เปิดบันทึก


สวัสดีครับชาว Blog

เมื่อเช้าวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน กับบริษัท เอ็นทียู (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งบริษัทนี้คุณเก็จวลี ลิขิตนุรักษ์ และคุณกาญจนา โชคดาราดูแลอยู่ ทั้งคู่เคยทำงานร่วมกับผมที่สถาบันทรัพยากรมนุษย์ คุณเก็จวลีจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยศิลปากร แล้วไปศึกษาต่อที่ University of Manchester ประเทศอังกฤษ โดยทุนของ British Council ส่วนคุณกาญจนาจบศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้ง 2 ทั้งใช้ภาษาอังกฤษได้ดีมาก และทำงานที่ช่วยสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทย

และการเดินทางครั้งนี้ผมพาทีมงานจาก Chira Academy ของผมไปด้วย คือ คุณเอ หรือคุณวราพร ชูภักดี ซึ่งทำงานใกล้ชิดกับผม คุณวราพรจบจากคณะบัญชีฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจบ MBA จาก Schiller International University ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ (โดยทุนนายจีระ) เป็นคนที่ทำงานเป็น และสนใจที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเองมากขึ้น

ผมดีใจที่กรมพัฒนาธุรกิจของกระทรวงพาณิชย์ และบริษัท เอ็นทียูฯ ได้ขอให้ผมเป็น Team Leader ในการช่วยสร้าง Network กับธุรกิจจีน

ในคณะของเราประกอบด้วย

  • สมาคมมันสำปะหลังไทยภาคเหนือ
  • สมาคมยางพาราไทย
  • กลุ่มนวัตกรรมไทยเพื่อความปลอดภัย
  • ตัวแทนจากกระทรวงพาณิชย์
  • ตัวแทนจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
  • ตัวแทนสมาคมการค้าไทยจีน
  • ตัวแทนสมาคมส่งเสริมธุรกิจอาเซียน+6
  • และผู้บริหารของบริษัท เอ็นทียู (ประเทศไทย) จำกัด คือ คุณเก็จวลี ลิขิตนุรักษ์ และคุณกาญจนา โชคดารา ในฐานะผู้จัดโครงการในครั้งนี้
  • ยินดีต้อนรับทุกท่านอีกครั้ง และขอให้ใช้ Blog (Online) ของผม Share ข้อมูลให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน นักธุรกิจท่านใดสนใจที่จะเชื่อมโยงกับต่างประเทศก็โปรดส่งข้อมูลมา

    กิจกรรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือของกลุ่มประเทศ ASEAN+6 - ประเทศจีน คือ 1 ใน 6 นอกจากประเทศจีนแล้ว ประเทศที่ 2 ที่มีแผนการจะไป คือ เวียตนาม (ประมาณวันที่ 23 - 26 สิงหาคมฯ) แต่ผมติดภารกิจสำคัญที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็คงจะไม่ได้ไปร่วมด้วย แต่รับปากกับผู้จัดไว้แล้วว่าจะไปทริปที่ 3 คือ จากาต้า (ประมาณวันที่ 20 - 23 กันยาฯ) ผมเป็นนักการทูตภาคประชาชนอยู่แล้ว ยินดีมาก และคงมีโอกาสที่จะได้มีข้อมูลดี ๆ มา Share กับทุกท่านเช่นเคยครับ

    จีระ หงส์ลดารมภ์

    ..........................................................

    ประมวลภาพกิจกรรมและบรรยากาศของเมืองเซี่ยงไฮ้

     

     

     

     

     

     

     

    หมายเลขบันทึก: 383782เขียนเมื่อ 10 สิงหาคม 2010 23:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


    ความเห็น (16)

    สวัสดีครับอาจารย์จีระ

    เเวะมาอ่านเรื่องเล่าดีๆครับ  เป็นกำลังใจในการทำงานนะครับอาจารย์



    สวัสดีครับ....ท่านอาจารย์จีระ....

