เรื่องของ KM เป็นเรื่องที่พูดถึงการมากในยุคนี้ ยุคที่ใช้เป็นดัชนีชี้วัดตัวหนึ่งของการพัฒนาองค์กร ในห้องสมุดที่ดิฉันทำงานอยู่ก็พูดเรื่อง KM กันมากประมาณปีกว่าๆ เราก็รู้แค่ความหมายที่ว่า "การแลกเปลี่ยนเรียนรู้" เพื่อให้มีการถ่ายโอนความรู้ระหว่างบุคคล มีการเรียนรู้ประสบการณ์ที่ดีร่วมกัน สร้างการทำงานเป็นทีม ลดการผูกขาดงานของบุคคลซึ่งจะมีปัญหาให้กรณีลาออก และเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุญ์ที่ใช้ทุนน้อย (แต่ต้องใช้เวลามาก)
KM ในห้องสมุดควรเป็นเรื่องอะไร...ดิฉันสับสนกับการอบรมหรือเสวนาเพื่อพัฒนาบุคลากร เหตุผลเพราะวัฒนธรรมในการถ่ายทอด การแสดงออกค่อนข้างมีน้อย ตัวผู้ที่จะไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้เลยกลายเป็นวิทยากร และอีกประเด็นหนึ่งคือการไม่เปิดใจในการรับ เพื่อพิจารณา บางครั้งอาจจะเป็นเรื่องที่อาจจะมหัศจรรย์ในการที่เกิดผลขึ้น แต่หากขัดกับหลักการแล้วมักจะเป็นการอภิปรายเพื่อให้เลือกว่า อะไรใช่-ไม่ใช่ ถูก-ไม่ถูก
เห็นเค้าว่ากันว่า เมื่อเราไปแลกเปลี่ยนแล้ว ต้องนำมาเรียนรู้ เพื่อดูว่าสิ่งที่ต้นแบบนั้นปฏิบัติ/พูดนั้นจริง หรือไม่ จึงจะเรียกว่าครบกระบวนการของ KM หากไม่ใช่ ต้องหาสาเหตุว่า "ทำไมไม่ใช่" หากแต่ถ้าไปฟังเฉยๆ ฟังมาแล้วนำไปบอกเพือนร่วมงานว่า วันนี้ไปฟังเรื่อง....มา คงไม่ใช่ KM ที่จะสามารถนำไปปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้ดีขึ้นได้
สำหรับหัวข้อ kM ที่น่าสนใจนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในห้องสมุด ดฉันสนใจเรื่อง
-ความสำคัญของงานลูกค้าสัมพันธ์กับห้องสมุด
-ห้องสมุดควรมีขวํญและกำลังใจในการส่งเสริมทำให้บุคลากรห้องสมุดต้องพัฒนาตนเองเพื่อตอบสนองความเป็น inter อย่างไร
-อะไรคือวัฒนธรรมองค์กรที่ทำให้ห้องสมุดไม่ประสบความสำเร็จ
Bloger ท่านใดว่างพอที่จะสละเวลาให้ความคิดเห็นเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้จะเป็นพระคุณอย่างสูง...
ที่จริงแล้วห้องสมุดแทบทุกแห่งมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถจำนวนมาก แต่เราไม่เคยนำปัญหาและปัญหาที่พบในการทำงานมาพูกคุยกัน เนื่องจากแต่ละคนไม่อยากให้ใครรู้ถึงปัญหา ซึ่งทำให้คนอื่นมองว่าตนเองไม่มีประสิทธิภาพ อีกข้อที่สำคัญคือการยึดถืออัตตาของบางคนสูงมาก ทำให้การรับฟังความเห็นทำได้น้อย การปรับเปลี่ยนแนวคิดเหล่านี้ไดน่าจะทำให้ KM ในฝันของห้องสมุดเป็นจริงขึ้นมา