หลังจากมีการดำเนินงานศูนย์ประสานประชาคมเอดส์ ( Provincial Coordinating Mechanisms: PCM ) มาได้เป็นระยะเวลา 1 ปีกว่า ๆ ผมได้รับบทเรียนที่ได้ค้นพบจากประสบการณ์การทำงานนี้ ที่จะมาถ่ายทอดให้ท่านที่สนใจได้อ่าน
เดิมทีนั้นในการทำงานเอดส์ในระดับจังหวัดนั้น จะมีคณะอนุกรรมการเอดส์จังหวัดเป็นเจ้าภาพหลัก สถานการณ์ก่อนปี 2547 ต้นทางงบประมาณของคณะอนุกรรมการเอดส์จังหวัดตั้งงบประมาณดำเนินการไว้ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จากนั้นก็ตัดโอนงบประมาณดังกล่าวสนับสนุนให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศแห่งละ 7 แสน ถึง 1 ล้านบาทต่อปี ตามขนาดประชากร
หลังปี 2548 มีการเปลี่ยนระบบงบประมาณต้นทางนี้ไปตั้งไว้ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขด้วยยอดเงินใกล้เคียงเดิม แล้วกระจายงบประมาณลงไปยัง สนง.สาธารณสุขจังหวัดเป็นก้อนรวม ๆ ( Block grant ) รวมไปกับโรคอื่น ๆ ในรูปแบบยุทธศาสตร์ ไม่เฉพาะเจาะจงด้านเอดส์เหมือนเดิม แล้วให้ผู้บริหารแต่ละสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตัดสินใจให้น้ำหนักงานเอดส์เอง ส่งผลให้งบประมาณดำเนินงานป้องกันแก้ไขปัญหาเอดส์ของแต่ละจังหวัดลดลง เนื่องจากแต่ละจังหวัดให้ความสำคัญด้านเอดส์ไม่เท่ากัน
ส่งผลให้เกิดช่องว่างด้านการบริหารจัดการปัญหาเอดส์ของจังหวัด ไม่มีเจ้าภาพมาดำเนินงานด้านเอดส์ บางจังหวัดจัดสรรงบประมาณด้านเอดส์เพียง 50,000 บาทต่อปี ในการรณรงค์วันเอดส์โลกและวันวาเลนไทน์เท่านั้น เพื่อป้องกันโรคเอดส์ให้กับประชาชนเกือบ 1 ล้านคนในจังหวัด
ต่อมาในปี 2551 กรมควบคุมโรค ต้องใช้งบประมาณจากกองทุนโลก สนับสนุนให้กับศูนย์วิชาการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั่วประเทศ 12 แห่ง ในการฟื้นฟูอนุกรรมการเอดส์จังหวัดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ทำได้เพียงการกระตุ้นให้เห็นความสำคัญในภาพรวมได้เท่านั้น การกระตุ้นในจังหวัดยังนิ่งงันอยู่
เป็นความโชคดีประจวบเหมาะกับช่วงปี 2551 รัฐบาลมีนโยบายตรวจราชการบูรณาการเอดส์ ทำให้กรมควบคุมโรคจึงพบช่องทางใหม่ในการพัฒนาขับเคลื่อนงานเอดส์ที่มีประสิทธิภาพ จากรายงานตรวจราชการ ฯ ดังกล่าวพบว่าจังหวัดเกือบทั้งหมด แทบไม่มีการจัดประชุมอนุกรรมการเอดส์จังหวัดเป็นเวลาติดต่อถึง 2 ปี ในช่วง 2549-2550
ส่งผลให้เกิดสุญญากาศการบริหารจัดการด้านเอดส์ในจังหวัดในประเทศไทยไประยะหนึ่ง ขาดการติดตาม กำกับ ประเมินผล การทำงานด้านเอดส์ของภาคส่วนต่าง ๆ การทำงานเอดส์ในจังหวัดจึงเป็นลักษณะแยกส่วนต่างคนต่างทำ ปรากฏการดังกล่าวบางแห่งยังส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนี้
ในช่วงปี 2552 จากรายงานพบบางจังหวัดจัดสรรงบประมาณการดำเนินงานด้านเอดส์เพียงเล็กน้อยร้อยละ 0.02 ของงบประมาณประจำปีเท่านั้น และบางจังหวัดไม่สามารถทราบสัดส่วนดังกล่าวเสียด้วยซ้ำเพราะไม่มีการเก็บฐานข้อมูลอย่างเป็นระบบ
ในปี 2552 โชคดีของประเทศไทยต่อที่ 2 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนโลกด้านโรคเอดส์ในระยะต่อเนื่อง ให้มีการจัดระบบกลไกการทำงานในระดับจังหวัดขึ้น เรียกว่า “ กลไกการประสานงานและระดมทรัพยากรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ โดยศูนย์ประสานประชาคมเอดส์จังหวัด: ศปอจ. (Provincial Coordinating Mechanism: PCM) “
โดยมีแนวคิดเป็นจัดกลไกที่คล่องตัวขนาดพอเหมาะเพื่อผสานและเติมเต็มระบบการทำงานคณะอนุกรรมการเอดส์จังหวัดตามปกติเพื่อขับเคลื่อนงานเอดส์ให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมดังแผนภาพ
การจัดกลไกการจัดการเชิงกลยุทธ์ ( Strategic Management ) ในระดับจังหวัดดังกล่าวนั้น คาดหวังจะให้เป็นกลไกในการประสานภารกิจเอดส์ภายในจังหวัด วางเป้าหมายให้เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์สำคัญ ที่จะเชื่อมโยงภารกิจและกิจกรรมในจังหวัดเข้าสู่กลไก กระบวนการนโยบาย และการจัดการบริการที่เกี่ยวข้องในจังหวัด รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ซึ่ง ศปอจ. ( PCM ) นี้มีภารกิจสำคัญ 5 ประการคือ
1. บูรณาการกลยุทธ์ป้องกันเอดส์ในเยาวชน และการดูแลรักษาเอดส์เข้าสู่กระบวนการนโยบายของจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัด
2. ประสานการเรียนรู้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สามารถจัดการภารกิจได้
3. ประสานภารกิจให้เกิดการวางแผนที่นำทาง (Road Map) ของหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดให้จัดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่มีประสิทธิผล
4. ระดมความร่วมมือ และทรัพยากรในจังหวัดเพื่อขยายผลให้ครอบคลุมพื้นที่
5. การสร้างระบบการติดตาม และประเมินผล เพื่อเสริมสมรรถนะการจัดการ
บทเรียนการทำงาน ศปอจ. ( PCM )
ผลจากการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานศปอจ. (PCM) ร่วมกันหลายครั้ง ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เข้าใจการดำเนินงาน PCM เพิ่มมากขึ้น การมีเวทีประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันทำให้ได้แนวคิดใหม่ๆ กลับไปพัฒนางานของตัวเอง แต่ทุกอย่างจะไม่มีประโยชน์เลยถ้าไม่ได้นำแนวคิดนั้นนำไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ศูนย์ประสานประชาคมเอดส์จังหวัด: ศปอจ. (PCM) ควรมีการนำและเชื่อมประสานกับหน่วยงานผู้รับทุนรอง / หน่วยงานผู้รับทุนย่อยในจังหวัด แบบเป็นหุ้นส่วนการทำงานที่เป็นมิตรจึงมีผลสำเร็จตามแผนงานได้อย่างอย่างมีประสิทธิภาพ
ควรมีการขอคำปรึกษาทางเทคนิควิชาการแบบมีพี่เลี้ยงจากศูนย์วิชาการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่ รวมทั้งมีการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานได้อย่างเป็นระบบ
ควรมีการเชื่อมประสานกับผู้กำหนดนโยบายระดับจังหวัด หากสามารถผลักดันออกประกาศให้การป้องกันเอดส์เป็นนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดและเป็นตัวชี้วัดแบบบูรณาการได้จะส่งผลดีต่อการทำงานภาพกว้าง รวมทั้งผสานริเริ่มการทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้อย่างกลมกลืนและสร้างสรรค์
ศปอจ.(PCM) ควรมีการประชุมปรึกษาหารือ ระดมความคิดเห็นจากหน่วยงานผู้รับทุนรองหรือหน่วยงานผู้รับทุนย่อยในจังหวัด และทีมงาน PCM กระจายทุกไตรมาสอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ไม่ควรจัดประชุมกระจุกตัวในไตรมาสท้าย ๆ ของปีงบประมาณ
เนื่องจากจะส่งผลให้การปรึกษาหารือการทำงานช่วงต้นปีขาดการนำที่เชื่อมโยงต่อเนื่องไปยังปลายปี
ศปอจ.(PCM) ควรรับรู้และมีการร่วมทำกิจกรรมในพื้นที่กับผู้รับทุนรองหรือหน่วยงานผู้รับทุนย่อยในจังหวัด และสำนักงานป้องกันควบคุมโรค อย่างสม่ำเสมอ จึงจะเห็นถึงภาพความสำเร็จที่เกิดขึ้น
จากประสบการณ์ทำงานผมขอเปรียบเทียบความแตกต่างของคณะอนุกรรมการเอดส์จังหวัด และ ศปอจ.(PCM) ดังรายละเอียดตารางด้านล่าง
|
ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนางาน ศปอจ.(PCM)
หากนำแนวคิดการทำงานคณะอนุกรรมการเอดส์จังหวัดไปรวมกับ ศปอจ.(PCM) จะทำให้การ ขับเคลื่อนงานป้องกันแก้ไขปัญหาเอดส์ทำได้ช้า หรืออาจไม่ขับเคลื่อนแตกต่างจากเดิมเลย เพราะติดระบบราชการ และไม่สัมฤทธิผลตามวัตถุประสงค์ในที่สุด
ต้องแยกแนวคิด ศปอจ.(PCM) กับคณะอนุเอดส์จังหวัดออกจากกันให้ได้ จึงจะเห็นภาพความสำเร็จเกิดขึ้น และ ศปอจ.(PCM) ต้องเชื่อมประสานและทราบแผนงานรายพื้นที่อำเภอ รายเดือนของหน่วยผู้รับทุนรองในพื้นที่ให้ได้ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเดินแนวคิดบูรณาการทำงานไปด้วยกัน
หากไม่สามารถเชื่อมประสานแผนกันได้ จะไม่สามารถประเมินผลการทำงานของหน่วยผู้รับทุนรองในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อหน่วยผู้รับทุนย่อยในจังหวัดจัดกิจกรรมควรแจ้งให้ ศปอจ.(PCM) ทราบล่วงหน้าทุกครั้ง เพื่อพิจารณาเข้าร่วมกิจกรรมและเรียนรู้ร่วมกัน
การประสานงานขอคำปรึกษาทางวิชาการกับ ศูนย์วิชาการ สคร.พื้นที่อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบงาน ศปอจ.(PCM) ไม่ออกนอกกรอบวัตถุประสงค์จนยากจะแก้ไข และการดำเนินแนวคิด ศปอจ.(PCM) ต้องยึดวัตถุประสงค์ของโครงการมากกว่าวัตถุประสงค์ขององค์กร แล้วนำกิจกรรม ศปอจ.(PCM) ไปตอบวัตถุประสงค์องค์กร เพราะสุดท้ายเมื่อระยะเวลาผ่านไปการทำงานจะเกิดภาวะลุ่ม ๆ ดอน ๆ จะไม่เห็นภาพความสำเร็จอย่างยั่งยืน
มีหลายคนมีคำถามในใจว่าสุดท้ายแล้วเราจะมีการสร้างความร่วมมือกันในจังหวัดอย่างไร ? ในการทำงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ผมมองว่าบทบาทของ ศปอจ.(PCM) ที่พึงปรารถนานั้นควรมีบทบาทดังนี้
ผมเปรียบเทียบการทำงานนี้เหมือนทีมฟุตบอล มีหน่วยงานส่วนกลาง (กองหลัง) เป็นผู้กำหนดนโยบายและแนวทางมีศูนย์วิชาการ สคร. (กองกลาง) เป็นผู้ประสานและสนับสนุนเชิงเทคนิค รวมทั้งเป็นโค้ชเชื่อมต่อความคิดระหว่างส่วนกลางและ ศปอจ.(PCM) กับหน่วยงานภาคีหุ้นส่วนในจังหวัด (กองหน้า) หากมีการวางแผนการทำงานร่วมกันเป็นระบบอย่างดี ความสำเร็จนั้นไม่ไกลเกินเอื้อมจะอยู่ตรงหน้าของทีมพวกเรานี่เอง
ไป Download ฉบับเต็มได้ที่ http://dpc9.ddc.moph.go.th/aids/tranfers/pcm53/Chertkiat_PCM_AIDS_29_June_2010.pdf
ภก. เชิดเกียรติ แกล้วกสิกิจ
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก
http://dpc9.ddc.moph.go.th/aids/cherkiat.html
Email : [email protected]
ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนางาน ศปอจ.(PCM)
หากนำแนวคิดการทำงานคณะอนุกรรมการเอดส์จังหวัดไปรวมกับ ศปอจ.(PCM) จะทำให้การ ขับเคลื่อนงานป้องกันแก้ไขปัญหาเอดส์ทำได้ช้า หรืออาจไม่ขับเคลื่อนแตกต่างจากเดิมเลย เพราะติดระบบราชการ และไม่สัมฤทธิผลตามวัตถุประสงค์ในที่สุด
ต้องแยกแนวคิด ศปอจ.(PCM) กับคณะอนุเอดส์จังหวัดออกจากกันให้ได้ จึงจะเห็นภาพความสำเร็จเกิดขึ้น และ ศปอจ.(PCM) ต้องเชื่อมประสานและทราบแผนงานรายพื้นที่อำเภอ รายเดือนของหน่วยผู้รับทุนรองในพื้นที่ให้ได้ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเดินแนวคิดบูรณาการทำงานไปด้วยกัน
หากไม่สามารถเชื่อมประสานแผนกันได้ จะไม่สามารถประเมินผลการทำงานของหน่วยผู้รับทุนรองในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อหน่วยผู้รับทุนย่อยในจังหวัดจัดกิจกรรมควรแจ้งให้ ศปอจ.(PCM) ทราบล่วงหน้าทุกครั้ง เพื่อพิจารณาเข้าร่วมกิจกรรมและเรียนรู้ร่วมกัน
การประสานงานขอคำปรึกษาทางวิชาการกับ ศูนย์วิชาการ สคร.พื้นที่อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบงาน ศปอจ.(PCM) ไม่ออกนอกกรอบวัตถุประสงค์จนยากจะแก้ไข และการดำเนินแนวคิด ศปอจ.(PCM) ต้องยึดวัตถุประสงค์ของโครงการมากกว่าวัตถุประสงค์ขององค์กร แล้วนำกิจกรรม ศปอจ.(PCM) ไปตอบวัตถุประสงค์องค์กร เพราะสุดท้ายเมื่อระยะเวลาผ่านไปการทำงานจะเกิดภาวะลุ่ม ๆ ดอน ๆ จะไม่เห็นภาพความสำเร็จอย่างยั่งยืน
มีหลายคนมีคำถามในใจว่าสุดท้ายแล้วเราจะมีการสร้างความร่วมมือกันในจังหวัดอย่างไร ? ในการทำงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ผมมองว่าบทบาทของ ศปอจ.(PCM) ที่พึงปรารถนานั้นควรมีบทบาทดังนี้
ผมเปรียบเทียบการทำงานนี้เหมือนทีมฟุตบอล มีหน่วยงานส่วนกลาง (กองหลัง) เป็นผู้กำหนดนโยบายและแนวทางมีศูนย์วิชาการ สคร. (กองกลาง) เป็นผู้ประสานและสนับสนุนเชิงเทคนิค รวมทั้งเป็นโค้ชเชื่อมต่อความคิดระหว่างส่วนกลางและ ศปอจ.(PCM) กับหน่วยงานภาคีหุ้นส่วนในจังหวัด (กองหน้า) หากมีการวางแผนการทำงานร่วมกันเป็นระบบอย่างดี ความสำเร็จนั้นไม่ไกลเกินเอื้อมจะอยู่ตรงหน้าของทีมพวกเรานี่เอง
ภก. เชิดเกียรติ แกล้วกสิกิจ
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก
http://dpc9.ddc.moph.go.th/aids/cherkiat.html
Email : [email protected]
ไม่มีความเห็น