    เข้ามาอ่านข้อมูลดีๆ จากท่าน เพื่อนำไปพัฒนาตนเอง สังคม องค์กร และเป็นแนวคิดในการสร้างภาคีเครือข่ายของสังคมต่อไป

    ขอเป็นกำลังใจในการทำงานของท่านอาจารย์ นะครับ.... รับใช้สิ่งใดได้ด้วยความยินดียิ่งครับ

    ภูชิสส์ ศรีเจริญ

    ขอขอบคุณ ทุกท่าน ที่เป็นกำลังใจให้ผม นะครับ

    สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเข้าร่วมโครงการฯ ในครั้งนี้

    ความรู้สึกประทับใจและความคิดในการวางแผนเพื่อสนับสนุนการค้าขายระหว่างประเทศให้ได้ประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศไทย

    1.     รัฐต้องเปลี่ยนนโยบาย จากการตั้งกฎข้อห้ามต่างๆมาเป็นการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม โดยการนำสมาคมการค้าต่างๆให้เป็นตัวแทนนำสินค้ามาแสดงยังประเทศต่างๆ

    2.     ความสำเร็จครั้งนี้ สมาคมไทย จีน และสมาคมการค้าสากลก็เป็นตัวจักรสำคัญทำให้เกิดความเป็นมิตรเร็วขึ้น เพราะมีผู้ประสานความสัมพันธ์ฉันมิตร จึงควรใช้สมาคมต่างๆที่มีอยู่ในประเทศไทยให้เกิดประโยชน์

    3.     การประชุมพบ และคุยกันอ่อนตัวลงไม่มีการต่อรองมีแต่การช่วยเหลือสนับสนับสนุน กระทรวงพานิชย์ฯทำหน้าที่ให้เกิดความเชื่อมั่น คล้ายกับเป็นการรับรู้ทำให้เกิดความมั่นใจ

    4.     การค้าขายจะเกิดขึ้นได้ต้องไม่ใช่รัฐต่อรัฐ ควรจะเป็นนักธุรกิจ โดยมีกลุ่มสมาคมเป็นตัวแทนจะทำให้เกิดความสามัคคีในกลุ่ม จังหวัดต่อจังหวัดสามารถสร้างความสามัคคีได้ เกิดความสัมพันธ์มีมิตรภาพต่อกันไม่แย่งกันเรื่องราคาทำให้มีอำนาจต่อรองได้

    5.     ใช้การทูตทำหน้าที่การเมือง (การทูตเอกชน) ตัวอย่างที่การมาครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องมีรัฐมนตรี เราสามารถที่จะคุยกันเองได้ตรงประเด็น และเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า

    6.     คนไทย และคนจีนพูดคุยกันได้สนิทเร็ว เพราะมีเชื้อชาติเดียวกันประเทศไทยควรใช้โอกาส และข้อเด่นนี้ให้เป็นประโยชน์

    • สำหรับ ASEAN+6 เกิดขึ้นก็เพราะทางข้าราชการผู้ใหญ่เป็นผู้สนับสนุน จึงอาจจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีเพื่อสานต่อ และสนับสนุนการทำธุรกิจกบนักธรกิจจีนอย่างปลอดภัย และประสบผลมากขึ้นและเร็วขึ้น

    ชื่นชม ประทับใจ ในโอกาสและความสามารถคะ

    กิจติกร วงษ์เนตร์

    สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเข้าร่วมโครงการฯ ในครั้งนี้

    ดิฉันรู้สึกดีใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคณะในการเดินทางมานครเซี่ยงไฮ้ ในครั้งนี้ ได้มาทำงานร่วมกับภาคเอกชน มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันทำให้โลกทัศน์กว้างขึ้น ได้มาเห็นวัฒนธรรมและตึกรามบ้านช่องของต่างประเทศจากการมาครั้งนี้ได้รับประโยชน์มากมายซึ่งขอสรุปได้ดังนี้

    1)    การให้ความร่วมมือของนครเซี่ยงไฮ้ ไม่ว่าจาก รัฐบาล สมาคม  หอการค้า ซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี

    2)    ภาคเอกชนของนครเซี่ยงไฮ้ มีความสนใจในความร่วมลงทุนกับไทย

    3)    ได้เห็นภาคเอกชน สมาคมของไทยที่มีความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจของสมาคมให้มีความเข้มแข็ง และสามารถแข่งขันได้

    4)    การทำงานของรัฐบาลเซี่ยงไฮ้ ที่มีความก้าวหน้า และพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

    5)    การไปดูงานที่ Expo 2010 ในแต่ละประเทศที่ไปดูก็จะแสดงถึงเอกลักษณ์ และวัฒนธรรมของแต่ละประเทศนั้นๆ

    6)    การวางแผนผังเมืองของนครเซี่ยงไฮ้ ถนนทุกสายสามารถทะลุผ่านถึงกันได้

    7)    มีความประทับใจ เพื่อนๆร่วมงานทุกท่านที่มีความเป็นกันเอง

    • อนาคตอยากให้มีการพัฒนาเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง และตลอดไป เพราะจะทำให้ภาคเอกชนมีช่องทางในการทำธุรกิจต่อไป

    นางสาวกิจติกร วงษ์เนตร์  

    นักทรัพยากรบุคคลปฏิบัติการ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

    นพมาศศิริ ดำรัสธรรม

    จาก SME  นวัตกรรมไทยเพื่อความปลอดภัย.. สิ่งที่ได้จากการมาเซี่ยงไฮ้กับกรมพัฒนาธุรกิจ 9-13 สิงหา 2553

    1.    เห็นการทำงานของภาครัฐของจีนมีการทำงานที่ประสานกัน แต่ละภาคส่วนทำการบ้านมาว่าจะหาใครมาคุยกับเรา โดยรู้ว่าฝ่ายเราเป็นใครจะมาบ้าง เอาคนที่มีความรู้มาคุยกับเรา  แต่ฝ่ายเรากลับเอาคนที่ไม่รู้เรื่องมาโดยเฉพาะ สสว.ทำเกี่ยวกับ SME  แต่ไม่เคยที่จะเรียนรู้เรื่องของ SME ทำให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน  ราชการเขาเอาคนมีความรู้ ความสามารถทำงาน แต่ของเราเปิดโอกาสให้เด็กเส้นมาต่างประเทศ

    2.    ผู้ที่มีหน้าที่ดูแลบ้านเมือง เขาให้ความสำคัญอย่างมากเรื่องความปลอดภัย สังเกตจาก สถานที่สาธารณะ เขามีระบบ และแวดระวังดีมาก และยังช่วยเจรจาที่จะช่วยทั้งของเขา และของเราใช้  Know How ร่วมกันทำธุรกิจการค้าแบบ Win Win  ในขณะที่บ้านเราผู้ที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยโดยตรงกลับไม่สนใจมองไม่เห็นความสำคัญ

    3.   โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีมาก แต่จะเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนต้องมีความต่อเนื่อง สมาคมไหนที่เห็นโอกาสและศักยภาพภาครัฐ ต้องมีหน้าที่ เติมน้ำมันเรือ ตัดเครื่อง TURBO ให้เขา อย่าปล่อยเรือเทลอยตุบป่องกลางทะเล และผู้ใหญ่ที่จะมาช่วยโครงการก็ต้องไม่มองแต่ธุรกิจอย่างเดียว ต้องมองภาพรวมทั้งหมดเป็นเหมือนทูตพานิชย์ เพราะจะเป็นการค้าระหว่างประเทศที่ยืนอยู่บนความสัมพันธ์ที่ดีตลอดไป

    (  ปล. ขออาจารย์จีระ ดูแลตลอดก็ดีนะค่ะ )

     

    สิ่งที่ได้รับจากการเดินทางมานครเซี่ยงไฮ้ตามโครงการพัฒนาเครือข่ายสมาคมการค้าในกลุ่มประเทศ ASEAN+6  

    1)    ทราบถึงลักษณะทางกายภาพของนครเซี่ยงไฮ้ ที่มีความเจริญมากเมืองหนึ่งของโลก มีประชากรมากถึง 20 ล้านคน ซึ่งถือได้ว่ามีขนาดเป็น 1/3 ของประเทศไทยทั้งประเทศ ระบบเศรษฐกิจที่เปิดให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมากจึงทำให้มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว

    2)    ความจริงจังในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ การสร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศของรัฐบาลจีน ดูได้จากความเอาใจใส่ของ Mr. Wezhiyi  ที่ดูแลคณะของเรา และช่วยประสานงานให้ได้พบกับหน่วยงานต่างๆของเซี่ยงไฮ้ ทั้งภาคเอกชน และรัฐบาลหลายหน่วยงาน และยังได้ทำความตกลงร่วมกันที่จะพัฒนาเครือข่ายร่วมกันด้วย

    3)    บทบาทของสมาคมการค้าในนครเซี่ยงไฮ้ ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน และบางองค์กรถือเป็นหน่วยงานของรัฐ โดยแต่ละสมาคมจะคอยช่วยดูแลประสานงาน ช่วยเหลือสมาชิก โดยในส่วนนี้สมาคมการค้าของไทยน่าจะได้ศึกษาแล้วนำไปเป็นแบบในการพัฒนาสมาคมให้มีความเข้มแข็งได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สมาคมการค้าของไทยเองยังไม่มีความชัดเจนว่าบทบาทควรจะเป็นอย่างไร และบางสมาคมก็ตั้งขึ้นมาโดยเอกชนเพียงไม่กี่ราย เพื่อที่จะปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มที่มีจำนวนไม่มาก

    4)    การเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศ ซึ่งในส่วนนี้ประเทศส่วนใหญ่จะมีการจำกัดประกอบธุรกิจของต่างชาติในบางกรณีได้ ซึ่งประเทศไทยเองก็เช่นเดียวกัน แต่แนวโน้มในอนาคตจะต้องมีการเปิดเสรีมากขึ้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในฐานะที่กำกับดูแลการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จะต้องทบทวนกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันว่าควรมุ่งไปในทางส่งเสริมให้ต่างประเทศเข้ามาประกอบธุรกิจได้เพิ่มขึ้น หรือยังควรที่จะต้องจำกัดการประกอบธุรกิจ การเข้ามาลงทุนของต่างชาติอีก

    จิตรกร  ว่องเขตกร สำนักกฎหมายและคดี กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

     

    • วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม 2553 ได้รับโทรศัพท์จาก คุณอภิชาติ ประเสริฐสุด  บอกว่าดิฉันได้รับเลือกให้เดินทางไปราชการ ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศสาธรณรัฐประชาชนจีน ดิฉันรู้สึกดีใจและประหลาดใจทำไมถึงได้รับเลือก แต่ต่อมาทราบจากผู้บังคับบัญชาว่า เป็นรางวัลสำหรับคนทำงาน
    • ดิฉันทราบจากความรู้สึกของตัวเอง เมื่อนึกถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูง เข้าใจทันทีว่านี้คือคำเตือนของผู้บังคับบัญชา กำลังบอกฉันว่างานที่ดิฉันทำยังไม่เพียงพอยังมีอีกมากมายที่จะต้องเรียนรู้ และต้องทำมากกว่าเดิมอีกมากมาย เป็นภาระต้องรับผิดชอบพร้อมให้โอกาสในการทำงานกับคำพูดที่ว่า “ให้รางวัลกับคนทำงาน” สั้นๆ
    • ณ  เมืองซี่ยงไฮ้ จากวันแรกถึงวันสุดท้าย 9-13 สิงหาคม 2553 ดิฉันก็ได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า และได้พบกับสิ่งดีๆ ได้พบเห็นสิ่งแปลกใหม่ และประทับใจหลายอย่างที่สำคัญคือ

    1.     นับว่าเป็นโชคดีได้มีโอกาสได้รู้จักกับ ศ.ดร.จีระ  เคยพบเห็นแต่ใน TV เมื่อท่านได้เป็นผู้นำคณะถึงได้รู้ว่า พบกับตำราอีกเล่มหนึ่งที่อ่านออกเสียง ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์จริง เป็นโชคดีสำหรับดิฉัน และท่านได้ให้ความเป็นกันเองกับทุกคนรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นลูกศิษย์โดยเฉพาะแบบอย่างในการวางตัวให้เหมาะสมกับทุกระดับ และทุกนักการทูตที่ดีในการทำงาน

    2.     การเรียนรู้การทำงานร่วมกับภาคธุรกิจในการทำงาน MOU ร่วมกับต่างประเทศ เป็นความมุ่งหวัง และ  อยากเรียนรู้ทีเดียว

    • ที่เซี่ยงไฮ้ ครั้งนี้ มีเสียงสะท้อนและคำแนะนำจากภาคธุรกิจที่จะต้องนำไปปรับปรุง และพัฒนาในการทำงานอยู่หลายประเด็น ปัญหาที่ทราบจะเป็นโดยที่ดิฉันเองหรือภาคราชการก็ตามสิ่งเหล่านี้ต้องได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน
    • ยังมีสิ่งที่ดิฉันได้สะท้อนจากภาพต่างๆที่ได้พบเห็นทั้งในเรื่องของบ้านเมืองและการทำงานอดนึกเสียใจไม่ได้ฉันรักประเทศไทย รู้สึกขมขื่นกับความวุ่นวายของประเทศที่เคยร่มเย็น เพียงแต่พวกเราคนในชาติรักกัน เอื้อเฟื้อต่อกัน เซี่ยงไฮ้ก็จะไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่าไทยแลนด์
    • ประเด็นที่รู้สึกไม่พร้อม และเสียดายคือ การเตรียมความพร้อมไม่เพียงพอ ขาดการวางแผนเตรียมการ การประชุมระดมความคิดและวางกรอบการทำงานในการทำข้อตกลงทำธุรกิจร่วมกับต่างชาติที่แสดงถึงความพร้อมของทีม และพร้อมทำธุรกิจเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในรายละเอียดข้อกำหมายระหว่างประเทศสำหรับนักธุรกิจ และที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง คือการไม่เก่งภาษาอังกฤษของฉัน ทั้งๆที่พัฒนาตัวเองแต่เพราะไม่จริงจังปล่อยโอกาสอย่างน่าเสียดาย ไม่เช่นนั้นคงช่วยอะไรได้บ้าง แต่ทุกคนก็ทำได้ดีด้วยความตั้งใจ
    • สุดท้ายนี้ดิฉันขอชื่นชม คุณอภิชาต  ประเสริฐสุด ด้วยความจริงใจ และภูมิใจกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเพราะเขาทำได้ จะเพิ่มความมั่นใจและเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้สามารถทำงานได้ใกล้เคียงคุณอภิชาติ ต่อไป
    • เป็นการเปิดโลกกว้างในการทำงานได้เรียนรู้วิธีการคิดการทำงานร่วมกับผู้อื่น ได้เรียนรู้ที่จะสร้างโอกาสต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ได้หลากหลาย ดิฉันพึ่งจักทำงานได้เพียงเวลาสั้นๆ แต่ก็มีโอกาสมาร่วมงานกับคนทำงานที่มีคนมีระดับความรู้มากๆ ดิฉันเป็นเด็กจึงได้รับกำไรความรู้ในการมาร่วมสังเกตการณ์ทำงานในครั้งนี้เป็นอย่างมาก และที่สำคัญอาจารย์ที่มาเป็นผู้นำคณะนี้ก็เก่งมากๆค่ะ ดีใจมากที่ได้มาร่วมทำงานร่วมกัน
    • ค้นพบว่าคนต่างชาติก็ยังสนใจลงทุนกับไทย
    • มันสำปะหลังก่อเกิดประโยชน์ได้มากมายกว่าที่คิด และจีนก็เกิดความสนใจ
    • นวัตกรรมที่ไทยคิดค้นยังมีโอกาสอีกมากในการเปิดตลาดกว้างมากในตลาดโลก
    • งาน Expo แต่ร้อน และเหนื่อยมากๆ

    ประทับใจ

    • หอไข่มุกสวยมากตรงบริเวณถ่ายภาพเป็นห้องกระจกให้เราขึ้นไปถ่ายภาพสวยงามมาก สิ่งที่ประทับใจ ถึงแม้ว่า อ.จีระ จะกลัวแต่ก็กล้าที่จะเดินเข้าไปถ่ายรูปตรงกระจก เยี่ยมมากเลยค่ะรูปสวย

     

    สมาคมมันสำปะหลังไทยภาคเหนือ

    • รู้สึกเป็นเกีรยติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการนี้ ได้รู้จักกับอาจารย์ กระทรวงพาณิชย์ สสว. NTU และสมาคมต่างๆ ทุกคนที่ร่วมดินทาง
    • โครงการนี้สร้างโอกาสให้กับสมาคมมันสำปะหลังไทยภาคเหนือ ได้ดินทางมาพบปะผู้ค้าจีน ได้รับการต้อนรับจาก Mr. Wu และทีมงานเป็นอย่างดี มีโครงการที่น่าสนใจ เรื่อง Bio ทำจากผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง
    • สำหรับอาจารย์ได้ให้ความรู้มากมาย ได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ เป็นคำแนะนำที่ดี จะนำกลับไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ผู้ร่วมเดินทางน่ารักทุกท่านเป็นกันเองมาก
    • จะนำความรู้ที่พัฒนาต่อไป มีโครงการอะไรก็จะสานต่อให้ประสบความสำเร็จให้ไม่วันใดก็วันหนึ่งต้องเป็นของเรา
    • ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้โอกาสกับเราในครั้งนี้ และหวังว่าคงมีโครงการดีๆแบบนี้อีกค่ะ                                     

     นิตยา ทรัพย์แสง (จากสมาคมมันสำปะหลังไทยภาคเหนือ)

    คุณสุรินทร์ พิชัย

    1.    ประทับใจ

    2.    กลับไปจะไปทำอะไร

    (1)   การต้อนรับ และการเตรียมงานของ Mr. Wu 

    • ได้พบปะตัวแทนสมาคมการค้าของเซี่ยงไฮ้
    • ได้เห็นโอกาสทางการค้า
    • ได้เห็นโอกาส ในการทำธุรกิจในอนาคต
    • เรียนรู้วิธีการ เจรจา สร้างสัมพันธ์ไมตรี กับนักธุรกิจต่างชาติ

    (2)    กลับไป

    • สร้างโครงการ  Bio หาช่องทาง และความเป็นไปได้ และหากำลังสนับสนุน จากนักธุรกิจ      (คุณศุภชัย ) สถาบันนวัตกรรมแห่งชาติ ( คุณศุภชัย ) มหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด
    • ติดตามผลงาน อ.จีระ  และขอคำแนะนำการพัฒนาคนในระดับท้องถิ่น
    • ติดต่อสมาคมการค้าที่มาติดต่อด้วย เพื่อตามงานที่ทำไป

    คุณสุรินทร์ พิชัย นายกสมาคมมันสำปะหลังภาคเหนือ

     

    ลำเพาพรรณ ลีรพันธุ์

    สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเข้าร่วมโครงการฯ

    “To know Shanghai today is knowing China of tomorrow”

    How about Thailand? (Where are we heading for?)

    • What is our Vision?
    • Where is our Future?

    ลำเพาพรรณ ลีรพันธุ์..SME  นวัตกรรมไทยเพื่อความปลอดภัย

    สวัสดีครับชาว Blog

    เมื่อวานนี้ (15 กันยายน 2553) ผมได้ไปร่วมกิจกรรมการสัมมนาสรุปผลโครงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือของกลุ่มประเทศ ASEAN+6 ซึ่งผมต้องทำหน้าที่เป็นผู้นำในการสรุปงานที่ไปเซี่ยงไฮ้ ผมจึงขอนำมาแบ่งปันกับทุกท่านที่นี่ครับ

     

     

     

     

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท