...เอาไว้ดูกันในอนาคตดีกว่านะค่ะ...เพราะนี่คือ กระบวนการบริหารจัดการภาครัฐในเรื่องของการบริหารงานบุคคล เพียงเพื่อให้บุคลากรของรัฐปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นค่ะ...

คือ ในตอนนี้ จะมีระบบข้าราชการ + ลูกจ้างประจำ + พนักงานราชการ  ประกบควบคู่กันไปค่ะ...อยู่ที่ระบบไหนจะทำได้ดีกว่ากัน...เสมือนเป็นการทดลองใช้ก็ว่าได้...ถ้าระบบไหนแข็งแรงกว่า ก็จะเป็นระบบนั้น...หรือไม่ก็มีไว้เพื่อควบคู่กันไงค่ะ (สำหรับระบบลูกจ้างประจำ จะหมดภายใน 30 ปีข้างหน้าค่ะ) เนื่องจาก ปรับเปลี่ยนมาเป็นระบบพนักงานราชการ...มีหลายปัจจัยสำหรับระบบข้าราชการ...รัฐก็พยายามปรับเปลี่ยนอยู่ แต่ ขึ้นอยู่กับอำนาจเดิมของหัวหน้าส่วนราชการที่จะต้องโดนริดรอนด้วยไงค่ะ...เป็นอะไรที่พูดค่อนข้างยากค่ะ...จึงเป็นปัญหาในปัจจุบันนี้ไงค่ะ ที่ส่วนราชการไม่พัฒนาไปได้มากอย่างที่รัฐมีความต้องการค่ะ...

ศรัณยพงศ์ ไชยเสริม

เรียนอาจารย์บุษยมาศ

ก่อนอื่นผมต้องกราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงครับที่กรุณาตอบปัญหาคับข้องใจ ที่ผมได้เรียนถามอาจารย์ไปก่อนหน้านี้ กระผมได้ยินคำตอบจากอาจารย์แบบนี้ผมก็สบายใจครับ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ตั้งใจทำงานนะครับ ตอนนี้ก้ทำงานตามหน้าที่ และตามที่ได้รับมอบหมายด้วยความสามารถที่มี อย่างเต็มความสามารถ โดยส่วนตัวผมก็ชอบระบบพนักงานราชการอยู่ครับ เพราะมันจะให้คนกระตือรือร้นในการทำงาน มีการประเมิน แต่อาจจะมีหลายๆอย่างที่มองไม่ออก แต่ผมก็คิดว่าระบบมันพึ่งจะเริ่มได้ไม่นาน คงยังไม่ต้องการให้มันสมบุรณ์ภายใน วัน สอง วัน ครับ ทุกอย่างคงค่อยเป็นค่อยไป และรู้สึกดีใจที่อาจารย์จัดทำบล็อคนี้ขึ้นมา ทำให้ดูเหมือนอาจารย์เป็นที่ปรึกษา และเป้นที่พึ่งของพนักงานราชการ ผมก็ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้ง มา ณ โอกาส นี้นะครับ

ตอบ...คุณศรัณยพงศ์...

การเขียนบล็อก ๆ แรก ก็คือ เรื่อง ต้องการที่จะบอกว่า ปัจจุบันนี้ พนักงานราชการสามารถแต่งเครื่องแบบพิธีการของพนักงานราชการ ได้แล้ว เมื่อ พ.ศ. 2552...เท่านั้นเอง...แต่ไหงกลับกลายมาเป็นเหมือนกับอาจารย์ที่ปรึกษาด้วยก็ไม่ทราบ...55555555...แต่ก็ทำให้พี่รู้นะค่ะว่า...ส่วนราชการอื่น ๆ ที่พี่ไม่ได้สัมผัส พนักงานราชการ เขามีปัญหามาก ๆ ค่ะ...ก็ดีค่ะ...ที่พี่ก็มีส่วนช่วย แนะนำ ให้คำปรึกษา มาบอกเรื่องราวที่เป็นจริงให้กับพวกน้อง ๆ พนักงานราชการได้รับทราบ...เพราะถ้าพูดจริง ๆ แล้ว ถ้าใครไม่ได้ศึกษาระเบียบ ของพนักงานราชการจริง ๆ เขาจะไม่ทราบที่มาที่ไป...และเข้าใจอย่างจริงจังเลยค่ะ...แต่ปัจจุบัน รัฐให้อัตราการบรรจุข้าราชการกับส่วนราชการ น้อยเหลือเกินค่ะ...อาจเป็นนิมิตรหมายอันดีกระมังค่ะว่า...ในอนาคต รัฐ พยายามให้มีระบบราชการให้น้อยที่สุด จนเรียกว่า "ไม่มีระบบนี้"...(เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะค่ะ...แต่ที่ทำอยู่ ก็ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ...เรียกว่า จะไม่บรรจุเลยก็คงไม่ได้...ค่อย ๆ ลดอัตราลงไงค่ะ...แล้วให้เป็นพนักงานราชการมาแทนค่ะ...อีกประมาณ 10 ปี ก่อนที่พี่เกษียณ แล้วเราค่อยมาดูกันนะค่ะ...ว่าจะจริงหรือไม่...

ขอบคุณที่เข้าใจว่า ระบบพนักงานราชการ ทำให้ตัวเราเองมีความกระตือรือร้นในการทำงานนะค่ะ...ใช่ค่ะ เพราะการบรรจุเป็นข้าราชการ ส่วนใหญ่ในสมัยก่อน ชอบคิดว่า เมื่อบรรจุแล้วก็แล้วกัน ไม่ต้องเรียนรู้อะไรแล้ว ทำงานก็ทำไปวัน ๆ...ไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ เพราะสิ้นเดือนก็ได้รับเงินเดือน...(แต่ความเป็นจริง  รัฐต้องการให้ข้าราชการพัฒนาตนเอง เพื่อให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลไงค่ะ...)...สังเกตง่าย ๆ ว่า ถามอะไรไปก็ไม่ค่อยจะตอบ...รู้ หรือ ไม่รู้ก็เฉย ๆ.. บางทีตอบก็ไม่ใช่...บางครั้ง ถาม เรื่อง พนักงานราชการ คือ อะไร ยังตอบไม่ค่อยได้ ว่ามีความหมายอย่างไร...แถมบางส่วนราชการก็บอกให้พนักงานราชการใส่เครื่องแบบปกติ โดยนำอินทรธนูของลูกจ้างประจำเขามาติดแบบนี้เป็นต้น...แล้วอย่างนี้จะเป็นที่พึ่งให้กับน้อง ๆ รุ่นใหม่ เขาได้อย่างไร...ในฐานะที่พี่ทำงานด้านนี้ และพยายามทำความเข้าใจในระบบ พอรู้ เห็นพวกเราชักเป๋ ไม่ตรงทาง ก็เลยบอกค่ะ...เพื่อจะได้รับรู้ข้อมูลจริง ๆ แล้วนำกลับไปทำงานในหน้าที่ของตนเองไงค่ะ...เพราะถ้าขืนปล่อยไป เข้าใจไม่ถูกต้อง จะไปกันใหญ่ ไม่ดีต่อรัฐแน่นอนค่ะ...

ค่ะ...ก็ยินดีที่จะบอกเหมือนเป็นพี่ ๆ ที่คอยดูแลน้อง ๆ ที่พ่อ - แม่ ฝากให้ดูแลไงค่ะ...ขอบคุณอีกครั้งค่ะ...ที่เข้าใจในระบบพนักงานราชการ ค่ะ ก็ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ...เพราะการทำสิ่งใดที่เป็นสิ่งใหญ่ และสิ่งนั้น เป็นระบบในระดับประเทศด้วยแล้ว...พี่ว่า  เป็นงานใหญ่ไม่เบาเลยเชียวแหล่ะ...อยู่ที่พวกเราต้องร่วมมือกันทำงานค่ะ...ในอนาคตก็คงดีขึ้นค่ะ...ดูเช่น ระบบข้าราชการสิค่ะ...กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ ใช้เวลาเกือบ 100 ปี เชียวนะค่ะ...เป็นกำลังใจให้ค่ะ...

เรียน อาจารย์บุษยมาศครับ

ตามคำถามที่ 36 ผมได้ไปตั้งกระทู้สอบถาม กพร (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ) ดังนี้ครับ

คำถาม

ขอทราบข้อเท็จจริงข่าวจาก นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 13 ก.ย. 53 หน้าที่ 20 เป็นอย่างไรครับ

ข่าวจาก หนังสือมติชน ฉบับวันที่ 13 ก.ย. 2553 หัวข้อ ลดภาระผูกพันปลดพนักงานรัฐ คือทางออกสุดท้าย ปัจจุบัน พนักงานราชการ มีจำนวนคงเหลือ 55,250 คน จากทั้งหมด 19 กระทรวง และ 1 สำนักนายกรัฐมนตรี

กพร ทำเรื่องเสนอ ครม โดยในปี 2554-2557 จะทยอยประเมินพนักงานราชการที่ครบสัญญาจ้างออกปีละ 13,182 คน และมีมาตรการแก้ปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยจะมีมาตรการแก้ปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยจะมีการฝึกอบรมวิชาชีพ 2 เดือน เป็นการเยี่ยวยา มีงบประมาณทั้งสิ้น 1960 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการฝึกอบรมอาชีพ 1160 ล้านบาท และเงินอุดหนุนในการประกอบอาชีพใหม่ 800 ล้านบาท แต่ล่าสุด ครม ยังไม่มีอนุมัติพร้อมส่งเรื่องกลับมาให้ กพร ทบทวน

คำตอบ

สำนักงาน ก.พ.ร. ได้ตรวจสอบไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี แล้วพบว่า การปลดพนักงานราชการฯ ตามข่าวมติชน ฉบับวันที่ 13 ก.ย. 2553 นั้น

ไม่ได้เป็นเรื่องที่สำนักงาน ก.พ.ร. ได้เสนอเข้า ค.ร.ม. ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้น อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) สำนักงาน ก.พ.

ท่านสามารถสอบถามข้อมูลดังกล่าวได้ที่ www.ocsc.go.th หรือ 02 281 3333

ขอขอบคุณ

ตอบ...หมายเลข 56...

ค่ะ ก็ คพร. เป็นผู้ดูแลกรอบอัตรากำลังของพนักงานราชการนี่ค่ะ...ที่พี่เคยบอกไปแล้วว่า คพร. ไม่ใช่ กพร. ค่ะ...แต่ที่ไปประชุม ยังไม่เห็นมีข่าวนี่ค่ะ...ต้องคอยติดตามต่อไปว่าจริงหรือไม่ค่ะ...เพราะตอนนี้ พี่ยังไม่ได้ข่าวการปลดนะค่ะ...แต่ถ้าเป็นเรื่องการไม่ต่อสัญญา ก็อาจเป็นเพราะต้นสังกัดไม่ได้ทำเรื่องเสนอกรอบอัตรากำลังเข้ากระมังค่ะ จึงทำให้พนักงานราชการไม่ได้ต่อ ข่าวเลยออกมาว่าปลดพนักงานราชการ...(พี่เพียงแต่คาดการณ์ว่าอย่างนี้นะค่ะ)...คือ ถ้าส่วนราชการใดไม่ได้ทำกรอบอัตรากำลังเข้าไป (กรอบอัตรากำลังจะกำหนด 4 ปี ต่อครั้ง)...มติ คพร.ก็ไม่สามารถอนุมัติกรอบอัตรากำลังได้ จึงทำให้ส่วนราชการไม่มีจำนวนอัตรากำลัง จะเกี่ยวโยงไปที่สำนักงบประมาณซึ่งเมื่อไม่มีกรอบอัตรากำลัง สำนักงบประมาณจะไม่สามารถตั้งอัตราค่าจ้างให้เบิกจ่ายมาในการจ้างพนักงานราชการได้ค่ะ...แบบนี้หรือเปล่าที่ข่าว นำไปลงว่าปลดพนักงานราชการ...ถ้าเป็นอย่างที่พี่พูด ก็แสดงว่าส่วนราชการอาจไม่ทราบในตอนแรกว่าต้องทำกรอบอัตรากำลังเข้าไป...เพราะสมัยก่อนส่วนราชการไม่ได้เคยทำกันเลยค่ะ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ที่รัฐเพิ่งจะให้ส่วนราชการดำเนินการกันเองค่ะ...ถ้าใครเข้าใจและสอบถาม คพร. ตลอดจะทราบค่ะว่าเมื่อถึงกำหนด คพร.จะมีหนังสือแจ้งมาให้ส่วนราชการจัดทำกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเข้าไปเมื่อขอมติ ครม.อนุมัติกรอบอัตรากำลังให้กับพนักงานราชการเป็นเหมือนการต่อสัญญาจ้างไงค่ะ 4 ปี ครั้งไง...สำหรับของ ม. พี่ก็จัดทำเข้าไป ก็ได้รับอนุมัติจาก ครม.ทุกครั้งค่ะ...

สวัสดีค่ะ...น้อง ๆ พนักงานราชการทุกท่าน...

พี่มีเรื่องที่ใช้เป็นข้อคิดสำหรับการดำรงชีวิต + ใช้เป็นข้อคิดในการทำงานให้กับทุกคนได้ตามบล็อกด้านล่างนี้ค่ะ...เรื่อง "การคิดเชิงบวก" (Positive Thinking)...

http://gotoknow.org/blog/bussayamas/401783

สงสัยจะกลัวความจริง กับระบบพนักงานราชการและบริษัทราชการในอนาคตแน่ๆ จึงลบกระทู้ของเสือไป ความจริงมันก็เป็นความจริงวัยยังค่ำแหละ

เมื่อไหร่ รัฐประเทศนี้ จะแก้กฎหมายให้เขื่อนเป็นแบบบริษัท ปตท.ซะที จะได้เข้าไปซื้อหุ้นได้ ถ้าทำได้ล่ะก็แกล้งทำไฟฟ้าดับบ้างติดบ้างแล้วก็ขึ้นค่าไฟ สะใจดีโว้ย แนวทางวางไว้แล้วบรรดาคนของรัฐเนี่ยต้องเป็นสภาพเป็นพนักงานเสียก่อนทุกอย่างอยู่ในกำมือ บริษัทราชการไม่หนีไปไหนแน่นอน ความจริงมันก็คือความจริง ซื้อขายเขื่อนในตลาดหุ้นให้สนุกไปเลย 5555555555555

ตอบ...หมายเลข 59-60...

ความจริง ก็คือ ความจริง ความจริง คือ รัฐจัดทำระบบของบุคลากรภาครัฐ คือ ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ พนักงานราชการ และพนักงานมหาวิทยาลัย ลูกจ้างชั่วคราว และนี่ก็คือ ความจริง แต่คุณต่างหาก ที่รับความจริงไม่ได้...ใช่ ความจริง ก็คือ ความจริงไงค่ะ...คุณเองก็ต้องยอมรับความจริงว่าระบบของบุคคลภาครัฐ นั้นคืออะไร...เราไม่ใช่เป็นผู้กำหนดนโยบายนี่ จะได้ทำอะไรตามสิ่งที่เราชอบ...เราคิด ประเทศไทยเป็นของคนส่วนรวม ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง...แค่คุณคิดก็ยังติดลบแล้ว...เหตุที่ลบ เพราะ ความคิดของคุณไม่สร้างสรรค์ค่ะ พี่เป็นเจ้าของบล็อก พี่มีสิทธิ์ลบ ถ้าความคิด ทำให้ผู้อื่นอ่านแล้วบิดเบือนไป ระบบพนักงานราชการจะเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่สมัยยุคทักษิณหรอกค่ะ ขอให้รู้จริง ๆ เขาปฏิรูประบบและลดอัตรากำลังมาตั้งแต่สมัยยุคชวน เมื่อปี 2535 แล้วละค่ะ...ขอให้รู้จริง ถ้ารู้ไม่จริงแล้วกรุณาอย่าโพสต์เข้ามา ทำให้คนอื่นเขาป่วนนะค่ะ...ไม่เช่นนั้น จะถูกลบกระทู้อีก...ให้ดูกระทู้คนอื่นด้วยว่าเขาแสดงความคิดเห็นอย่างไร...คุณต้องกลับไปทบทวนความคิดของคุณก่อนแล้วกัน...อย่าเที่ยวโทษนั่น โทษนี่ เลยค่ะ...คนเรา ถ้าคิดเชิงลบ ชีวิตก็ติดลบวันยังค่ำค่ะ...คนเราโตแล้ว มีการศึกษา ใช้การศึกษาให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ต่อบ้านเมืองสิค่ะ...มีหน้าที่ทำงานก็ทำไป บางครั้งจะเรียกร้องสิ่งใดที่อยู่นอกเหนืออำนาจของตัวเราไม่ได้หรอกค่ะ...เอาไว้เป็นผู้กำหนดนโยบายเองค่อยมาพูดกันดีกว่ามังค่ะ...

เสือก็ชื่นชมอาจารย์นะ ความเห็นของเสือที่ตั้งกระทู้ไปเนี่ย เจตนาต้องการจะสื่อให้เห็นว่าภาครัฐกำลังทำอาไรกับบุคลากรที่จะคุมบังเหียนรับผิดผลประโยชน์ของประเทศบ้าง เสือแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมา มันผิดตรงไหน ก็ดูที่เขาทำกันซิแทบจะไม่ต่างกับบริษัทเลย ที่ให้ความเห็นแบบนี้ ก็เผื่อว่าจะได้คิด ได้สดุดความคิดไว้บ้าง ไง บริษัทราชการในอนาคต มันจะเป็นจริงไหมปัจจุบันที่ทำกับระบบอยู่มันก็ชี้ชัดอยู่แล้ว แต่.. ถ้าสดุดคิดขึ้นมาได้ .... อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ จริงไหมจาร์ย

ตอบ...คุณเสือ...

เราคิดนะคิดได้นะค่ะ...แต่บางครั้ง ต้องมององค์รวมของประเทศด้วยค่ะว่า รัฐทำไปเพื่อใคร จริงอยู่ในปัจจุบันรัฐใช้ระบบราชการเปรียบเทียบกับบริษัท ซึ่งคือ บุคลากรในองค์กรไงค่ะ ระหว่างเอกชนกับราชการ ทำงานผิดกัน ผลงานที่ได้แตกต่างกัน โดยเฉพาะค่าตอบแทนก็แตกต่างกัน...สำหรับปัจจุบัน สำนักงาน ก.พ. ปรับเงินเดือนให้กับข้าราชการยุคใหม่แล้วตั้งแต่ 1 ต.ค. 2553 นี่คือ เฟสแรก ที่รัฐพยายามให้ค่าตอบแทนกับข้าราชการยุคใหม่เพื่อให้ได้รับเงินเดือนใกล้เคียงกับภาคเอกชน...และจะมีเฟส 2,3 ตามมา แต่...ก็ต้องแลกกับผลงานที่ต้องทำให้ได้ผลเทียบเคียงกับเอกชน (เหมือนที่คุณคิดนั่นแหล่ะค่ะ)...รัฐพยายามปรับปรุงระบบราชการไทยให้ข้าราชการทำงานกันอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งตอนนี้เป็นผลกระทบในการทำงาน ก็คือ ระบบพนักงานราชการ ซึ่งในอนาคต บอกแล้วไงว่า ระบบราชการ จะพยายามลดลง แล้วนำระบบพนักงานราชการมาใช้ ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ว่าจะเป็นอย่างที่พี่พูดหรือไม่ เอาไว้อีก 10 ปี ก่อนที่พี่จะเกษียณ แล้วเรามาวิเคราะห์กันอีกครั้งไหมค่ะว่า เป็นอย่างที่พี่พูดหรือไม่...รัฐพยายามทำให้ระบบของราชการดีขึ้นค่ะ...คุณไม่ได้อยู่ตรงเรื่องบุคลากรภาครัฐ คุณอาจจะไม่ทราบอะไรอีกหลายอย่าง ที่รัฐพยายามทำให้ระบบราชการไทยเกิดประสิทธิภาพนะค่ะ...มีองค์ประกอบมากมาย ซึ่งการจะทำในพริบตานั้น เป็นไปค่อนข้างยาก ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ ในอนาคต อาจจะมีเพียงระบบ พนักงานราชการ แทนระบบข้าราชการก็ได้...(ขอใช้คำว่า...อาจจะ นะค่ะ...แต่ในทางกลับกัน ถ้าข้าราชการพัฒนาตนเอง ปรับปรุงตนเองมากขึ้น ระบบนี้ อาจอยู่คู่กับระบบพนักงานราชการ ก็ได้ค่ะ สำหรับระบบลูกจ้างประจำ ก็จะหมดไปในอีก 30 ปี ข้างหน้าค่ะ) เห็นไหมค่ะ ว่ารัฐทำเพื่อให้ระบบราชการไทยดีขึ้นค่ะ...เพียงแต่ว่าระบบพนักงานราชการเพิ่งเกิดมาเมื่อ ปี พ.ศ. 2547 การที่จะทำเรื่องสวัสดิการ ความมั่นคงใด ๆ นั้น ต้องค่อยเป็นค่อยไปค่ะ เพราะจะติดด้วยสัญญาจ้าง

เหตุที่คุณบอกว่า ทำไมไม่ทำยาวถึง 60 ปี ก็เป็นเพราะว่า รัฐไม่ทำยาวหรอกค่ะ การทำยาวนั้น ดูอย่างระบบข้าราชการสิค่ะ เรียกว่า จ้างยาว 60 ปี พออายุราชการมากขึ้น ให้พัฒนาตนเอง ก็ไม่พัฒนา น้อง ๆ ถามอะไร ก็ไม่ค่อยบอก อ้างว่าไม่รู้ ไม่ทราบ รวมถึงการใช้จิตสำนึกในการบริหารงบประมาณอีก สารพัดเรื่อง...นี่ไง คือ ปัญหาที่รัฐต้องทำระบบพนักงานราชการขึ้นมาไงค่ะ ทำสัญญา 4 ปี ต่อครั้ง การที่หน่วยงานใด ไม่จ้างตามสัญญาจ้าง 4 ปี ต่อครั้ง เขาอาจไม่ทราบและรู้เรื่องระบบพนักงานราชการที่แท้จริงว่าทำอย่างไร จึงเกิดปัญหาไงค่ะ (ขึ้นอยู่กับหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเรื่องระบบพนักงานราชการของส่วนราชการนั้นแล้วละค่ะ ที่ต้องทราบให้ชัดเจนและปฏิบัติตามระเบียบที่มีไว้ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยรู้จิรง จึงทำให้ระบบไขว้เขว อย่างที่คุณเจอมาไงค่ะ)...แต่บางส่วนราชการก็ทำตามระเบียบนะค่ะ เขาก็โอ เค.

ความคิดเห็นของคุณไม่ผิดหรอกค่ะ...แต่ถ้าสงสัย หรือ ไม่ทราบ ทราบกันได้ แต่ไม่ควรใช้คำพูดที่รุนแรงนะค่ะ...พี่รู้และมีความหวังดี ไม่ว่าต่อข้าราชการ ลูกจ้างประจำ พนักงานราชการและพนักงานมหาวิทยาลัย หรือบุคลากรของรัฐทุกคน ตระหนักถึงในความเป็นมนุษย์และเห็นค่าของการเป็นมนุษย์ทุกคน อยากเหมือนกันที่จะให้ระบบเท่าเทียมกัน แต่ความจริงก็คือความจริง ว่า..."มันเป็นไปไม่ได้" ยกตัวอย่างเช่น นิ้วมือ นิ้วเท้าเรายังไม่เท่ากันเลยค่ะ แต่มีความสำคัญกันทุกนิ้ว...และในสังคมก็เช่นกัน ยังมีอะไรอีกมากมายที่ยังเหลื่อมล้ำกัน ไม่ใช่ระบบพนักงานราชการกับระบบข้าราชการเพียงอย่างเดียว แต่เราก็เข้าใจในนโยบาย กฎ ระเบียบ กฎเกณฑ์ กติกาไงค่ะ...ถ้าพี่ไม่ใส่ใจเพื่อที่จะให้พวกเราเข้าใจกันมากขึ้น พี่ก็ไม่ต้องตอบพวกเราก็ได้ตั้งแต่ต้น...

ความจริงพี่เขียนระบบราชการไทย ลูกจ้างประจำ พนักงานราชการไว้ในบล็อกหลายเรื่องอยู่นะค่ะ ลองศึกษาดูนะค่ะ พี่เพียงต้องการให้คุณเกิดความเข้าใจมากขึ้นกว่านี้นิดหนึ่ง จะได้รู้ว่าสิ่งที่คุณคิดนั้น คืออะไร? ค่ะ...

ขอเพียงให้รู้ว่า พี่ รัก และหวังดีต่อพวกเราทุกคนที่ทำงานให้กับภาครัฐค่ะ...อย่างที่บอกว่า บางครั้ง อำนาจที่อยู่นอกเหนือตัวเราที่จะควบคุม เราก็ไม่สามารถที่จะมันขึ้นมาเองได้...เอาไว้อีก 10 ปี ค่อยมาพูดเรื่องว่า รัฐจะมีการเปลี่ยนแปลงให้กับระบบราชการกับพนักงานราชการได้มากน้อยแค่ไหน ดีกว่าไหมค่ะ...เพราะในตอนนี้ เราทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ นอกจากเรามีหน้าที่ ก็คือ ต้องทำตามหน้าที่ที่เราได้ทำค่ะ...ขอบคุณค่ะ...

เสืออ่านกระทู้ของอาจาร์ยพอสมควรแล้ว ที่เสือให้ความเห็นในเรื่องอายุเกษียณที่หกสิบเนี่ย ไม่ใช่เรื่องประสิทธิภาพการทำงานนะจาร์ย เพราะปัจจุบันนี้มันมีระบบประเมินออกอยู่แล้วประเมินไม่ผ่าน 2 ติดก็ต้องออก ทั้งข้าราชและพนักงานแหละ ประเด็นมันอยู่ที่ การจ้างงานของรัฐตะหาก .... ข้าราชเป็นการจ้างแบบตลอดชีพ ดังนั้น การให้ความเห็นในกฎระเบียบการบริหารประเทศจึงซัดกันอย่างเถรตรงได้ ..... แต่ถ้าจ้างแบบพนักงานราชการ ความกล้าหาญเถรตรงซัดเป็นซัดกับเรื่องชั่วๆแบบนั้นกับกลุ่มบุคคลในอำนาจมืออ่ะ จะกล้าเหรอ .... เสือเห็นจุดบกพร่องของระบบก็ตรงนี้แหละ

....... ส่วนเรื่องสวัสดิการน๊ะ ใช้สิทธิประกันสังคมแบบปัจจุบันนี้แหละดีแล้ว เป็นการลดภาระด้านงบประมาณของรัฐอีกทางหนึ่ง และที่สำคัญ พนักงานราชการ ฐานเงินเดือนสูงกว่า ....... อันนี้เสือเห็นด้วย

//// นี่เป็นความเห็นของเสือ //// และเสือก็เห็นว่าอาจาร์ยก็เปป็นบุคคลที่ประสานงานเรื่องต่างๆได้ข้อมูลดี จึงกล้าแสดความเห็น

ก็ขอบคุณอาจราย์ ที่ให้ความรู้

ตอบ...คุณเสือ...

พี่ก็ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับกลุ่มบุคคลอำนาจในมือนะค่ะ...เพราะที่รู้ ๆ ในปัจจุบัน อำนาจเป็นเพียงตามโครงสร้างนะค่ะ และอีกอย่าง กพร. สมศ. ก็ตามประกบตรวจสอบอยู่...สำหรับกฎ ระเบียบในการบริหารประเทศ ปัจจุบันก็จะเป็นลักษณะของส่วนกลางทำลงไป และก็จะมี Stakeholder คือ ผู้ปฏิบัติ + หัวหน้าส่วนราชการ + ตัวพนักงานราชการ เข้าร่วมอยู่แล้วนี่ค่ะ...อยู่ที่การทำประชาพิจารณ์ว่าจะทุกคนหรือใช้ตัวแทนในการทำค่ะ...เพราะการทำงานภาครัฐปัจจุบันก็จะให้ถึงผู้มีส่วนร่วมในการใช้กฎ ระเบียบอยู่แล้วนี่ค่ะ...สำหรับตอนนี้ คงอยู่ที่กระบวนการที่ 2,3 จะต้องเข้าร่วมเกี่ยวกับการทำระเบียบของพนักงานราชการในการต่อสัญญาค่ะ...เนื่องจากการบริหารงานภาครัฐแนวใหม่ จะเป็นไปตามยุทธศาสตร์ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่ต้องใช้ระเบียบและปฏิบัติตามระเบียบค่ะ...ต้องคอยดูต่อไปนะค่ะ ว่าผลจะเป็นอย่างไร...แต่ที่แล้ว ๆ มา เมื่อ 5 ปี ที่แล้ว คงไม่มี เพราะรัฐเพิ่งเริ่มทำแบบจริงจังมาประมาณ 1-2 ปี นี้เองค่ะ...เนื่องจากเป็นช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการภาครัฐค่ะ...ที่พี่บอกมาข้างต้น ใช่ที่คุณพูดหรือไม่...

โทษนะอาจาร์ย เสือพิมพ์ผิดอ่ะ ไม่ใช่อำนาจมือหรอก เป็นอำนาจมืดตะหาก ที่เห็นกันในระบบนะมันเป็นอำนาจตามโคร้างของกฎหมายด้านสว่างเท่านั้นแหละ ..... เสือหมายถึงการถูกแทรกแซงจากอำนาจด้านมืดของกลุ่มบุคคลที่จะอาศัยบุคลากรภาครัฐเป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ของชาติอ่ะน๊ะ แน่นอนว่าหากเป็นข้าราช ย่อมซัดอย่างตรงไปตรงมากับกลุ่มบุคคลในอำนาจมืดนี้ โดยไม่ต้องเกรงกับอนาคตการทำงานของตน ... แต่ถ้าจ้างแบบพนักงานราชการ การที่จะทำอย่างตรงไปตรงมาอย่างข้าราชนี้ เตรียมตัวเจ็บตัวไปได้เลย ....

// เสือจึงเห็นว่าไหนๆก็ต้องจ้างต่อเนื่องอยู่แล้ว จึงควรที่มีอายุเกษียณมากกว่า // และอีกอย่าง หากในช่วงการจ้างงาน พนักงานราชการทำงานไร้ประสิทธิภาพก็ประเมินออกได้ หรือแม้แต่ว่า หากช่วงเวลาใดรัฐเกิดวิกฤติทางการเงินการคลังพนักงานราชการก็ออกจากงานโดยไม่มีความผิดก็ได้เข้ากับหลักเกณฑ์ความยืดหยุ่นการจ้างงานทุกอย่าง แต่กรณีที่ใช้อยู่ปัจจุบันนี้ หากหน่วยงานไม่จ้างต่อตอนครบสัญญาจ้างล่ะก็ พนักงานราชการก็ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามประกาศเลย ผลมันเท่ากับ การออกประกาศมามันไม่สอบรับกับข้อเท็จจริงที่มีอยู่ // เสือจึงเสนอความเห็นในประเด็นนี้ ก็ขอให้อาจาร์ยให้ความรู้กับเสือในประเด็นนี้ด้วย

ตอบ...หมายเลข 66...

การต่อสัญญาจ้าง จากเดิมต่อ 4 ปี 1 ครั้ง...แต่ที่ทราบมาประมาณปี 2556 อาจมีการปรับเปลี่ยนเป็น 4 ปี, 8 ปี หรือ 12 ปี ที่กำลังทำประชาพิจารย์กันอยู่นี่ค่ะ...คงต้องค่อยเป็นค่อยไปกระมัง เพราะในระเบียบ พ.ศ. 2547 จะให้คำนิยามว่าเป็นการทำตามสัญญาจ้าง ความจริง ข้าราชการไม่ใช่จ้างด้วยสัญญาจ้างนะค่ะ ไม่มีระบุไว้ในระเบียบข้าราชการพลเรือน ตั้งแต่ปี 2518 (ยกเลิก) และต่อมาก็ 2535 (ยกเลิก) จนมาถึงปัจจุบัน 2551 ซึ่งเป็นการจ้างในระยะยาว ที่พี่ถึงชี้จุดนี้ไงค่ะ...แต่สำหรับระเบียบพนักงานราชการ จะว่าด้วยกฎหมายการทำสัญญาจ้าง ซึ่งมีกฎหมายแรงงานเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงต้องทำเป็นช่วง ๆ ไว้ แต่ในความเห็นของพี่ รัฐก็พยายามจะจ้างให้ต่อเนื่อง เพราะงานส่วนใหญ่ที่เราทำก็เป็นงานหลักกันอยู่แล้ว ในเมื่อข้าราชการเกษียณแล้วก็ไม่ได้อัตรามาแทน แต่ได้เป็นพนักงานราชการมาแทน ก็น่าจะปรับขยายการทำสัญญาให้...แต่พี่ถึงบอกก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป รัฐก็คงไม่ได้นิ่งนอนใจหรอกค่ะ คงกำลังทำให้อยู่นี่ไง ปี 2556 คงทราบกันค่ะ ว่า จะต่อสัญญากันได้กี่ปีในลักษณะต่อเนื่อง

การต่อยาวถึงเกษียณ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่รัฐคงเกรงว่าจะเหมือนข้าราชการและลูกจ้างประจำกระมังที่ทำยาวแล้ว ถึงมีการประเมินผล 2 ปี ก็จริง แต่ครั้งจะเอาออกจริง ๆ ตั้งแต่บรรจุมา ถ้าเขาไม่มีความผิด ก็ไม่เห็นส่วนราชการใดเอาออกจากราชการได้เลยค่ะ (รัฐคงเกรงตรงจุดนี้ ที่ถ้าทำให้พนักงานราชการและก็จะเหมือนเดิม ไม่มีการพัฒนาตนเอง)...แต่มาคิดอีกที สมัยก่อนไม่มีเทคโนโลยี เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แฟกซ์ ฯลฯ ที่ทันสมัยแบบนี้ โดยเฉพาะ Internet จึงทำให้พวกเขาเหล่านั้นทำไม่เป็น ไม่สันทัดและก็สร้างนิสัยที่ไม่รักการพัฒนาตนเองด้วย เลยไปกันใหญ่...ซึ่งไม่เหมือนในยุคปัจจุบัน...แต่ปัจจุบันก็มีข้าราชการ + ลูกจ้างประจำ ก็หันมาช่วยเหลือตนเองด้วยการเรียนรู้เทคโนโลยีหรือเครื่องคอม Internet กันมากขึ้น พวกเขาก็คงได้รับการพัฒนามากขึ้น เรียกว่า อาจดีขึ้นกว่าเดิมก็ว่าได้ แต่ต้องอาศัยเวลาเข้าช่วยนะ...จะให้เก่งเหมือนเด็กรุ่นใหม่คงไม่ได้ เพราะในอดีตเขาไม่เคยทำเลย ยิ่งพอแก่ตัวลง เขาก็เริ่มอ่อนล้าด้วยหลายประการ อาจเป็นเพราะสังขารที่ไม่ต้องการรับรู้อะไรด้วยแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่...

การต่อสัญญา คงค่อยเป็นค่อยไป ถ้าปรับจาก 4 ปี เป็น 12 ปี พี่ก็ว่ายังโอ เค นะ ...ถ้าพวกเราปฏิบัติงานดี พี่ว่ารัฐก็คงดูแลตรงนี้ให้ ไม่แน่ก็อาจขยายเวลาการต่อสัญญาเพิ่มให้อีกก็ได้...เป็นเรื่องของอนาคต เรายังไม่ทราบ ถึงบอกให้ต้องใจเย็น ๆ ไงค่ะ...เพราะรัฐถือว่าอัตราของพนักงานราชการ จากที่มาหรือเจตนารมย์เดิมนั้น มาจากลูกจ้างประจำ + ลูกจ้างชั่วคราวไงค่ะ...ก็เป็นเรื่องที่พูดยาก...บางครั้งมันไม่ใช่อำนาจมืดหรอก แต่เป็นเพราะระบบศักดินาเดิม ๆ ของข้าราชการที่มีมาเกือบ 100 ปี แล้วไง...พอจะปรับเปลี่ยนก็ดูกระไร เลยต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไปค่ะ...

และการที่จะได้รับสิทธิค่าชดเชยนั้น หมายถึง ส่วนราชการไม่จ้าง แต่ก็จะไปจังจังหวะที่เราหมดสัญญาพอดี แล้วไม่จ่ายค่าตอบแทน ก็ดูเหมือนทำระเบียบเพื่อเข้าข้างส่วนราชการ พี่ก็เข้าใจอยู่...ก็ลองดูว่าถ้ารัฐมีการปรับเปลี่ยนระเบียบโดยการทำประชาพิจารย์อีก ก็ต้องเสนอแนวคิดให้รัฐทบทวนดูว่าจะสามารถเปลี่ยนได้หรือไม่ค่ะ...

ขอบคุณอาจาร์ยที่ให้ความรู้ รัฐก็ยังงี้แหละวิธีการจ้างบุคลากรภาครัฐเนี่ยมันหลากหลายจริงๆ ตลอดชีพก็ได้ สัญญาจ้างก็ได้ จะโครงการก็ได้ 5555 สนุกดี ศักดินาสมัยเนี่ยมันหมดไปแล้ว เด๋วเนี่ยมันเป็นศักดิคาร์แล้วแหละ มากน้อยขนาดไหนก็แล้วแต่จะเลือกมีมากมายหลายรุ่น หลายยี่ห้อด้วย ฮาๆๆๆๆๆๆ

ตอบ...คุณเสือ...

ในฐานะที่พี่เป็นข้าราชการ จะไม่ขอวิจารย์การทำงานภาครัฐก็แล้วกันนะค่ะ...เอาเป็นว่ามีข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับพนักงานราชการ พี่จะนำมาแจ้งให้ทราบก็แล้วกันนะค่ะ...ขอบคุณค่ะ...

อาจารย์เหนื่อยไหมครับกับคำถามที่เกี่ยวกับพนักงานราชการที่แต่ละคนถามกันก็แนวคำถามเดียวกันหมดผมเคารพกับความอดทนของอาจารย์ที่ตอบคำถามทุกคนด้วยเหตุผลที่ใจเย็นมากๆๆผมว่าคนอื่นที่เจอคำถามอย่างนี้คงไม่เป็นอย่างอาจารย์แน่และไม่มานั่งตอบทุกคำถามหรอก..

ตอบ...คุณ amnat...

  • Ico32...ค่ะ  บอกแล้วไงค่ะ  การเป็นข้าราชการไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ...ต้องอดทนค่ะ...
  • แต่เข้าใจความรู้สึกของทุกคนที่โพสต์เข้ามาถามนะค่ะ...ไม่เป็นไรค่ะ...ถ้าตอบได้ พี่ก็จะตอบให้ค่ะ...เพราะก็คิดว่า ถ้าเขาทราบเขาก็คงไม่มาถาม...
  • แต่ในบางครั้ง งานพี่ก็เยอะมาก ๆ ...แต่ก็ต้องอดทน ถือว่าเราต้องการให้น้อง ๆ รุ่นใหม่ เข้าใจ ก็ตอบให้ได้ค่ะ...เพียงขอให้เข้าใจ มีเหตุมีผล เพราะการทำงานราชการจริง ๆ แล้ว ต้องมีเหตุมีผลต่อกันค่ะ...ห้ามเด็ดขาด ห้ามนำความรู้สึกมาทำงานราชการค่ะ เพราะจะทำให้ส่วนราชการเสียหาย...
  • ค่ะ ก็ยินดีที่จะตอบให้ค่ะ...ถ้าว่างจากงานนะค่ะ...เป็นการช่วยราชการและงานสังคมอีกทางหนึ่ง เพราะพี่ทราบว่า ในช่วงนี้ เป็นช่วงที่บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงมาก ๆ เลยค่ะ...เข้าใจความรู้สึกของทุก ๆ ฝ่ายค่ะ...
  • ก็ขอทำเท่าที่กำลัง + แรง ของพี่ก็แล้วกันนะค่ะ...
  • ขอบคุณค่ะ...

พนักงานราชการคือคนของรัฐ..ชั้นที่3..ชั้น1ข้าราชการ..ชั้น2ลูกจ้างประจำ..ชั้น4ลูกจ้างชั่วคราว..ชั้น5ลูกจ้างรายวัน...ดีกว่าชั้น4ชั้น5...เราต้องยอมรับสภาพความเป็นจริง..ยอมรับกฏเกณฑ์ของระบบราชการไทยที่ปฎิบัติกันมาช้านาน.ไม่มีประเทศไหนในโลกนี้ที่ไม่มีระบบชนชั้น..เพราะฉนั้นอย่าเรียกร้องอะไรมากมายไม่ตกงานก็บุญเเล้ว..เงินเดือนน้อยก็กินน้อย..หารายได้เสริม..ไม่มีรถยนต์ก็ขี่มอเตอร์ไซด์ไปก่อน..เห็นช้างขี้อย่าขี้ตามช้าง..อย่าไปเอาเเบบอย่างข้าราชการ..เขามีปัญญากว่าเรา.ค่าตอบเเทนสูง...กว่าจะสอบเป็นข้าราชการได้ต้องเเข่งขันกับคนกี่หมื่นกี่เเสน...จงทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเเละตระหนักเสมอว่าเราคือส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวหน้าต่อไปขอเพียงอย่าให้พวกเราต้องตกงานตอนอายุมากก็พอใจเเล้ว..

ตอบ...หมายเลข 72...

  • ขอบคุณที่เข้าใจ เพราะความจริง ก็คล้าย ๆ กับที่คุณเข้าใจ
  • ก็ลองอ่านวิวัฒนาการของข้าราชการไทยที่ผู้เขียนได้เขียนมาก็ได้
  • เพียงแต่ผู้เขียนไม่ขอวิจารณ์ค่ะ เพราะเป็นข้าราชการเหมือนกัน
  • แต่ข้าราชการก็ไม่ใช่จะเหมือนกันทุกคนนะค่ะ...เพียงแต่ปัจจุบันเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลง ก็คงต้องใช้เวลาอีกนานกระมังที่จะทำให้ข้าราชการทุกคนเข้าใจบริบทของตนเองได้ เพราะในปัจจุบันเป็นเรื่องของการทำงานด้วยการวัดผลงาน + การให้บริการต่อประชาชน สุดท้ายที่หวังคือ ประชาชนมีความสุข
  • แต่ความจริง นั้น ก็เป็นเช่นที่คุณเห็น...
  • ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มของพนักงานราชการที่ คนที่เกิดทุกข์มาก่อนนั่นคือ กลุ่มของลูกจ้างประจำ ๆ บางคนก็ดี บางคนก็ไม่ดี ปะปนกันค่ะ แต่ก็โดนข้าราชการบางคนกระทำเหมือนกัน ไม่ใช่กลุ่มพนักงานราชการอย่างเดียว  เป็นเพราะว่าเดิมระบบราชการเป็นระบบศักดินาไงค่ะ มันจึงผสมผสานมาถึงทุกวันนี้
  • แต่ผู้เขียนก็ขอยืนยันว่า ตั้งแต่ผู้เขียนเริ่มบรรจุรับราชการมาเกือบ 25 ปี แล้ว และมาถึงปัจจุบันก็เห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นนะค่ะ  ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่มากค่ะ คงต้องอาศัยระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ค่ะ ว่าจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่
  • ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทำงานต่อไปนะค่ะ...ปัจจุบันรัฐถึงต้องลดอัตราข้าราชการให้ลดลงไงค่ะ โดยปรับให้มาเป็นพนักงานราชการ สำหรับอนาคตอยู่ที่ว่าข้าราชการจะหมดไปหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐในแต่ละยุคค่ะ...(ถ้าไม่ลดอัตราข้าราชการ รัฐต้องผลักดันให้ข้าราชการมีจิตสำนึกในการรู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเองให้มากกว่านี้ค่ะ)...โดยทำหน้าที่ให้สมกับเงินเดือนที่รัฐให้ + สวัสดิการด้านต่าง ๆ ที่ตนเองได้ + รู้จักบทบาทของตนเองให้มากขึ้นกว่านี้ เพราะข้าราชการไม่ใช่จ้าวคนนายคน  แต่เป็นคนที่ทำงานให้กับแผ่นดิน มีหน้าที่บริการประชาชนค่ะ...
  • เป็นกำลังใจให้ก็แล้วกันค่ะ... 

เรียนถามอาจาร์ยค่ะว่า เมื่อไหร่จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการอีกค่ะ

ตอบ...คุณหนูนา...

  • ขณะนี้ พี่ก็ยังไม่ได้ข่าวเหมือนกันค่ะ...แต่ถ้าทราบเมื่อใดจะนำมาแจ้งให้ทราบนะค่ะ...

อาจาร์ยหวาดดี ตกลงแล้ว พรก. จะได้เงินเพิ่มห้าเปอร์เซ็นตอนสิ้นเดือนเมษาเหมือนข้าราชไม๊อ่ะ แล้วจะมีอาไรที่เป็นคุณหรือเป็นโทษกับ พรก.อีกไหม รบกวนอาจาร์ยตอบด้วย

ตอบ...คุณเสือ...

  • ถ้าตามข้อมูลเดิมนะค่ะ...ข้าราชการได้ ...ลูกจ้างประจำได้ ก็จะทำให้พนักงานราชการได้เหมือนกันค่ะ...แต่ไม่ขอบอกว่าในครั้งนี้...พี่ขอใช้ คำว่า "น่าจะ" นะค่ะ...เพราะทุกครั้งก็ได้เหมือนกัน ไม่มีครั้งไหนที่จะไม่ได้ค่ะ...(งบประมาณก็ใช้งบประมาณบุคลากรเหมือนกันนี่ค่ะ...ไม่น่าว่าจะไม่ได้หรอกค่ะ...)
  • เอาไว้ถ้าพี่ทราบข่าวแน่ชัด จะนำมาแจ้งให้ก็แล้วกันนะค่ะ...
  • ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ตอนนี้...ตั้งใจทำงานนะค่ะ...และหมั่นพัฒนาตนเอง + สะสมประสบการณ์ของเราเองด้วยนะค่ะ... 

ขอบคุณครับจาร์ย เสือไม่ไปไหนหรอกเสือทำงานอยู่บ้านนี้แหละดีแล้ว

ถามเผื่อloverครับจาร์ย ไงก็ขอบคุณครับ

ตอบ...คุณเสือ...

  • ค่ะ...ขอบคุณค่ะ...
  • มีข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับพนักงานราชการ พี่ก็จะนำมาแจ้งให้ทราบกันค่ะ...

อาจารย์ครับทุกวันนี้ก็พัฒนาตัวเองจนไม่รู้จะพัฒนาอะไรอีกทำงานเป็นทุกอย่างตั้งเเต่นักการยันผู้อำนวยการ..เงินเดือนก็ขึ้นช้ามาก5ปีกว่าเงินเดือนขึ้น1000กว่าบาทฐานเงินเดือนตั้งไว้สามหมื่นกว่า(ชั้นบริหารงานทั่วไป).ค่าใช้จ่ายเดือนชนเดือนบางเดือนติดลบทั้งที่ประหยัดสุดๆภาระมันเยอะข้าวของมันก็เเพง..ลูกไปโรงเรียนค่าข้าว+ขนมค่าเทอมค่าใช้จ่ายประจำวันอีก..ทำไมเขาไม่เกลี่ยๆความเสมอภาคมาให้เราบ้างทั้งๆที่ทำงานอย่างไม่เคยบกพร่อง..คนเราไม่ใช้วัดกันที่การสอบบรรจุ คนที่เป็นข้าราชการทำงานไม่เป็นก็มี..มีให้เห็นทุกหน่วยงาน..ต้องให้ลูกจ้างชั่วคราวสอน..สวัสดิการค่าตอบเเทนกห่างกันเยอะมาก..ขอบคุณมากอาจารย์ที่ให้เเสดงความคิดเห็น..

ตอบ...หมายเลข 81...

  • พี่ก็ไม่ทราบว่าหน่วยงานของคุณคิด% ให้กับคุณเช่นไร เพราะรัฐทำ% ไว้ให้ 3,4,5 % ...มันก็เป็นเรื่องที่พูดยากนะค่ะ...คุณอาจไปอยู่ที่ส่วนราชการเรียกว่า ไม่เข้าใจในงานก็ได้ เรียกว่า โชคไม่ดี เพราะส่วนราชการแต่ละส่วนก็ใช่ว่าจะเหมือนกัน บางส่วนราชการเขาก็ดี ดูแลลูกน้อง ดูแลเพื่อนร่วมงาน คุณอาจได้% ในแต่ละปี เพียง 3 % ก็ได้ จึงทำให้ค่าตอบแทนขึ้นช้าไงค่ะ...
  • การเงินเพียง 3 % ก็มีการให้คะแนนผลงาน แสดงว่าคุณมีผลงานไม่ค่อยเข้าตา ถ้าผลงานเข้าตา คือ 5 % ค่ะ...ค่าตอบแทนก็จะอัพขึ้นมากหน่อย...แต่เขาก็ต้องให้คุณเซ็นต์รับทราบในแต่ละปีอยู่แล้วนี่...ก็แสดงว่าคุณยอมรับในผลงานของคุณ...เมื่อสงสัยแล้วทำไมไม่ถามหัวหน้าส่วนราชการละค่ะ...จะได้เคลียร์...มัวเก็บไว้ในใจก็ทุกข์อยู่คนเดียว...
  • การสอบบรรจุ เป็นกระบวนการที่คัดสรรคนเข้าทำงานค่ะ ไม่ใช่ว่าเก่งหรือทำงานเป็น...แต่เป็นกระบวนการคัดเลือกค่ะ...ไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้รัฐต้องคัดสรรคนเข้าทำงานได้นอกจากวิธีหรอกค่ะ...เพราะถ้าไม่สอบบรรจุ แล้วคุณจะให้รัฐทำอย่างไรละค่ะ ถึงจะให้รัฐสามารถเลือกคนได้...บางคนเป็นข้าราชการที่ไม่คิดสร้างสรรค์งานก็มี บางคนทำงานคิดงานเก่ง ทำงานเก่งก็มีเยอะค่ะ...บางคนเมื่อสอบเข้าเป็นข้าราชการแล้ว ไม่ใส่ใจ ไม่พัฒนาก็มีเยอะค่ะ...
  • คุณต้องเข้าใจระบบ...ระบบก็คือระบบ...เราไม่อาจนำมาเปรียบเทียบให้เท่ากันหรอกค่ะ...รัฐมีให้เลือกหลากหลายระบบค่ะ เช่น ระบบข้าราชการ ระบบลูกจ้างประจำ ระบบพนักงานราชการ ระบบพนักงานมหาวิทยาลัย ระบบลูกจ้างชั่วคราว ฯ
  • ถ้าคุณไม่พอใจก็ไปสอบในระบบที่คุณพึงพอใจสิค่ะ...เราเลือกได้ แต่เราจะเลือกให้รัฐทำใจเราไม่ได้หรอกค่ะ...

อาจารย์ครับพนักงานราชการอนาคตถ้าอายุครบ60ปีจะมีเงินชดเชยให้ยามชราภาพไหมครับ..หรือว่าได้เเค่ประกันสังคม..มันน่าจะมีนะอาจารย์..ทำงานมาค่อนชีวิต..

ขอต่อหมายเลข81เงินเดือนเหมือนกันหมดไม่ใครได้เยอะกว่านี้เลย..อาจารย์..

อาจารย์ครับเปลี่ยนสัญญาจาก4ปีเป็น12ปีบางคนเกษียณพอดี..ดีมากเลยอาจารย์ธนาคารคงให้กู้วงเงินสูงหน่อย..จะได้มีบ้านหลังเล็กๆอยู่สักหลัง..

ตอบ...หมายเลข 83...

  • ความจริงแล้ว ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับบุคคล ในการทำงานไม่ว่าจะเป็นบริษัท เอกชน เขาก็จะทำให้ค่ะ...เรียกว่า "กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ" ซึ่ง ตอนนี้ของ ม. ก็เริ่มจะดำเนินการให้กับพนักงานมหาวิทยาลัย คือ จะได้เงินก้อนนี้ในยามที่เกษียณอายุราชการไป ในกระบวนการ คือ หักเงินค่าจ้างจากลูกจ้าง เช่น 5 % นายจ้างก็ต้องจ่าย 5 % ด้วย เพื่อนำไปสมทบให้ตอนเกษียณอายุ ไงค่ะ...(เป็นข้อปัญหาว่าแล้วส่วนราชการล่ะไปเอาเงินมาจากที่ไหน ถ้าเป็นบริษัท เอกชน เขาจะเอาเงินมาจากผลกำไร...แต่รัฐไม่มีผลกำไรเลยค่ะ...นอกจากเงินงบประมาณ...สำหรับเงินงบประมาณก็มีน้อยเหลือเกิน)...แต่ปัจจุบันรัฐยังไม่ได้ดำเนินการให้ในส่วนนี้ค่ะ คงอาจต้องรอสักระยะหนึ่ง...แต่ถ้ามีแบบสอบถามมายังพี่ พี่จะแจ้งให้ คพร. ทราบก็แล้วกันนะค่ะ...
  • สำหรับข้าราชการ ก็คือ กบข. ไงค่ะ...แต่กว่าจะได้เป็นสมาชิก ก็เพิ่งจะเริ่มทำกันปี 2540 เองค่ะ...แต่ก็ยังดีที่ได้ทำ ไม่เช่นนั้น ได้แค่บำเหน็จ บำนาญเองค่ะ...
  • พวกเราอาจต้องรอเวลาสักนิดหนึ่งนะค่ะ พี่คิดว่ารัฐคงจะทำให้ค่ะ...แต่คงจะอยู่ในช่วงศึกษาเรื่องทั้งหมดก่อนกระมังค่ะ...เพราะพนักงานราชการ ปัจจุบันมี ประมาณ แสนกว่าคนค่ะ...
  • ก็หวังว่าคงรอรับฟังข่าวดีก็แล้วกันนะค่ะ...แต่ปัจจุบันคงต้องรอค่ะ...จะทำอะไรให้ได้ดั่งใจเราไม่ได้หรอกค่ะ...

ตอบ...หมายเลข 84...

  • ก็แปลกดีนะค่ะ...เพราะที่ ม. ของพี่ พนักงานราชการเรียกว่าทุกคน ทำงาน โอ เค ค่ะ ผลงานที่ได้ เราก็ให้ 5 % แถมบางคนได้ค่าตอบแทนพิเศษ อีก 3 % (โควต้าไม่เกิน 15 %) ด้วยค่ะ...เหตุที่ทุกคนได้รับเท่ากัน ในส่วนหลัง คือ ค่าตอบแทนพิเศษ จำนวนรวม อาจไม่ถึง 10 คน หรือเปล่าค่ะ คือ ถ้า 10 คน ได้ 1.5  หรือเท่ากับ 2 คน ค่ะ...สำหรับส่วนแรก ทำไมได้น้อยจัง น่าจะประมาณ 3 % แน่ ๆ เลย ทำให้ได้รับค่าตอบแทนน้อย...
  • ถ้าไงลองถามหัวหน้าส่วนราชการดูสิค่ะ... เพราะข้าราชการ เดิม เขาจะได้ก็ประมาณ 2,3,4 % กันค่ะ เช่น 0.5 ขั้น, 1 ขั้น, 2 ขั้น ตามลำดับค่ะ... ต่อครึ่งปีค่ะ...

ตอบ...หมายเลข 85...

  • ค่ะ พี่ก็หวังว่าเช่นนั้น ถ้าเปลี่ยนได้ เพราะทราบว่าปัจจุบันพนักงานราชการไม่มีความมั่นคงกันค่ะ...แต่ก็ต้องรอฟังผลนะค่ะ...เพราะตามแบบสอบถาม คพร. ถามว่าจะให้กี่ปี คือ 6,8,12 ปี ค่ะ...ก็รอฟังผลก็แล้วกันนะค่ะ...
  • นกน้อยทำรังแต่พอตัวนะค่ะ...ถ้าไม่อยากเป็นทุกข์ใจภายหลังค่ะ...แค่พอเพียงก็พอแล้วค่ะ ทำเท่าที่กำลังของเราที่จะทำได้นะค่ะ...

เงินเดือนที่ว่าของกรมอุทยานครับอาจารย์..เพื่อนที่ทำงานในจังหวัดเดียวกันได้เท่ากันหมด..คงจะเหมือนกันทั้งประเทศนะอาจารย์..เเต่ไม่มีใครสอบถามกันทำงาน5ปีกว่าเงินเดือนขึ้นพันกว่าบาท..ก็เคยถามอาจารย์ว่าเงินเต็มเพดาน30500บาทสำหรับชั้นบริหารทั่วไป.หรือว่าเขาตั้งให้มันดูดีเฉยๆ..คำนวณดูเเล้วทำงาน20ปียังไม่ถึงเลย..ทุกคนที่ทำงานก็ทราบดีเเต่ไม่จะไปเรียกที่ไหนเดี๋ยวก็ว่าเรื่องมากอีกได้เเค่นี้ก็บุญโขเเล้ว..ก็ได้เเต่ก้มหน้าก้มตาทำงานไป..ก็ขอฝากอาจารย์ช่วยพวกเราด้วยนะครับ.ขอบคุณครับอาจารย์

ตอบ...หมายเลข 89...

  • เอ...ถ้าทั้งจังหวัด มีพนักงานราชการประมาณเท่าไรค่ะ ไม่น่าได้เท่ากันนะค่ะ...ผลงานแต่ละคน ไม่น่าเท่ากัน แถมเท่ากันแล้วได้น้อยอีก ให้ดูคำสั่งที่เขาสั่งให้เราได้สิค่ะ จะทราบว่าได้กี่ % พี่คงเข้าไปก้าวก่ายไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเป็นคนละส่วนราชการ แต่ใช้ Benchmarking (การเทียบเคียงกันไงค่ะ) ให้เขาดูในหน่วยงานอื่นก็ได้ ว่า เขาทำกันอย่างไร สำหรับที่ ม.ของพี่ ประมาณ 3 - 4 ปี ก็ได้กันประมาณ พันกว่าแล้วค่ะ (เพราะปีแรกที่ทดลอง ก็จะไม่ได้รับค่าตอบแทนค่ะ)...บวกด้วยค่าตอบแทนพิเศษ ถ้าปีไหนได้ก็จะได้ค่ะ แต่ได้เพียงปีนั้นปีเดียวนะค่ะ เฉพาะค่าตอบแทนพิเศษ...น่าเห็นใจนะค่ะ ลองให้พวกพี่ ๆ สอบถามหรือหารือกับหัวหน้าส่วนราชการให้ก็ได้ค่ะ ให้ศึกษาหลักเกณฑ์หรือระเบียบให้ดี ๆ ค่ะ หรือเทียบกับข้าราชการที่เคยเป็นซีในสมัยก่อนก็ได้ค่ะ...ลองดูนะค่ะ...
  • ขั้นสูงสุด นั้น ไม่ใช่ตั้งให้ดูดีหรอกค่ะ...ขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติของส่วนราชการค่ะ...ของพี่ พวกน้อง ๆ พนักงานราชการ เขาก็ไปกันได้หลายตังค์อยู่ค่ะ...

อ.ครับอยากให้ประกันสังคมทำระบบจ่ายตรงเหมือนข้าราชการจะต้องไม่ควักเงินจ่ายเพราะเงินไม่ค่อยจะเหลือเงินเดือนน้อยภาระเยอะ..คราวก่อนผมไปถอนฟันที่โรงพยาบาลประจำอำเภอจ่ายไป400บาทให้เอาใบเสร็จไปเบิกคืนที่ศาลากลางจังหวัด(สำนักงานประกันสังคม)..ห่างจากอำเภอที่ผมอยู่80กิโลเมตร..ค่าเดินทางไปกลับค่ากิน..มันไม่คุมเลย..อาจารย์ถ้าอาจารย์ประชุมขอความกรุณาอาจารย์เสนอเรื่องนี้ด้วยนะครับอาจารย์...ขอบคุณครับอาจารย์

ตอบ...หมายเลข 91...

  • ค่ะ ตอนนี้คงต้องลำบากนิดหนึ่งนะค่ะ ถ้ามีระบบออนไลน์ก็คงใช้เหมือนระบบจ่ายตรงของข้าราชการนะค่ะ...ผู้เขียนก็เข้าใจสภาพนะค่ะ ถ้ามีโอกาสจะนำไปแจ้งให้ทราบค่ะ...ถ้าคุณมีโอกาส ลองสอบถามหรือปรึกษาประกันสังคมจังหวัดดูด้วยนะค่ะ ว่าจะทำได้หรือไม่...

อาจารย์ ครับที่โรงรียน ที่ผมทำงานมีการต่อสัญญา ปีต่อปีทุกคนเลยครับจะทำยังงัยดีครับ หัวหน้าฝ่ายบุคลบอกว่าเป็นอำนาจของโรงเรียน (ผอ.)

ตอบ...หมายเลข 93...

  • พี่ขอให้คุณอ่านในระเบียบพนักงานราชการ พ.ศ. 2547 หน้า 8 ข้อ 11 ความว่า...การจ้างพนักงานราชการให้กระทำเป็นสัญญาจ้าง ไม่เกินคราวละ สี่ปี หรือ ตามโครงการที่มีกำหนดเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดไว้ โดยอาจมีการต่อสัญญาจ้างได้ ทั้งนี้ ตามความเหมาะสมและความจำเป็นของแต่ละส่วนราชการ
  • ก็แสดงว่าในระเบียบ เปิดให้หัวหน้าส่วนราชการเป็นผู้กำหนดเกี่ยวกับเรื่องการต่อสัญญาจ้างค่ะ...ว่าจะเป็นเท่าไรก็ได้ เพราะในระเบียบแจ้งไว้ว่าเป็นอำนาจของหัวหน้าส่วนราชการค่ะ...
  • ก็ขึ้นอยู่กับอำนาจของเขาค่ะ...ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าเราทำงาน ทำตามหน้าที่ของเราแล้ว ผอ. ก็คงไม่เอาเราออกหรอกค่ะ (ถ้าเขามีจิตในการใช้หลักธรรมาภิบาลในการทำงาน)...ตั้งใจทำงานนะค่ะ...เป็นกำลังใจให้ค่ะ...

เป็นลูกไก่ในกำมือ...จะบีบก็ตายจะคายก็รอด..น่าสงสารนะอาจารย์..เมื่อไหร่จะได้ผุดจะได้เกิดชะที..

ตอบ...หมายเลข 95...

  • ตามความจริง ระบบพนักงานราชการ มีระเบียบเกิดขึ้นเพื่อ เหมาะกับหัวหน้าส่วนราชการที่มีหลักธรรมาภิบาลอยู่ในตนเองอย่างจริงจังค่ะ...ถ้าหัวหน้าส่วนที่เป็นอย่างที่บอก เราก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ถ้าหัวหน้าส่วนที่เป็นผู้นำแบบเผด็จการนี่สิค่ะ เขาจะขาดหลักธรรมาภิบาล ซึ่งก็พูดยากมากเลยค่ะ...แต่รัฐก็พยายามบอกให้หัวหน้าส่วน ฯ ต่าง ๆ ยึดหลักธรรมาภิบาลจริง ๆ ในการปฏิบัติงาน แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาว่าจะใช้หลักดังกล่าวได้มากน้อยเพียงใดค่ะ...
  • และถ้ารัฐยังใช้ระบบพนักงานราชการไปเรื่อย ๆ แบบนี้ ถ้าได้หัวหน้าส่วนราชการที่มีหลักธรรมาภิบาลเต็มตัวก็ดีไป แต่ถ้าได้หัวหน้าส่วนราชการที่ไม่ใช้หลักธรรมาภิบาลแบบจริงจัง ก็แย่เหมือนกันค่ะ...ก็เป็นกำลังใจให้นะค่ะ...ทำงานเถอะค่ะ...เราคิดว่าเราได้ทำดีที่สุดแล้ว ขึ้นอยู่กับกฎแห่งกรรมค่ะ...เราทำดี ย่อมได้ดี....ใครทำชั่ว เดี๋ยวผลกรรมชั่วก็จะสนองเขาเอง ไม่ได้กับตนเอง คนรอบข้างก็จะได้รับ...เห็นอยู่มากมายค่ะ...

อาจารย์หวาดดี เสืออ่ะนะ มีความเห็นว่า ลุยทำงาน เก็บเงินๆ ดีกว่า ระบบนี้เนี่ยไว้ใจใครไม่ได้เลย โกหกตอแหล หน้าหลอกหลังไหว้ หน้าไหว้แต่หลังถลอกอ่ะ มันเยอะจริงๆ รีบๆโกยเงินโกยทองให้ได้มากที่สุด แล้วออกมาทำอาชีพส่วนตัวดีกว่า อ่านระเบียบดูก็รู้ รัฐไม่จริงใจกับบุคลากรประเภทนี้เลย คนที่ดีก็จะกลายป็นคนเคยดีก็เพราะระบบแบบนี้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยานี่แหละ สุดท้าย ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป เห็นๆกันอยู่ นี่มันคือความจริงครับจารย์ ..... แต่เสือก็ยังคิดว่า ลึกๆแล้ว ทุกคนก็เป็นคนดีนะ ..... แต่..ระบบมันพาให้เป็นคนชั่ว...

ปล. เรื่องธรรมาภิบาล ... ธรรมชาติของมนุษย์เรา มันมีธรรมาภิบาลป่าวครับ แล้วเราจะสรรหาหรือสร้างสรรเครื่องมืออาไรมาวัดธรรมภิบาลกันล่ะครับ ก็เห็นรายงานเท็จกับทั้งนั้น

ตอบ...คุณเสือ...

  • คนแบบที่คุณว่า ก็มีเยอะ...เป็นเรื่องที่คล้ายกับปัญหาโลกแตก...(คนรู้ไม่ได้ทำ คนทำไม่รู้เรื่อง)...แต่พี่ก็ยังเชื่อในกฎแห่งกรรมนะ...ไม่จริงหรอกทำดีได้ดีมีที่ไหน พี่ยังเชื่อในกฎแห่งกรรมเสมอ...เพียงแต่ ณ ปัจจุบันเราอาจพบเจอวิกฤติ ปัญหา อุปสรรคอยู่ แต่ต้องรอเวลาสักระยะหนึ่ง ถ้าผ่านไปแล้ว ก็จะดีขึ้นเอง...เรื่องบางเรื่องจะให้ได้อย่างใจเราไม่ได้หรอกค่ะ ต้องอาศัยเวลาเข้าช่วย...
  • หลักธรรมาภิบาลเป็นระเบียบ กฎเกณฑ์ให้คนได้ปฏิบัติซึ่งเป็นกติกาของสังคมว่าถ้าประพฤติหรือปฏิบัติแบบนี้จะเป็นการใช้หลักธรรมาภิบาล แต่พอปฏิบัติเข้าจริง ๆ พี่ขอใช้คำว่าบางคนน่ะ...ก็ลืมใช้หลักธรรมาภิบาลทุกที...จึงเป็นปัญหาในทุกวันนี้ไง...พี่ก็ไม่รู้ว่าคนที่ใช้หลักธรรมาภิบาลจะมีมากน้อยแค่ไหน...พี่รู้แต่ว่า ตัวพี่ยึดหลักธรรมาภิบาล สิ่งใดทำให้และไม่ขัดหลักกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ยืดหยุ่นได้ตามระเบียบ ข้อบังคับ ก็จะทำให้เพราะเมื่อเราทำแล้วผลที่ทำ คือ เราเป็นสุข ไม่ทำให้คนอื่นทุกข์ใจ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถูกต้องตามระเบียบ ข้อบังคับ เป็นใช้ได้ เพราะระเบียบ ข้อบังคับ เป็นกติกาที่คนเราต้องยอมรับร่วมกัน เพื่อที่จะอยู่ได้ในสังคม...
  • แต่ถ้าทุกคนไม่ยึดหลัก ดังกล่าว บ้านเมืองจะไปรอดได้อย่างไรเล่า...บางครั้งเราคิดเข้าข้างตัวเราได้ แต่ต้องให้คิดถึงสังคม ประเทศชาติ ลูกหลานในอนาคตบ้าง ว่าพวกเขาจะได้รับชะตากรรมเช่นไร ถ้าปัจจุบันเราทำไม่ดีแล้ว...อย่าให้คนรุ่นหลังมาว่าเราได้ คิดว่าสมัยก่อน เรายังคิดถึงวีระชนที่กอบกู้ประเทศชาติ บ้านเมืองของเราว่ามีท่านใดบ้าง...สมัยนี้ก็เช่นกัน เพียงแต่สมัยนี้ไม่ได้ไปรบรา ฆ่าฟันใคร แต่เป็นการพัฒนาประเทศชาติให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น ก็เช่นเดียวกัน...ถ้าเราตายไปแล้ว ก็ควรให้เด็กรุ่นหลัง ๆ นึกถึงว่า ยังมี ปู่ ย่า ตา ยาย ของพวกเขาที่คิดและหวังดี ทำดีต่อประเทศไทยไงค่ะ...ขอแค่ใครจะทำอย่างไรก็ช่าง แต่ตัวเราต้องไม่ทำเช่นเขาทำในสิ่งที่ไม่ดี...แค่นี้ก็เป็น 1 เสียง 1 คน ที่ทำความดีแล้วค่ะ...เมื่อรวมกันหลาย ๆ คน ก็หลาย ๆ ความดีไงค่ะ...
  • สำหรับระบบนี้ ก็คือ ระบบพนักงานราชการ บอกแล้วไงค่ะ ว่า ถ้าไม่ต้องการเป็นพนักงานราชการ ก็ให้ไปสอบบรรจุเป็นข้าราชการ...เราจะเรียกร้องไม่ได้เพราะนี่คือ การบริหารจัดการภาครัฐที่ต้องการปรับเปลี่ยนระบบข้าราชการที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้น...เพียงแต่บางครั้งต้องอาศัยระยะเวลาในการปรับเปลี่ยน...ส่วนสิทธิประโยชน์อื่น ต้องคอยดูที่ประกาศ คพร. จะประกาศในเรื่องใดให้กับพนักราชการได้อีกบ้าง...
  • แต่สักวันหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป ระบบนี้อาจกลายเป็นระบบที่ดีกว่าระบบข้าราชการ เป็นผลดีต่อประเทศชาติในอนาคตก็ได้ค่ะ...ต้องคอยดูต่อไปค่ะ...

ขอบคุณครับจารย์ เสือก็คอยดูอยู่เรื่อยๆแหละครับ ห่วงสุดที่รักมากกว่า

ตอบ...คุณเสือ...

  • ขอบคุณค่ะ ที่เข้าใจ...ค่ะ อย่าลืมว่า การทำงาน ไม่มีหนทางที่จะราบเรียบเสมอไปหรอกค่ะ บางครั้งก็มีเรื่องการขัดแย้ง การไม่ลงตัวในการทำงาน ความขัดแย้งในเรื่องงานไม่ค่อยเท่าไร แต่ความขัดแย้งโดยนำความรู้สึกส่วนตัวมาร่วมด้วยนี่สิ น่าเป็นห่วง...การทำงานถ้าจะให้สำเร็จสมบูรณ์ได้ ย่อมมีอุปสรรค ขวากหนาม ค่ะ...เรื่องนี้ ต้องดูต่อไปค่ะ ว่ารัฐจะปรับเปลี่ยนให้อย่างไรได้อีกบ้าง ถ้ามีข่าวความเคลื่อนไหว พี่ก็จะนำมาแจ้งให้ทราบค่ะ...เพราะโลกปัจจุบันเป็นโลกยุค IT ที่ข้าราชการและบุคลากรของรัฐ ต้องให้ความสนใจและใส่ใจในโลกของการจัดการความรู้ค่ะ...ตราบใดที่มีลมหายใจ ก็ขอให้สู้งานต่อไปค่ะ...เป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คนที่ทำงานให้กับภาครัฐค่ะ...

อาจารย์ครับขอคุยเรื่องอื่นบ้าง..เงินเดือนขึ้นมันก็ดีนะอาจารย์.เเต่ประชาชนรับกรรมกับของเเพงน่าเห็นใจนะอาจารย์..เเละทางสมาชิก

อ.บ.ต.ก็ขอขึ้นเงินเดือนเป็น100%.มันเยอะนะอาจารย์..ทั้งที่พวกนี้ก็ไม่ได้ทำงานอะไรมากมาย..มีอาชีพหลักอยู่เเล้ว.1เดือนประชุมเเค่ครั้งเดียว.ผู้ใหญ่บ้านด้วย..อย่างอ.บ.ต. เเถวบ้านผมขวดเหล้าขวดเบียร์กองเต็มหลังที่ว่าการเลยสิ้นปีได้โบนัสอีก(หมายถึงพวกที่อยู่ประจำ)..เป็นสมาชิกอ.บ.ต.ไม่ใช้ว่าจะทำงานจันทร์ถืงศุกร์.อยู่เฉยๆก็ได้เงินเดือนเป็นหมื่นมีอาชีพหลักอยู่ที่บ้านอีก..เสียด้ายเงินนะอาจารย์..ดีนะที่ยังไม่ผ่าน..เต่อีกหน่อยคงได้เเน่นอน..เหมือนกำนันผูใหญ่บ้าน..ลูกจ้างชั่วคราวพนักงานราชการบางคนยังได้น้อยกว่าอีก..ผมว่ารัฐควรพิจารณานะ..เพราะพวกนี้ไม่ได้ทำงานประจำเหมือนพวกเรา..ทุจริตคอรัปชั่นก็เยอะหน่วยงานนี้..ไม่ตั้งขึ้มาเลยองค์กรนี้..ขอบคุณมากอาจารย์

สมาชิกอ.บ.ต.เขามีงานทำอยู่คืองานการเกษตรมีรายได้ประจำเขาไม่ได้รอกินเงินเดือนเหมือนคนทำงานประจำ..เวลาว่างเขามีเยอะเเยะอยากจะไปไหนก็ไปได้ไม่เหมือนคนทำงานประจำเหนื่อยมากงานก็เยอะไปไหนก็ไม่ได้เวลาไม่มีเป็นของตัวเอง..เเล้วอย่างนี้ยังจะขึ้นเงินเดือนให้อีก100%..อ.ส.ม...อ.ฟ.ป.ร...ยังมีประโยชน์กว่าเยอะเลยอาจารย์..ผู้ใหญ่บ้าน.ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน.รวมทั้งพวก..ส.ส.ส.ว...อีก.พวกนี้เขาไม่ทำงานประจำจันทร์-ศุกร์..ไม่น่าจะให้ค่าตอบเเทนมากเลย..บางคนมีฐานะดีอยู่เเล้วยังได้เงินเดือนประจำอีก..อย่างอ.บ.ต..หมู่บ้านมีตั้ง2คน..ผู้ช่วยผู้ใหญ่2คนผู้บ้านอีก1..บางหมู่บ้านมี.ส.ท.อีก..นอนกินเงินเดือนทั้งนั้นอาจารย์เดือนประชุมครั้งเดียว.ตอนเช้าก็ประกาศเสียงตามสายประมาณ5นาที.นั้นเเหละงานของเขา..รับเงินเดือนเป็นหมื่น..ลูกจ้างชั่วคราวทำงานเหนื่อยทั้งวันเงินเดือนน้อยกว่าอีกอาจารย์...บางคนอ่านเขียนหนังสือยังงูๆปลาๆ...อยู่เลย..อยากให้อาจารย์มาดู.อ.บ.ต.เเถวบ้านนอก.บางคนทำไร่ข้าวโพดเป็น100ไร่ปีหนึ่งได้เงินเป็น4-5เเสน..บางคนทำตัวเป็นมีอิทธิพล...ผมว่าให้ค่าตอบเเทนขานดนี้มันเยอะไปนะอาจารย์..ขอบคุณคับอาจารย์ที่ให้เเสดงคาวมคิดเห็น..อัดอั้นมานาน...

ตอบ...หมายเลข 101-102...

  • อุตส่าห์ว่าจะไม่พูดแล้วนะค่ะ...พี่คิดว่า คนเราน่ะ ใครบ้างที่คิดจะทำอะไรเพื่อประเทศชาติจริง ๆ บ้าง กู้เงินเขาใช้อีก ชอบการเป็นหนี้สิน แถมจะขึ้นเงินเดือนให้อีก ปากบอกว่าไม่มีกะตังค์ แต่ทำไม ขึ้นเงินเดือนให้โครม ๆ แถมแบ่งกันแบบไม่ถ้วนหน้า ไม่อยากคิดว่าเป็นการคอรัปชั่นเชิงนโยบายเลยน่ะ...แต่ก็ต้องคิด...สงสารบ้านเมืองมาก ๆ เลย เข้าใจความรู้สึกของข้าราชการ และบุคลากรของรัฐนะค่ะ พวกที่กำกับนโยบายเขาจะไม่รู้หรอกว่าพวกเราทำงานกันหนักหนาเช่นไร...ขึ้นให้ 5 % แต่พอดูระดับบนสิ โอ้โห...ทำกันเข้าไปได้...(แต่กู้เงินเขามาใช้...ไม่อยากเห็นเลยกับการเป็นหนี้ของประเทศไทย รอบ 2)...แล้วคราวนี้ใครจะใช้หนี้ให้อีกละค่ะ...ก็ลองดูไม่ต้องขึ้นให้ใครหรอกค่ะ อยู่กันแบบนี้แหล่ะ ดูสิว่า...ใครจะอุทิศตัว อุทิศตนทำงานเพื่อบ้านเมืองจริง ๆ บ้าง...พยายามทำแบบแบ่งให้ถ้วนหน้าไงค่ะ...ไม่ขอพูดแล้วค่ะ...แต่คิดอยู่ในใจเสมอว่า  "สงสารประเทศไทยจริง ๆ"...ตอนนี้ น้ำมัน ของใช้...ของกิน...ขึ้นไปมากแล้วค่ะ...จะไปรอดไหมค่ะ ประเทศไทย...

ต่อไปนี้คงทะเลาะหรือฆ่ากันตายเพราะเเย่งกันเป็นสามชิก..อ.บ.ต..ที่ผ่านมาก็เเย่งกันเป็นผู้ใหญ่บ้านกันฆ่าเเกงกันไปหลายศพเพราะเเรงจูงใจอยู่ที่เงินเดือน..อีกหน่อยกำนันผู้ใหญ่บ้านคงมีบำเหน็บบำนาญนะอาจารย์..ส.ส.อีก...เหนื่อยนะอาจารย์ประเทศไทย..ไม่รู้จะดันทุรังไปทำไมทั้งๆที่ถังจะเเตกอยู่เเล้ว..คิดเเล้วเศร้านะอาจารย์..อาจารย์ไม่ต้องตอบก็ได้นะกลัวอาจารย์จะลำบากใจ..

ขณะนี้ล่าสุด.ส.ก. ส.ข.เรียกร้องขอขึ้เงินเดือนอีก..ตายเเน่ๆประเทศไทย..คนทั่วประเทศเดือดร้อนกันทุกย่อมหญ้าเเน่...

ตอบ...หมายเลข 104-105...

  • ค่ะ ขอไม่ตอบนะค่ะ...เพราะไม่ค่อยสบายใจเท่าไรค่ะ...
  • ขอบคุณที่เข้าใจค่ะ...เป็นห่วงประเทศไทยจังเลย...

อาจารย์ครับ ถ้าเกิดวิกฤติทางการเงินของประเทศแบบปี40อีก พนักงานราชการ คงตายเรียบแน่นอนเลยนะครับ

มันคล้ายๆกับว่า พวกเราทำงานกันไม่ได้เรื่องเลยครับ ทำงานกันยังไง ประเทศชาติถึงได้ล่มจมกันเพียงนี้

ตอบ...หมายเลข 107 -108...

  • คิดอยู่เหมือนกัน ถึงบอกว่าน่าเป็นห่วงไงค่ะ...แต่ก็ขึ้นกับนโยบายเบื้องบน...ว่าถ้าเกิดแล้วจะแก้ไขปัญหากันอย่างไร?...
  • เห็นการขึ้นเงินเดือนกับค่าตอบแทนของแต่ละกลุ่ม...หนาวใจจริง ๆ ค่ะ...
  • พูดไม่ออก บอกไม่ถูกจริง ๆ...จะมีใครรู้จริง ๆ บ้าง ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...มีแต่หาผลประโยชน์กัน...ไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่เลยสักนิด...
  • ถึงแม้ว่าพี่เป็นข้าราชการตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ไม่ได้ดูถูกเงินเลย...ถ้าไม่ขึ้นก็อย่าขึ้นให้กับทุกคนเลยดีกว่า...อยู่กันแบบนี้นี่แหล่ะ...ดีกว่าทำให้อนาคตของประเทศชาติมองไม่เห็นทางเลย...น่าเป็นห่วงจริง ๆ ค่ะ...

ผมว่า .... พูดไม่ถูกเลยครับอาจารย์ มันส่อวิกฤติให้เห็นบางอย่างแล้ว ก็พยายามติดบวกเอาไว้ แต่ สังคมปัจจุบัน ไม่จริงใจกันเลยครับอาจารย์

ตอบ...หมายเลข 110...

  • ค่ะ...ไม่อยากเดาเหตุการณ์ในอนาคตเลย แต่ก็ต้องระวังตัวเอาไว้ด้วยนะค่ะ...ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ตัวเราเท่านั้นที่จะช่วยตัวเราเองได้ค่ะ...เราคิดบวก แต่สังคมรอบข้างทำให้เราคิดแง่ลบอยู่เสมอ ก็ต้องคอยดูต่อไปค่ะ...แต่ก็เชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า เมืองไทย คงไม่อัปปางกระมัง เพราะไม่เช่นนั้น คงเป็นเมืองขึ้นเขาไปนานแล้ว พระสยามเทวาธิราช คงจะคุ้มครองประเทศไทยนะค่ะ...
  • ยิ่งเราโตขึ้นเราจะเห็นปัญหาของบ้านเมืองมากขึ้นค่ะ...แต่เราเป็นเพียงชนกลุ่มน้อยไม่มีอำนาจ บารมีที่เขาทำกัน...เพียงแต่เราถือว่า "เราทำดีที่สุดแล้ว"...ได้แต่มองดูห่าง ๆ ทำเท่าที่เราจะทำได้ก็แล้วกันนะค่ะ...อย่าเพิ่งวิตกไปมากกว่านี้เลย...อาจมีคนที่สามารถมาแก้ไขปัญหาให้กับคนไทยได้นะค่ะ (หวังไว้เช่นนั้น)...ใช่เลยค่ะ สังคมปัจจุบัน ไม่จริงใจกันหรอก เพราะระบบที่ดีเสียไปแล้วไงค่ะ...ไม่ค่อยเห็นใครเลยที่จะช่วยกันพัฒนาประเทศให้เจริญจริง ๆ...ขึ้นอยู่กับตัวพวกเราแล้วละค่ะ อย่าไปทำตามคนอื่นเขาก็แล้วกัน เป็นตัวของตัวเราเอง ทำในสิ่งที่ถูกต้อง + ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เท่านี้ก็ถือว่าเราทำความดีต่อประเทศชาติแล้วค่ะ...ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับสังคมเป็นพอค่ะ...

อีกหน่อยเงินคงเพ้อ..เหมือนลาว..กู้มาประชานิยม...วันนี้ล่าสุดดันมติขอขึ้นเงินเดือน อ.บ.ต. เข้าสภาเเล้ว..ตามด้วยการขอขึ้นเงินเดือนของรัฐวิสาหกิจ..อีกหน่อยคงเป็นค่าตอบเเทนของ อ.ส.ม. เบี้ยผู้อายุ คนพิการ ตำรวจบ้าน อพปร. เเต่ยังดีกว่าการขึ้นของ อ.บ.ต..เพราะพวกนี้มันไม่ทำงานจริงๆ..เสือนอนกินนะอาจารย์..ดึงอาจารย์เข้าการเมืองอีกเเล้ว..ขอบคุณครับอาจารย์

ประเทศนี้เป็นของใครทำไมทำเเบบนี้....

ตอบ...หมายเลข 112-113...

  • พี่ไม่ขอวิจารณ์ดีกว่านะค่ะ...บอกตรง ๆ ว่าจุกที่ลำคอ...กลืนไม่เข้า คายไม่ออกจริง ๆ...ขอทำหน้าที่ที่พี่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดดีกว่านะค่ะ...เพราะถ้าวิจารณ์เรื่องจริงแล้วจะมีใครสักกี่คนที่ยอมรับได้ เลยไม่ขอพูดดีกว่าค่ะ...ได้แต่บอกว่า "สงสารประเทศไทย" และห่วงอนาคตของชาติจริง ๆ ค่ะ...

อนาคตประชาชนจะต้องถูกเก็บภาษีเเพงขึ้น..เพราะรัฐหาเงินทางอื่นไม่ป็น...

หมายเลข 115...

  • พี่ไม่ขอตอบนะค่ะ...รู้รู้...อยู่ค่ะ...ต่อให้เก็บภาษีอีกค่ะ...

เงินใครก็อยากได้...เเต่ถ้าได้เเล้วทำให้ประเทศชาติยากจนอย่างนี้ไม่ขอเอาดีกว่านะอาจารย์..ผมไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมต้องคอยเอาอกเอาใจพวกนักการเมืองท้องถิ่น ทั้งที่ไม่ทำงานอะไรเลย..ก็อย่างว่านักการเมืองเขาหวังผลคะเเนนเสียง..เขาคิดผิดนะอาจารย์ประชาชนไม่เห็นด้วยเลย...

ตอบ...หมายเลข 117...

  • แอบบอกนะค่ะ...ฐานเสียงสมัยหน้าไงค๊า...5555555...เข้าใจหรือยังค่ะ...
  • แอบบอกนะค่ะ ไม่ได้บอกจริงจ้า...55555555...

ฐานเสียงให้ตัวเอง..ประเทศชาติล่มจ่ม..พวกนี้มันคงคิดว่าบ้านเมืองเป็นของพวกมันนะอาจารย์...ประกันราคาพืชผลการเกษตร..ดูเเลก็ได้เงินไม่ดูเเลก็ได้เงิน..อาจารย์ไปดูทางภาคเหนือตอนบน ทั้งชาวเขา ชาวเรา บุกรุกขยายป่าพื้นที่ทำกินจนโล่งเตียนเป็นภูเขาหัวโล้นเป็นหย่อมๆ หน้าเเล้งก็เผาป่าอีก สาเหตุนี้ทำให้นำท่วม..โลกร้อน..วันี้ผมไปตลาดซื้อปลาเผาปรากฎว่ามันขึ้นราคาไปเรียบร้อยเเล้วจากตัวละ60เป็น65 .พอก่อนนะอาจารย์กลัวเว็ปอาจารย์ถูกปิด

ตอบ...หมายเลข 119...

  • ค่ะ...เราจะไม่พูดเรื่องการเมืองนะค่ะ...รู้ รู้ อยู่ (เต็มอก)ค่ะ...5555555...

สวัสดีค่ะ...

ปีใหม่นี้ขอให้อาจารย์เเละครอบครัวจงมีเเต่ความสุขความเจริญในหน้าที่การงานตลอดไป..เเละอย่าลืมพนักงานราชการตัวน้อยๆอย่างพวกเราด้วยนะครับ...สวัสดีปีใหม่

สวัสดีค่ะ...

  • ขอบคุณสำหรับคำอวยพรค่ะ...
  • พนักงานราชการอยู่ในใจของผู้ที่ทำงานด้านบุคลากรเสมอค่ะ...เพราะเป็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ทำงานให้ภาครัฐประสบผลสำเร็จเช่นกันค่ะ...
  • ขอบคุณค่ะ
  • สวัสดีปีใหม่ค่ะ...

อาจารย์ค่ะ สวสัดีปีใหม่ค่ะ ช้าไปนิดนึงนะค่ะพอดีเพิ่งว่างเข้ามาค่ะ ช่วงนี้มีอาไรเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับพนักงาราชการบ้างค่ะ หนูรู้สึกกังวลกับอนาคตอ่ะค่ะเกรงว่าจะตกงานตอนอายุมากค่ะ คือหนูทำงานที่จังหวัดบ้านเกิดค่ะ ไม่อยากไปไหนแล้วแต่ก็กลัวตกงานเหมือนกันค่ะ ขอบคุณอาจารย์นะค่ะ

สวัสดีปีใหม่ค่ะ...คุณหนูนา...

  • ช่วงนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับพนักงานราชการเลยค่ะ...แต่ถ้ามีพี่ก็จะนำมาแจ้งให้ทราบค่ะ...
  • การจ้างงานก็ขึ้นอยู่กับส่วนราชการค่ะ ถ้าฝ่ายงานการเจ้าหน้าที่ + ฝ่ายแผนงานและงบประมาณ ได้ทำกรอบ + เงิน ขอไปทางสำนักงบประมาณ ก็ไม่มีทางที่เขาจะไม่จ้างเราหรอกค่ะ...ว่าแต่ส่วนราชการของคุณไม่ทำไปเท่านั้นเอง...เนื่องจากว่า จะไม่มีกรอบอัตรากำลังของเรา + งบประมาณที่จะนำมาใช้จ้างเราเท่านั้นเองค่ะ...
  • ถ้ามี ดังกล่าวข้างต้น...ก็แสดงว่าส่วนราชการจ้างเราต่อค่ะ...ยกเว้นเขาจะไม่จ้างเรา อ้างสาเหตุโน่นนี้...แล้วรับสมัครใหม่...จะทำให้เราตกงานค่ะ...
  • แต่ถ้าส่วนราชการที่มีความยุติธรรม คำนึงถึงจิตใจของคนทำงาน ก็จะไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ...เขาก็จะจ้างเราต่อไป... เช่น พนักงานราชการของ มรพส. ที่พี่อยู่นี่แหล่ะค่ะ...(ยกเว้น คนนั้นเกเร ไม่ตั้งใจทำงานจริง ๆ ค่ะ...แต่ตอนนี้ พนักงานราชการก็เข้าใจในความรับผิดชอบของเขาเอง ไม่มีแบบที่ว่าหรอกค่ะ...)

อาจาร์ยหวาดี เสือทราบข่าวมาว่า อัตราเงินเดือนของ พรก.จะเปลี่ยนใหม่หนีเงินเดือนข้าราชการที่เปลี่ยนฐานใหม่แล้ว และก็จะแก้ไขสิทธิประโยชน์ของเดิมด้วย ส่วนระยะเวลาจ้างไม่แก้หรอก เพราะระเบีบมันกำหนดไว้ไม่เกินสี่ปี ถ้าจะแก้ต้องแก้ที่ระเบียบสำนักนาย ก. แต่เสือว่ายากนะ ไม่รู้ว่าที่เสือทราบมาจริงหรือป่าวจารย์

ตอบ...คุณเสือ...

  • ใช่ค่ะ ระเบียบสำนักนายก ฯ แจ้งไว้ว่าไม่เกินสี่ปี 
  • สำหรับข่าว ก็ยังคงเป็นข่าว พี่ขอให้มีระเบียบชัดเจนแน่นอนก็จะนำมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งก็แล้วกันนะค่ะ เพราะคนทำงานเรื่องบุคคล ถ้าไม่มีหลักฐานมาแสดง ยังไม่เชื่อหรอกจ้า...
  • ตอนนี้มีระเบียบและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับระบบพนักงานราชการค่ะ...
  • รอนิดหนึ่งนะค่ะ จะนำขึ้นเว็บ ให้ศึกษาค่ะ...

คุณเสือปลา..ทราบข่าวมาจากไส

อาจารย์คะ  ที่ทาง สพฐ.มีหนังสือด่วน ให้โรงเรียนสำรวจระยะเวลาการปฏิบัติงานของพนักงานราชการ ใ้หเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 54  มันเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องของชมรมพนักงานราชการหรือเปล่าค่ะ ในเรื่องของพนักงานราชการที่มีอายุงานตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไป ขอบรรจุเป็นครูผู้ช่วย  ถ้าอาจารย์ทราบช่วยตอบให้ด้วยนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

ตอบ...ครูชล...

  • ต้องสอบถามที่งานบุคคลของเขตพื้นที่ค่ะว่าในหนังสือสั่งการนั้น สพฐ.ให้สำรวจไปเพื่ออะไร?...
  • ข้อนี้ไม่ทราบค่ะ...
  • 

อาจารย์ค่ะ เห็น สพฐ. บอกว่ามีตำแหน่งของครูทั่วประเทศว่างตั้งเป็นหมื่น เขาน่าบรรจุพนักงานราชการที่ไปสอบบรรจุครูผู้ช่วยตาม สพป. หรือ สพม. ที่ผ่านเกณฑ์ นะค่ะ อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาก็มีการพัฒนาตนเองอยู่เรื่อยๆ ถ้าพวกเขาไม่มีคุณภาพก็คงสอบไม่ผ่านเกณฑ์ที่ทางเขตกำหนดจริงไหมค่ะ ขอบคุณมากค่ะอาจารย์

ตอบ...คุณ [IP: 101.108.228.124]...

  • ค่ะ ถ้าหมายถึงกำลังใจก็ใช่ค่ะ แต่เป็นความต้องการของส่วนราชการอาจเปิดรับคนทั่วไปได้ด้วย เพื่อความยุติธรรมในการการคัดเลือกคนเข้ามาทำงานไงค่ะ คือ ถ้าเราเก่งจริง + ดีด้วย หน่วยงานก็ต้องการบรรจุเป็นข้าราชการค่ะ...ส่วนราชการอาจมองในเรื่องระบบคุณธรรม คือ ให้โอกาสกับคนภายนอกด้วยกระมังค่ะ...จึงเปิด open ให้คนใน + คนนอกเข้ามาแข่งขันกันนะคะ...
  • อย่าลืม!!!...ว่าปัจจุบันเป็นยุคแข่งขันกันค่ะ ว่าใครเก่ง ใครดี ก็ได้ (ถ้าส่วนราชการนั้นใช้ระบบคุณธรรมอย่างแท้จริงค่ะ...)

ที่หนูพูดมานี่ก็เพราะ เขตเปิดสอบกรณีพิเศษ ก่อนประกาศผู้ที่สมัครสอบก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอกค่ะว่า จะมีความยุติธรรมหรือไม่ หรืออาจจะเป็นเหมือนทุกครั้งที่เปิดสอบ ( ในใจก็แย้งอยู่ว่า ถ้าเป็นแบบเดิม คนที่จะได้บรรจุผู้สมัครสอบทุกคนสามารถบอกได้เลย มีใครบ้างที่จะได้บรรจุ ไม่ต้องรอให้เขตเป็นคนประกาศก็ได้รู้ๆกันอยู่ แต่อีกใจก็บอกกับตัวเองว่า"มันอาจจะมีความยุติธรรมอยู่บ้าง")

โทษทีค่ะอาจารย์พอประกาศผล เป็นเหมือนที่เราทุกคนเดาไว้หมดเลยค่ะ แล้วแบบนี้พวกที่เก่งแต่ไม่มีเงินจะได้บรรจุไหมค่ะอาจารย์ ขอโทษนะค่ะที่เอาความจริงมาเล่าสู่กันฟัง

ความเป็นจริง ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าตนเองสอบได้คะแนนผ่านเกณฑ์หรือไม่ผ่าน ที่นี่แปลกแต่จริงค่ะ คือเขาจะบรรจุ 5 คน เขาก็จะประกาศแค่ 5 คน เอาเฉพาะคนที่ได้อันดับที่1เท่านั้น แต่เห็นเขตอื่นเขาจะประกาศคนที่สอบผ่านเกณฑ์

ตอบ...ครูชล...

  • เข้าใจความรู้สึกนะคะ...แต่ก็เพียงได้เป็นแค่ให้กำลังใจ นี่คือ การที่รัฐกระจายอำนาจ ถ้าผู้บริหารนำไปใช้ในทางที่ถูกต้องก็จะได้ทั้งคนดี + คนเก่ง แต่พอเป็นลักษณะนี้ ผู้เขียนเข้าใจความรู้สึกของทุกคนดีค่ะ ก็ยังไม่ทราบว่าบ้านเมืองจะพัฒนาไปเพื่อให้ได้คนดีมาพัฒนาประเทศกันหรือไม่นะคะ...จะเหมือนกันทุกเขตพื้นที่หรือไม่ค่ะ...
  • ให้กำลังใจก็แล้วกันนะค่ะ ไม่สามารถช่วยอะไรไปได้มากกว่านี้จริง ๆ ค่ะ แต่ถ้าผู้เขียนเป็นผู้บริหารของเขตพื้นที่ คงไม่ทำแบบนี้ค่ะ อย่างน้อยต้องคัดคนที่ดี + เก่ง ไม่มีการเล่นเส้นใด ๆ ทั้งสิ้นค่ะ...เขามีอะไรกันหรือเปล่าค่ะ...
  • เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ สู้ ค่ะ

ตอบ...ครูชล...(เพิ่มเติม)

  • ให้ดูประกาศว่ามีการผ่านเกณฑ์ 60 % หรือเปล่า ถ้ามี ก็สามารถขึ้นบัญชีได้เพราะประกาศจะประกาศว่าผ่านเกณฑ์เท่าใด ให้ทำบันทึกขอดูคะแนนของตัวเราได้ค่ะ เพราะในเรื่องของข้อมูลข่าวสาร เราสามารถขอดูคะแนนของเราได้เฉพาะตัวของเรานะคะ ดูได้เราคนเดียว ถ้าเป็นไปตามประกาศก็ต้องขึ้นบัญชีไว้ค่ะ คือ ถ้าผ่านเกณฑ์ 60 % ถ้าไม่มี ก็เป็นสิทธิของส่วนราชการไม่สามารถขึ้นไว้ได้
  • ให้ลองไปดูที่ประกาศการรับสมัครนะคะ...

ขอบคุณอาจารย์มากเลยนะค่ะ ที่คอยเป็นกำลังใจให้กับพนักงานราชการ ที่พูดเพราะสงสารเด็กค่ะ ไม่รู้เอาใครมาสอน จบเอกอะไรมาก็สามารถมาสอบบรรจุได้ คิดดูแล้วกันนะค่ะ เอกพัฒนาชุมชนก็ได้บรรจุ แล้วจะไปเอาคุณภาพจากไหน ในขณะที่เขาเรียนพ่อแม่ก็ยังคอยตามเช็ดตามล้างให้ แต่นี้มาเป็นครู ผู้ที่ต้องถ่ายทอดความรู้ให้กับนักเรียน แบบนี้ประเทศชาติคงเจริญดีนะอาจารย์ว่าไหม๊

ตอบ...ครูชล...

  • ค่ะ ถ้าเป็นสมัยก่อนจะรับผู้ที่จบ ค.บ. ซึ่งเป็นการจบจากครูโดยตรง แต่ปัจจุบันเหมือนกับรัฐ open การที่ open ก็เป็นการดีที่จะเปิดโอกาสให้กับคนที่ดี + เก่ง จริง ๆ แต่ไม่ดีสำหรับคนที่ไม่จบตรงเอกแล้วไม่มีการพัฒนาหรือปรับปรุงตนเองค่ะ เพราะการสอนนักเรียนมีความละเอียดอ่อนมาก ๆ ค่ะ ที่จะทำให้เด็กได้รับความรู้อย่างแท้จริงและนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในอนาคตได้...

อาจารย์ครับ ตอนนี้มีความคืบหน้าหรือมีข่าวความก้าวหน้าเกี่ยวกับพนักงานราชการบ้างหรือป่าวครับ เงียบมากๆเลยช่วงนี้

ตอบ...คุณสี่ห่วง...

  • ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ...ถ้ามีจะแจ้งให้ทราบนะคะ...คงเข้าที่เข้าทางแล้วกระมังค่ะ ข่าวหรือเรื่องต่าง ๆ จึงเงียบไงค่ะ...

หา! เข้าที่เข้าทาง ตายล่ะว้าครานี้ ไม่ใช่แค่สี่ห่วงแล้ว สงสัยจะมีห่วงที่ห้าผูกคอแน่เล้ย....

ตอบ...คุณสี่ห่วง...

  • หมายความว่าอย่างไรค่ะ ไม่เข้าใจ ที่ผู้เขียนบอก นั่นหมายความว่า เป็นไปอย่างที่รัฐแจ้งไงค่ะ ตามระเบียบที่รัฐออกให้ปฏิบัติไง...

อาจารย์ครับ ตกลง เงินเดือน 15000 บาท บวก 20% เป็น 18000 บาท ของพนักงานราชการตามนโยบายพรรคการเมืองเนี่ย ต.ค. นี้จะปรับจริงๆป่าวครับ ถ้าจริงอ่ะ ผมจะไม่สอบงานราชการเลยแหละ ทำงานอยู่ใกล้บ้านครับ อาจารย์ช่วยตอบด้วยครับ ปล. ผมนะ ได้เงินเพิ่ม 5% แล้วครับ

ตอบ คุณสี่ห่วง...

  • ในความจริงแล้ว การขึ้นเงินเดือน สำหรับ ป.ตรี = 15,000 บาท นั้น รัฐก็มีนโยบายให้อยู่แล้ว แต่การขึ้นเป็น 15,000 บาท ก็มีข้อตกลงแนบท้ายการรับสมัคร เช่น มีวุฒิ ป.ตรี 2 วุฒิการศึกษา พูดภาษาอังกฤษได้ดี พูดภาษาอื่น ๆ ได้ ฯลฯ เป็นต้นไงค่ะ ไม่ใช่ว่าจะขึ้นให้ได้หมดทุกคน แต่สำหรับนโยบายของพรรค ๆ หนึ่ง นั้น พี่ยังไม่เห็นชัดเจนค่ะว่าจะขึ้นให้กับผู้ที่จบวุฒิการศึกษา ป.ตรี ทุกคนหรือไม่ คงต้องรอดูนโยบายที่ชัดเจนต่อไปค่ะ...
  • อย่าลืมว่า เมื่อเงินเดือนขึ้น ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็จะขึ้นตามมาค่ะ...

อาจารย์ครับ สวัสดีครับ ช่วงนี้ข้อมูลข่าวสารพนักงานราชการมีอะไรคืบหน้าบ้างครับ เห็นอาจารย์แนวๆมาว่า ปี56จะยกเครื่องกันใหม่ เท็จจริงเป็นอย่างไรบ้างครับ

ตอบ...คุณสี่ห่วง...

  • ช่วงนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยค่ะ แต่ถ้ามีเมื่อไร พี่จะนำมาแจ้งให้ทราบทันทีค่ะ...
  • เมื่อคราวประชุมครั้งก่อน ก็ว่าเช่นนั้น แต่คงรอฟังความจริงดีกว่านะคะ
  • ถ้ามีเรื่องอะไรจะนำมาแจ้งให้ทราบทันทีค่ะ...

สวัสดีค่ะอาจารย์ มาวันนี้ก็มีเรื่องอยากรบกวนอาจารย์ถามเกี่ยวกับข่าวคราวของพนักงานราชการ ถ้าหากมีข่าวอะไรคืบหน้าก็รบกวนแจ้งให้พวกหนูได้ทราบกันบ้างนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

ตอบ...คุณชล...

  • ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ ถ้ามีพี่จะแจ้งให้ทราบค่ะ...

อาจารย์ครับ แล้วพนักงานราชการ ตำแหน่งครูผู้ช่วย รับเงินเดือน 8,200.บาท มาตลอด จะปรับขึ้นไหมครับ ช่วยบอกด้วยครับ

อยากให้มีการปรับวุฒิเป็น ป.ตรีจังครับ

โทษครับ ตำแหน่งครูพี่เลี้ยงครับ

ตอบ...คุณสักดิ์...

  • ถ้าหมายถึงปรับตามมติ ครม. 5 % ปรับแล้วค่ะ ตั้งแต่ 1 เม.ย.2554
  • การปรับวุฒิตามวุฒิที่สูงขึ้นนั้น อยู่ที่ส่วนราชการเปิดรับสมัครในครั้งแรกค่ะ ถ้าเปิดรับตำแหน่งที่ต่ำกว่าวุฒิ ป.ตรี ก็คงต้องเป็นไปตามนั้น ยกเว้น ถ้าโรงเรียนใดเปิดรับตำแหน่ง ป.ตรีใหม่ คุณก็ต้องไปสมัครใหม่ไงค่ะ...เพราะถ้าโรงเรียนเดิมไม่สามารถทำได้ นอกจากมีตำแหน่งที่เปิดรับใหม่เป็น รับวุฒิ ป.ตรีค่ะ ไม่สามารถปรับในตำแหน่งเดิมได้ เพราะเป็นระบบสัญญาจ้างค่ะ...

อาจารย์ครับ ปรับแล้วมันก็ยังได้ 8,200.บาทเท่าเดิมครับ แล้วเมื่อไหร่มันจะเกิน 8,200 ซักทีครับ ช่วยให้ข้อกระจ่างผมด้วยครับ ขอบคุณครับ

อาจารย์ครับช่วยตอบ สักดิ์ด้วยครับ

ตอบ...คุณสักดิ์...

  • แสดงว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินค่าครองชีพไงค่ะ เพราะมีระเบียบกำหนดไว้ ถ้าท่านใดค่าตอบแทนที่ได้รับ เมื่อรวมกับค่าครองชีพแล้ว ต้องไม่เกิน 8,200 บาท...แต่ถ้าค่าตอบแทนที่ได้รับเกิน 8,200 บาท แล้ว ก็บวกอีก 1,500 บาทค่ะ เป็นการกำหนดค่าตอบแทนของภาครัฐกำหนดไว้ในระเบียบของเงินค่าครองชีพไงค่ะ...

ตอบ...คุณสักดิ์...

สวัสดีครับอาจารย์ การประชุมเมื่อวันที่ ๒๒ ที่ผ่ามมา มีประเด็นความก้าวหน้าของพนักงานราชการบ้างป่าวครับ แล้วรายได้ค่าครองชีพของพนักงานราชการระดับ ป.ตรี จะได้ ๑๕,๐๐๐ บาท เหมือนข้าราชการหรือป่าวครับ

ตอบ...คุณเนตรดาว...

  • ยังไม่มีค่ะ สำหรับรายได้ ขึ้นอยู่กับเรื่องนโยบายของรัฐบาลค่ะ ประกาศออกมาใช้เมื่อใด ก็จะนำมาแจ้งให้ทราบค่ะ สำหรับของพนักงานราชการเรื่องค่าตอบแทน ในเมื่อครั้งแรกที่มีการบรรจุและทำสัญญาจ้างกันที่เงินค่าตอบแทนเท่าใด ก็คงได้รับเท่านั้น จนกว่าจะมีการประเมินผลการปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของพนักงานราชการ ว่าด้วย การเลื่อนขั้นค่าตอบแทน ส่วนภาครัฐจะให้หรือไม่ให้นั้น ผู้เขียนยังไม่ขอตอบ ให้รอดูนโยบายที่แจ้งชัดก่อนค่ะ...
พนักงานราชการไพร่

เข้าประชุมที่ สนง.กพ.วันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๔ นายแพทย์แหวง โตจิราการ มาแทน รมต.ศธ. ท่านพูดได้ดีมากพร้อมที่จะช่วยและสนับสนุน เราพร้อมกันหรือยัง พนักงานราชการพรัอมที่จะขับเคลื่อนและแสดงพลังแล้วหรือยัง พนักงานราชการบริหารทั่วไปครูผู้สอน ที่อยู่ในสพฐ อาชีพครูมีใบประกอบวิชาชีพเป็นวิชาชีพชั้นสูงผู้ที่ทำหน้าที่ดังกล่าวควรจะได้รับการปรับเลื่อนเพื่อให้เกิดความเหมาะสม ทั้งนี้การที่จะได้รับการปรับเลื่อนพนักงานราชการเองจะรอให้ คพร.หรือ สพฐ.ปรับให้คงเป็นไปไม่ได้ เพราะมิไช่ผลประโยชน์ของเขาถึงเวลาหรือยังที่เราจะแสดงพลังกัน รวมตัวกันได้แล้วรัฐบาลชุดนี้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลอยู่แล้ว ท่านยังบอกว่าพนักงานราชการตอนนี้เข้าสู่ระบบแล้วแต่ติดขัดที่ระเบียบกฎหมายแต่ก็สามารถแก้ได้ถ้าทำให้ระบบมีการพัฒนาและครอบคลุมในทุกภาคส่วน รัฐต้องการให้พนักงานราชการที่เปรียบว่าตอนนี้นั่งเก้าอี้ไม้ เป็นธรรมดาที่ประสบการณ์ทำงาน อายุการทำงานมากควรให้นั่งเก้าอี้นวมเฉกเช่นคนลูกจ้างประจำบ้าง ขอเรียนว่าการที่จะเปลียนจากเก้ากอี้ไม้เป็นเก้าอี้นวมนั้นเราต้องหาและยกมานั่งเองโดยมีรัฐบาลช่วยหา คิดว่าการหาควรหาพร้อมๆกันทั้งประเทศนะ ขอถามพนักงานราชการทั่วประเทศว่าพร้อมจะหาเก้าอี้นวมนั่งหรือยัง เพราะตอนนี้ท่านนั่งเก้าอี้แล้วแต่เป็นเก้าอี้ไม้ คุณๆๆพนักงานราชการ คุณรู้ไหมว่าสมาคมลูกจ้างประจำกว่าจะได้สิทธิสวัสดิการเฉกเช่นข้าราชการเขาต่อสู้ๆๆๆมีพลังที่เข้มแข็ง เรามาจับมือกันเถอะ ทำงานใกล้บ้านไม่ย้ายไปไหนทำงานสิบกว่าปีคิดว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ผ่านการประเมินระดับดี แน่นอนว่าอายุมากขึ้นความมั่นคงไม่มี รัฐบาลท่านจะเมตตาหรือไม่ว่า กับพนักงานราชการควรจะรับสภาพแบบนี้ เป็นคุณคุณจะรู้สึกอย่างไรหนอ ขอบคุณ

ไว้รออาจารย์มาตอบนะค่ะ เห็นว่าปี ๕๕ จะมีการปรับปรุงครั้งใหญ่นี่ค่ะ

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณพนักงานราชการ(ไพร่) ทำงานมานานตั้ง 12 ปี เงินเดือน 12,000 ถามว่าผลงานมีหรือไม่ ถามบุคลากรในโรงเรียนได้เลย แต่ผลงานเราไม่สามารถช่วยเราได้เลย นอกจากเงินเท่านั้น ที่ช่วยได้ ถึงเวลาหรือยังที่ความยุติธรรมจะมีให้กับเหล่าพนักงานราชการบ้าง ไม่รู้จะคอยใคร คอยหลวงประทานให้ก็ไม่รู้เมื่อไหร่ มอบให้ผู้ใหญ่ในเขตเป็นคนจัดการ...เราก็อยู่ห่างเหลือเกิน เพราะเราไม่ใช่ลูกๆหลานๆของท่านเหล่านั้น สิ้นปีงบประมาณ 55 ไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไร ได้ยินข่าวมาแว่วๆว่าต้นปีงบประมาณเงินเดือนไม่ออกยิ่งไม่สบายใจใหญ่เลย เพราะเจ้าหนี้เขาคงจะตามทวงหนี้เรากันจนไม่เป็นอันทำงาน หาว่าเราไม่ยอมจ่าย ทั้งๆ ที่ความจริงไม่ใช่ความผิดเราเลย ถ้าเงินเดือนออกตรง ก็ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ ไหนจะค่าใช้จ่ายแต่ละวันอีก เงินเดือนก็น้อยนิด เจียดเอานั้นเอานี่ แล้วมีปัญหาอีก ใครละเขาอยากเชื่อเครดิตเรา กรรมแท้ๆ เลยชีวิตเรา

รบกวนอาจารย์ด้วยนะค่ะ ถ้ามีโอกาสช่วยบอกผู้ใหญ่ในกระทรวงด้วยนะค่ะว่าพวกเราเดือดร้อนอย่างไรบ้าง พอมีหนทางเยียวยาได้บ้างก็ช่วยๆหน่อยนะค่ะ ขอขอบพระคุณมากเลยค่ะ

  • ค่ะ เป็นปัญหาที่ภาครัฐต้องนำไปแก้ไข เพราะบุคลากรทุก ๆ ประเภทมีปัญหาในการดำเนินการภาครัฐทั้งนั้น สำหรับกลุ่มลูกจ้างประจำนั้น เขามีชมรมลูกจ้างประจำค่ะ เขาจึงรวมตัวกันได้และเรียกร้อง แต่สิทธิที่ได้ก็ไม่ใช่หมายความว่า จะเท่าเทียมกับข้าราชการหรอกค่ะ เพราะถ้าเหมือน นั่นคือ บุคลากรประเภทนั้น ก็คือ "ข้าราชการ" นั่นเอง...สำหรับพนักงานราชการ ผู้เขียนคิดว่า น่าจะมีการรวมตัวกันลองเขียนปัญหาแล้วส่งถึงท่านนายก ฯ ดูนะค่ะว่าปัญหาที่เราได้รับนั้นคืออะไร? เพราะปัจจุบัน ท่านคงไม่ทราบปัญหา คนที่ทราบก็คือ คนระดับล่างซึ่งไม่ได้รับผลกระทบ รัฐให้ปฏิบัติอย่างไรก็ปฏิบัติอย่างนั้น
  • การที่จะปรับพนักงานราชการเป็นข้าราชการเต็ม 100 % นั้น พี่ก็ไม่ทราบว่าจะกระทำได้หรือไม่ เพราะอันดับแรก เป็นนโยบายให้ปฏิบัติ + ต้องการลดอัตรากำลังของข้าราชการลงเนื่องจากภาครัฐมีค่าใช้จ่ายมาก เหตุที่นำระบบพนักงานราชการเข้ามาปฏิบัตินั้น ก็คือ เหตุผลข้างต้น ประการสำคัญเพื่อต้องการพัฒนาบุคลากรให้เกิดการพัฒนา แต่ในกรณีหลัง พี่ว่า ถ้าระบบข้าราชการ ผู้ที่เป็นข้าราชการอยู่แล้วเกิดการพัฒนาตนเองแล้วนำความรู้มาใช้กับการทำงาน ก็จะถือว่าเป็นการพัฒนาตนเองอยู่แล้ว แต่เมื่อนำระบบพนักงานราชการมาใช้ ภาครัฐก็ควรหาความมั่นคงให้กับพนักงานราชการด้วย ซึ่งบางส่วนราชการก็จ้างเพียง 4 ปี แล้วก็ปล่อยลอยแพไม่จ้างต่อ ทำให้เกิดปัญหา (ซึ่งอ้างว่าเป็นโครงการเฉพาะกิจ) แม้จะอ้างว่าบอกกับพนักงานราชการอยู่แล้ว แต่ความเป็นมนุษย์ในเมื่อทำงานแล้วก็ต้องการที่จะทำงานแบบต่อเนื่อง จึงทำให้เกิดปัญหาเกิดขึ้น เรียกว่า "เป็นปัญหาที่ใหญ่มาก ๆ" แล้วภาครัฐล่ะจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร?
  • ความคิดเห็นของพี่ คิดว่า...
  • ภาครัฐควรดำเนินการเรื่องการจ้าง 4 ปี (ควรระบุให้ชัดว่า จ้างชั่วคราวหรือจ้างต่อเนื่อง) เพื่อความมั่นคงของระบบพนักงานราชการ
  • ภาครัฐควรนำ "กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ" มาใช้ให้กับระบบพนักงานราชการอย่างจริงจังเพื่อเป็นความมั่นคงในตอนบั้นปลายของเมื่ออายุครบ 60 ปี...ถึงแม้ระบบพนักงานราชการจะไม่ได้สวัสดิการต่าง ๆ เช่น ข้าราชการ เท่านี้ก็คงพอสำหรับระบบพนักงานราชการ...

อาจารย์คุ่ะปี56จะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับสัญญาจ้างพนักงานราชการมากกว่า4ปีจริงหรือเปล่าค่ะกำลังลุ้นรอข่าวอยู่ค่ะถ้าเป็นจริงก็คงจะดีจะได้มีความมั่นคงในชีวิตมากขึ้นกว่าเดิมสัญญาจ้าง4ปีระยะสั้นไม่มีหลักประักันอะไรครบสัญญา4ปีถ้าผู้บริหารไม่พอใจก็ประเมินให้ไม่ผ่านถึงจะทำงานดีไม่เข้าตาไม่ใช่คนของนายอาจมีสิทธิ์ประเมินไม่ผ่านนี่แหละคือความทุกของพนักงานราชการ

  • ยังเหมือนเดิมค่ะ คือ 4 ปี เพราะในระเบียบของพนักงานราชการ (เดิม) ระบุไว้ว่าจ้างได้คราวละ 4 ปี แต่การจ้างส่วนราชการสามารถทำกรอบอัตรากำลังได้อีก ถ้ามีภารงานที่ปฏิบัติได้ต่อเนื่อง แต่จะเป็นกรอบอัตรากำลังคราวละ 4 ปี ค่ะ
  • ค่ะ สำหรับเรื่องการประเมินนั้นขึ้นอยู่ที่ตัวผู้บริหารว่ามีคุณธรรมมากน้อยเพียงใดค่ะ เป็นเรื่องที่พูดยากในทางปฏิบัติค่ะ แต่เราก็สามารถถามถึงเหตุผลว่าเขาประเมินให้ไม่ผ่านนั้นเพราะเหตุใด จะให้เราปรับปรุงตรงไหนบ้าง

 

สวัสดีค่ะ พอดีเพิ่งสอบตำแหน่งนิติกรของกรมปศุสตว์ได้ค่ะ เป็นพนักงานราชการ หาข้อมูลเกี่ยวกับพนักงานราชการเยอะมาก โดชดีที่มีเว็ปนี้มีข้อมูลให้ศึกษาเยอะมาก แต่ก็หวั่นอยู่เรื่องเดียวคือ ความไม่มั่นคงเนี่ยแหละค่ะ ถึงขนาดพาเอาเครียดเลยค่ะ

ตอบ คุณณัฎฐนันท์

    ค่ะ ค่อย ๆ ศึกษาไปนะคะ คือ ตอนนี้ ภาครัฐพยายามปรับเปลี่ยนระบบจากข้าราชการ (เดิม) ให้ปรับมาเป็นพนักงานราชการแทนค่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่า ในอนาคตจะปรับกลับคืนหรือไม่ ภาครัฐพยายามนำระบบที่ไม่ผูกพันกับเงินงบประมาณค่ะ สำหรับเด็กรุ่นใหม่เลยต้องตกเป็นภาระของตนเองในการดูแลเรื่องสวัสดิการ + ความมั่นคง แต่ก็ไม่ทราบว่าในอนาคต ภาครัฐจะทำเรื่องกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้หรือไม่ หรือว่ามอบให้ส่วนราชการเป็นผู้ดำเนินการ ถ้าพนักงานราชการสามารถทำกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้ ก็จะทำให้เรามีความมั่นคงได้ในระดับหนึ่งตอนที่พนักงานราชการได้เกษียณอายุไปนะคะ เพราะที่ มรพส.  ได้จัดทำให้กับพนักงานราชการของเราแล้ว เพราะเราคำนึงถึงความมั่นคงในอาชีพของพวกเขาให้ด้วยค่ะ...แต่ส่วนราชการอื่นก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ

อาจารย์ค่ะสัญญาจ้างยังคงเป็น4ปีเท่าเดิม คพรเขาไม่สนใจเรื่องความมั่นคงในชีวิตพนักงานราชการเลยขวัญและกำลังใจเริ่มท้อลงคิดว่าปี56เขาจะต่อสัญญาจ้างมากกว่า4ปี ผลสุดท้ายเขาก็ไม่คิดถึงพวกเราพนักงานราชการทำไมผู้ใหญ่บ้าน-กำนันเขายังเปลี่ยนแปลงได้อยู่ในตำแหน่งจนอายุ 60 ปี แต่พวกเราพนักงานราชการขอต่อสัญญาเป็น 6-8 ปีต่อสัญญาหนึ่งครั้งก็ยังดีแต่ไม่มีใครคิดจะเพื่อเราบ้าง

ไม่ทราบว่า ปี 2556 จะมีการปรับอัตราค่าจ้างพนักงานราชการหรือไม่ค่ะ  ผู้รู้ช่วยตอบหน่อยค่ะ ขอบคุณค่ะ

ตอบ คุณพนักงานราชการ

        คพร. คงถือว่า การทำระบบพนักงานราชการ นั้น เพื่อต้องการลดอัตรากำลังของข้าราชการ และเพื่อต้องการให้คนทำงานภาครัฐ ได้ทำงานในหน้าที่ที่ดีขึ้นและรู้จักการพัฒนาตนเอง ซึ่งเป็นที่มาว่า ถ้าพนักงานราชการทำได้ก็จ้างต่อ ถ้าทำไม่ได้ก็เลิกจ้างไงค่ะ

        ในระบบพนักงานราชการ ศึกษาจริง ๆ แล้ว ก็มีทั้งข้อดี และข้อเสียค่ะ ข้อดีก็คือเป็นแบบที่พี่บอกข้างต้น ส่วนข้อเสีย ก็จะเกิดกับคนที่ทำงานดีมีประสิทธิภาพ แต่ก็ขาดขวัญ กำลังใจในการทำงานค่ะ...พูดยาก เพราะเป็นความประสงค์ของการทำงานภาครัฐค่ะ

ตอบ คุณ nuingruthai

        ถ้าข้าราชการเปลี่ยนแปลง พนักงานราชการก็เปลี่ยนเช่นกันค่ะ เพราะอยู่ในหมวดเงินงบบุคลากร แต่ต้องรอด้วยค่ะ เพราะจะให้ได้ดั่งใจเราคงไม่ได้ เพราะการทำงานจะมีกระบวนการทำ ต้องให้เวลากับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติด้วยค่ะ รวมทั้งการรอหนังสือสั่งการให้ปฏิบัติค่ะ

อาจารย์ค่ะถ้าพนักงานราชการกระทรวงสาธารณสุขได้บรรจุเป็นข้าราชการ พนักงานราชการกระทรวงอื่นจะได้บรรจุเหมือนกระทรวงสาธารณสุขหรือเปล่าค่ะ

ตอบ คุณพนักงานราชการ

        ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะขึ้นอยู่แต่ละกระทรวงเป็นต้นเรื่องทำเข้าไปค่ะ ขึ้นอยู่กับเหตุผลความจำเป็นด้วยค่ะ

อาจารย์ครับกรมอุทยานได้สอบพนักงานราชการไว้และใก้ลจะครบ  2  ปีแล้ว  ในเดือนเมษายน  2557  นี้

ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่สอบได้ในอันดับต้น(สำรอง)ก็ได้แต่หวังว่าจะเรียกตามบัญชี  แต่ข่าวที่ออกมาคือ  มีแนวโน้มว่าจะทำการสอบคัดเลือกสรรใหม่ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ ที่มีอายุมากแล้วก็คงสู้เด็กรุ่นใหม่ไม่ได้  และการสอบคัดเลือกแต่ละครั้งก็วิ่งเต้นกันทั้งเส้นสายและเงินทอง   แก่อย่างพวกผมคงยากไม่มีทั้งสองอย่างรบกวนอาจารย์ช่วยแนะแนวทางด้วยครับ

ตอบ คุณรักษ์ป่า ยิ่งชีพ

มันเป็นเรื่องที่พูดยากนะคะ เพราะถ้าตามระเบียบของพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ รัฐระบุว่า คือ การจ้างตามภาระกิจ โดยทำสัญญาจ้าง ๔ ปี ต่อครั้ง การรับสมัครรัฐมอบอำนาจให้กับส่วนราชการเป็นผู้ดำเนินการ การรับบรรจุเป็นพนักงานราชการ ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าส่วนราชการจะได้รับกรอบอัตรากำลังมาหรือไม่ด้วยค่ะ ไม่สามารถให้ความคิดเห็นได้ค่ะ

อาจารย์คะโอกาสที่ระเบียบพนักงานราชการจะมีการปรับปรุงเพื่อประโยชน์และความมั่นคงให้กับพนักงานราชการให้ดีขึ้นกว่าทุกวันนี้จะมีโอกาสเป็นไปได้ใหมคะ

ตอบ คุณพนักงานราชการ

        จากที่พี่ได้ศึกษาในระเบียบของพนักงานราชการในปัจจุบันนี้แล้ว มีความคิดเห็นว่า...ดีแค่ในระดับหนึ่งเท่านั้นเอง...เพราะในระเบียบ ฯ พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้ระบุว่าให้ส่วนราชการแต่ละส่วนบริหารจัดการเอง ยกเว้นมีบางเรื่องที่ต้องเป็นไปตามที่ คพร.กำหนด ทำให้มีความคิดเห็นว่า...ไม่ว่าเรื่องใด ๆ ก็ตามเมื่อมีส่วนดีก็จะมีส่วนไม่ดีเช่นกัน 

สำหรับข้อดีของพนักงานราชการ ก็คือ 

1. อยู่ในหมวดเดียวกันกับข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และพนักงานราชการ เมื่อภาครัฐมีการปรับเงินเดือนให้ข้าราชการ ก็ทำให้ลูกจ้างประจำ และพนักงานราชการได้รับเงินเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

2. ภาครัฐมอบอำนาจให้แต่ละส่วนราชการบริหารจัดการเกี่ยวกับความมั่นคงและสวัสดิการให้กับพนักงานราชการได้เอง โดยให้แต่ละส่วนราชการที่มีการช่วยตัวเองได้ ได้ทำให้แก่พนักงานราชการเอง จึงเป็นข้อเสียสำหรับส่วนราชการที่ยังเลี้ยงตัวเองไม่ได้ และไม่ทำเรื่องความมั่นคงให้กับพนักงานราชการ

               สำหรับ มรภ.พิบูลสงคราม ในข้อนี้ กำลังดำเนินการจัดทำเรื่องความก้าวหน้าให้กับพนักงานราชการ คือ ให้พนักงานราชการมีเส้นทางความก้าวหน้า คือ ทำชำนาญการ ชำนาญการพิเศษ ฯลฯ ให้กับพนักงานราชการ เพื่อในอนาคตอาจได้รับเงินค่าตอบแทนประจำตำแหน่งได้เช่นเดียวกับข้าราชการ แต่อาจไม่ใช่ทุกคน อยู่ที่ภาระงานที่ได้ปฏิบัติด้วย

               และปัจจุบัน มรภ.พิบูลสงคราม ได้จัดทำเรื่องกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับพนักงานราชการเหล่านี้แล้ว ปัจจุบันมีจำนวน ๓๙ อัตรา ซึ่งเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนี้จะได้รับก็ต่อเมื่อพนักงานราชการเหล่านี้เกษียณอายุ ฯ แล้ว สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนี้ก็คล้ายกับ กบข. ของข้าราชการ...โดยมีการหักเงินจากค่าตอบแทนของพนักงานราชการ ๓ % ส่วนอีก ๓ % มหาวิทยาลัยจะสมทบออกให้กับพนักงานราชการ กองทุนฯ นี้ ม. ได้ทำกับธนาคารกรุงเทพฯ ส่วนโครงการที่จะเลือกการลงทุนก็ขึ้นอยู่กับพนักงานราชการแต่ละท่านเองว่าจะเลือกลงทุนกับโครงการใดเพราะจะได้ผลตอบแทนไม่เท่ากัน

ทำให้เห็นว่า ระเบียบพนักงานราชการที่ คพร. ประกาศใช้นั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละส่วนราชการที่คิดจะทำให้กับพนักงานราชการ เพราะนั่นแสดงถึง ความมั่นคงของพนักงานราชการด้วย...แต่ขอให้เข้าใจด้วยว่า เมื่อเกษียณอายุแล้ว พนักงานราชการจะไม่ได้รับเงินบำเหน็จ บำนาญใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะปัจจุบัน พนักงานราชการได้รับเงินมากกว่าข้าราชการ ๐.๒ % คือ ข้าราชการได้รับ ๑ % พนักงานราชการจะได้รับ ๑.๒% ค่ะ ส่วนเกิน นั่นคือ พนักงานราชการต้องบริหารจัดการกับตัวเองให้ได้ อาจเก็บเอง สำหรับข้าราชการได้ ๑% นั้น อีก ๐.๒% จะไปได้ตอนรับบำนาญไงค่ะ

               หากต้องการให้มีความมั่นคงเช่นเดียวกับข้าราชการ ภาครัฐก็ต้องไม่ใช้ระเบียบฉบับนี้ของพนักงานราชการ พร้อมกับเงินค่าตอบแทนก็ต้องกลับไปใช้ ๑% เช่นเดียวกับข้าราชการ เพราะทุกวันนี้ พนักงานราชการจะได้รับค่าตอบแทนมากกว่าข้าราชการอยู่ ๐.๒% ค่ะ ถ้าไม่มีระบบพนักงานราชการ ภาครัฐก็ต้องใช้ระบบของข้าราชการ ซึ่งปัจจุบันนโยบายภาครัฐต้องการให้มีอัตราข้าราชการลดลงค่ะ

ขอเรียนสอบถามการคิดคำนวณค่าตอบแทนของพนักงานราชการตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ และ ปี ๒๕๕๗ ที่ได้ประกาศใช้โดยคณะกรรมการพนักงานราชการ ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ 

- หากคำนวณจากสูตรแล้ว ค่าตอบแทน(เงินเดือน)ของพนักงานราชการ ได้เงินเดือนน้อยกว่า เงินเดือนที่ได้รับปัจจุบัน เจ้าหน้าที่การเงิน ควรดำเนินการอย่างไร และจะอ้างระเบียบข้อใด เพื่อให้ได้อัตราเงินเดือนที่ไม่น้อยกว่าเดิมครับ  อยากจะขอยกตัวอย่างที่คำนวณค่าตอบแทนใหม่ได้ลดลงครับ เช่น นาย ก. วุฒิ ปวช. เงินเดือนปัจจุบัน ๑๑,๖๔๐ บาท ได้เงินเดือนมากกว่าฐานเดิมปี ๕๕ (๙,๑๕๐ บาท) เป็นเงิน ๒,๔๙๐ บาท เมื่อคิดค่าชดเชย คูณ ๐.๖๗ แล้วได้เงินชดเชย ๑,๖๖๘.๓ บาท ดังนั้นอัตราเงินเดือนใหม่เท่ากับ ฐานใหม่ ๙,๙๖๐ บวก ๑,๖๖๘.๓ เท่ากับ ๑๑,๖๒๘.๓ บาท ปัดเศษขึ้นเป็นเงินเดือนใหม่เท่ากับ ๑๑,๖๓๐ บาท ซึ่งน้อยกว่าเงินเดือนปัจจุบันคือ ๑๑,๖๔๐ บาท


พนักงานราชการ ลำปาง

อาจารย์ค่ะ ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็นนะค่ะ ค่าตอบแทนพนักงานราชการ ปี 56 และ 57 ที่ปรับขึ้นและชดเชยให้กับพนักงานราชการที่ได้บรรจุก่อนนั้น หากลองคิดดูแล้ว ค่าตอบแทน บางรายไม่ปรับ บางรายน้อยกว่าเดิมนะค่ะ แบบนี้แล้ว จะทำอย่างไรค่ะ ในเมื่อเป็นการปรับค่าตอบแทน แบบนี้คนที่เป็นพนักงานราชการมาก่อน จะทำอย่างไรค่ะ เพราะตอนที่เราบรรจุ วุฒิ ปวส.จะได้ประมาณ 8,000 บาท ปัจจุบัน 12,000 บาท ขออนุญาตอาจารย์นะค่ะ หากมีการประชุม ขอนำเรียนให้กับ สำนักงาน กพ.ทราบด้วยนะค่ะ ว่าหากมีการพิจารณาปรับค่าตอบแทน ควรจะปรับทั้งระบบค่ะ ทั้งคนเก่า และคนบรรจุใหม่ ขอบพระคุณมากค่ะ

ตอบ พนักงานราชการลำปาง

           คงมีลักษณะคล้าย ๆ กับข้าราชการนั่นแหล่ะค่ะ ก็ควรปรับทั้งระบบค่ะ

อยากให้วิทยาลัยการอาชีพนางรองเพิ่มตำแหน่งพนักงานราชการ ช่างยนต์อีก 5 ตำแหน่ง เพื่อที่จะเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน ขอให้พิจารณาด้วยครับ จะเป็นการขอบคุณอย่างสูงยิ่ง

อาจารย์คะจะมีแนวทางอย่างไรให้คณะกรรมการ คพร.เห็นใจและช่วยพนักงานราช อยากให้มีการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับพนักงานราชการเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงาน

สวัสดีคะ่อาจารย์ขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์ที่มีความพยายาม มีความอดทนสูงมาก หนูเป็นพนักงานราชการเหมือนกันคะ่ ขอขอบคุณอาจารย์มากค่ะที่อยู่เคียงข้างพนักงานราชการ

บางครั้งท้อจนอยากจะลาออก ทำงานหนักมาก จนคิดว่าตำแหน่ง พนักงานราชการ ต้องรับภาระหนักขนาดนี้เลยหรือ  เห็นข้าราชการเค้าทำงานแบบสบาย ๆ บางครั้งก็คิดว่าทำไมสอบไม่ได้สักที เหนื่อยมากค่ะอาจารย์  ความมั่นคงในชีวิตก็ไม่มี

คุณบุษยมาศรับจ้างเขียนคู่มือพนักงานด้วยมั้ยค่ะ หรือมีใครสนใจโทรมาที่เบอร์ 0909948618 น่ะคะ่

พนักงานราชการ เสนอขอตำแหน่งชำนาญการ ได้หรือไม่ ถ้าได้จะต้องทำอย่างไรค่ะ แต่ถ้าไม่ได้มีวิธีในการหาเป้าหมายในการพัฒนาตำแหน่งงานเพื่่อสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองและครอบครัวได้ไหมค่ะ

ขอบคุณค่ะ/เกศินี

ทราบข่าวว่าร่างแผนการศึกษาชาติ ใช้ปี 2560 จะมีการเปลี่ยนสถานภาพข้าราชการครู เป็น พนักงานของรัฐ ตอนนี้เป็นพนักงานราชการ ตำแหน่งครู ผู้สอน สังกัด สพฐ จะมีความแตกต่างกันหรือไม่กับพนักงานของรัฐ ตามร่างแผนการศึกษาชาติ ขอข้อมูลเปรียบเทียบด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท