คิด และทำอย่างไร ต่อไป กับการใช้บล็อกในการเรียนการสอน


จะบันทึกอะไรลงใน gotoknow คิดสักนิด สมุดบันทึกนี้เป็นของตัวเรา เราเป็นผู้รับผิดชอบ

               หลังจากที่ผมได้เข้าไปอ่านบันทึกของ ดร.ธวัชชัย ผมถามความรู้สึกของตนเองว่าคิดอย่างไร ทำอย่างไร

               หลังจากดูบันทึกคร่าวๆ ผมรู้เลยว่า อาจารย์กำลังเข้าใจผิด และไม่ทราบความคิดของผู้สอน และผู้เรียน ไม่ทราบว่าเป็นการส่งงานกลุ่ม ผมเป็นคนขอให้นิสิตทุกคน ได้บันทึกของตน ต่างคนต่างทำ แต่ขอให้ใส่ชื่อสมาชิกกลุ่มเอาไว้ ตอนนั้นเพียงแต่คิด ว่าเมื่อนิสิตจบไป เขาก็จะมีบันทึกร่องรอยของเขาในการเรียนเอาไว้

              เช้าวันนั้น ผมรีบโทรติดต่อผู้กว้างขวางในกลุ่มเพื่อนๆ บอกให้นิสิตที่ส่งบันทึก 3 คนรีบโทรหาผมด่วน เมื่อ ทั้งสามคนได้โทรมา ผมก็ถามเขาว่า

"ได้เห็นบันทึกต่อท้ายบล็อกของพวกเราหรือยัง ผมเข้าใจในสิ่งที่พวกเราทำนะ แต่ Gotoknow ไม่ใช่มีเฉพาะพวกเราเท่านั้นที่อ่านบล็อกของ Gotoknow แต่เป็นทั่วโลก และคนที่เข้ามาใช้นั้น ล้วนแต่เป็นนักวิชาการ เป็นอาจารย์ มอนอ สั่งสมชื่อเสียงมานาน จะมีเสียเพราะพวกเราหรือเปล่า"

              คำว่าพวกเราหมายรวมถึงเป็นที่ผมด้วยในฐานะผู้สอนที่ไม่ได้ชี้แจงให้ดี ทำความเข้าใจกันก่อน มองแค่ Gotoknow เป็นเครื่องมือ ผมบอกกับนิสิตว่า

      "พวกเราเข้าไปดูบล็อกของพวกเราก่อน เราควรขอโทษในสิ่งที่เราทำ แต่เราอย่าแก้ตัวนะ เพราะถึงแม้ว่าเราจะทำงานกลุ่ม แต่เราส่งใน 3 บล็อก มีข้อความเหมือนกัน ความคิดของแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน และเราก็ไม่ควรลบบันทึกของพวกเราทิ้งด้วย เพราะมันเหมือนการหนีปัญหา" 

           หลังจากนั่งร้องไห้ไปยกหนึ่งแล้ว(นิสิต) นิสิตเค้าก็เล่าให้ฟังว่าได้เข้าไปขอโทษ ผ่านบันทึกดังกล่าว และได้ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น และเขาก็เข้าใจ Gotoknow และโลกของอินเทอร์เน็ตมากขึ้นว่าไม่ใช่อยู่แค่ในห้องเรียน หรือในกลุ่มของพวกเขาเท่านั้น แต่เป็นโลกกว้างที่ออกสู่โลกภายนอก ที่ไร้ขอบเขตจำกัด (ความจริงแล้วผมอยากให้นิสิตทั้ง 3 คนสะท้อนออกมาเองดีกว่า ว่าเขาได้บทเรียนอะไรจากครั้งนี้)

         ส่วนผมเอง ผมคิดว่าผมคงจะได้ประสบการณ์อะไรมากมาย ได้ข้อคิด ได้มีอะไรที่ไม่ต้องให้เราเป็นคนพูดเอง แต่ต้องขอขอบคุณ ดร.ธวัชชัย และยืมบันทึกของ ดร.ธวัชชัย เป็นเครื่องเตือนสติให้กับนิสิตอีกหลายคน ว่าจะบันทึกอะไรลงใน gotoknow คิดสักนิด สมุดบันทึกนี้เป็นของตัวเรา เราเป็นผู้รับผิดชอบ gotoknow ไม่ใช่เว็บบอร์ดที่เขียนอะไรทิ้งไว้ก็ได้

           จริงๆ แล้วหลังจากอ่านบันทึกของ ดร.ธวัชชัย ผมไม่รู้สึกโกรธสักนิด และนึกชม อาจารย์ในใจว่าอาจารย์เป็นผู้กล้า กล้าคิดและกล้าพูด และรู้กิตติศัพท์ ของอาจารย์ จาก ดร.จันทรวรรณมาบ้างแล้ว เพราะรู้ ว่าถ้าเป็นผม ผมก็คงไม่กล้าเหมือน ดร.ธวัชชัย

                  (หมายเหตุบันทึกยังไม่จบครับต้องไปประชุมก่อน และผมหาวิธีบันทึกเป็นร่างไม่ได้ครับ) 

          บันทึกต่อครับ 21.24 น.

         ก่อนหน้านี้ผมได้เข้าไปอ่านความคิดเห็นของแต่ละท่านในบันทึกที่ผ่านมาแล้วครับ ต้องขอขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ

         ผมต้องขอบอกก่อนว่าที่ผมบันทึกนี้ ไม่ใช่เพราะผมต้องการแก้ตัวใดๆ  ผมไม่ได้โกรธ และไม่ได้ใช้อารมณ์ และก่อนบันทึกแรกผมก็ได้เข้าไปอ่านบันทึกที่ ดร.ธวัชชัย เขียนแก้ไขไว้แล้วครับ แต่ผมเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะใช้ โอกาสนี้ ทำให้นิสิตของผมได้เข้าใจ คำว่า plagiarism ที่ ดร.ธวัชชัยเขียนไว้

"เรื่อง plagiarism นี่เป็นเรื่องใหญ่มากครับ ต้องขอเรียนว่าในวงการวิชาการเท่าที่ผมได้มีโอกาสได้สัมผัสในช่วงศึกษาอยู่นั้น plagiarism เป็น "อาชญากรรม" จริงๆ ครับ เรื่องอื่นยังทนกันได้ครับ แต่ plagiarism นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายกันเลย ผมจึงเขียนในบันทึกว่า ในบางประเทศนั้น "การลอก" หมายถึงถูกไล่ออกและหาที่เรียนใหม่ไม่ได้ทีเดียวครับ"

        เพราะผมรู้ว่า ผมใจไม่ถึงพอ ผมยังนึกเสียใจที่ผมไม่ดำเนินคดีกับ นักศึกษา ปวช. ที่เข้ามาโขมย มอเตอร์ไซต์ในหอพักผม พ่อแม่เขามาร้องห่มร้องไห้ ขอร้องให้เห็นกับอนาคตทางการศึกษาของลูกเขา และด้วยความใจไม่ถึงนี่เองที่ทำให้ลูกศิษย์ที่เป็นตำรวจมา เล่าให้ฟังว่าเด็กคนนั้นถูกจับรอบสองอีกแล้วครับ ดังนั้นผมว่า ผมเห็นด้วยกับ ดร.ธวัชชัยที่กล้าออกมาพูดอะไรแรงๆ ที่จะทำให้บางคนหยุด และหันมองการกระทำของตนเอง ว่าไม่ใช่ สักแต่ว่าเรียน ไปค้น แล้วคว้า โดยไม่ได้แสดงความคิดเห็นของตนเอง หรือมีความคิดเป็นของตนเองสักนิต ผมว่าคนเหล่านี้จบปริญญาไปคงไม่ภูมิใจ

          ตอนนี้ผมและนิสิต คงคิดหนักมากขึ้น ระมัดระวังในการใช้บล็อก เหตุนี้ไม่ใช่เคสแรกที่เกิดกับผม บล็อกมีทั้งจุดดี และจุดเสีย ขึ้นอยู่กับวิธีการนำไปใช้ มีบางคนถึงกับพูดกับผมว่า "ถ้างั้นเค้าขอหยุดเกี่ยวข้องกับบล็อก แล้วเค้าก็หยุดจริงๆ" แต่สำหรับผม ผมคงไม่คิดแบบนั้น ผมคงยังบันทึกต่อไป แต่สำหรับในการเรียนการสอน ผมคงมองหาทางออกต่อไป ที่จะไม่รบกวนบล็อก Gotoknow เพราะผมเองก็เคยรู้สึกรำคาญนิสิตที่ ม.ราชภัฎแห่งหนึ่งที่เข้ามาบันทึกประสบการณ์ฝึกงาน รู้สึกว่าเค้าใช้บล็อกผิดที่ผิดทางหรือเปล่า แต่แล้วผมก็เห็นข้อดี เห็นพัฒนาการในการเขียนของนิสิต เห็นประโยชน์จากการตรวจบันทึกฝึกงานของอาจารย์ ผมยังเคยคิดเสนอให้ภาควิชาใช้แนวทางเดียวกัน แต่ตอนนี้ผมคงต้องขอคิดก่อน

ความเดิมจากตอนที่ผ่านมา

หมายเลขบันทึก: 36977เขียนเมื่อ 4 กรกฎาคม 2006 14:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:16 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ดีใจมากครับที่อาจารย์ไม่ถือบันทึกผมเป็นอารมณ์ ผมก็ดุเดือดเกินไปไม่ได้ยั้งคิดให้รอบคอบกว่านี้ เป็นนิสัยส่วนตัวที่แก้ยากเหลือเกิน รู้ตัวเสมอครับว่านิสัยแบบผมนี้จริงๆ แล้วก็ไม่ค่อยเหมาะที่จะเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาเท่าไหร่

ผมกลายเป็นนักสร้าง a reversed tipping point แนวดุเดือด แต่ถ้ามองผลดีเราก็จะเห็นได้ว่าประเด็นนี้กลายเป็น a tipping point ที่เราได้มีโอกาสพูดคุยกันในเรื่องนี้กันในหมู่สมาชิกครับ

ต้องเรียนขอโทษอาจารย์อีกครั้งหนึ่งครับ

มองมุมต่างในความคิด มองความคิดของคนอื่นในมุมต่าง จะทำให้เราเพิ่มพูนประสบการณ์และความรู้คะ

 

น้องนิว

 Caveman ส่งการบ้าน  เดี่ยว กลุ่ม

   หรือ  เขียนไปเรื่อยๆ

  หรือ ระบายความคิด

   หรือ ว่าบันทึกส่วนตัว

    ไหนว่า ไม่มีผิด ไม่มีถูก...

      หรือว่า..มุ่งหวังให้เกิดนิสัย การลิขิต

        ชีวิตสับสน....เฮ้อ 
   Thinking

          "สรุปกันใหม่ ทำอะไร ทำเพื่อใคร ทำไปทำไม"

  • ยังเชื่อมั่นว่าการบันทึกเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ดีครับอาจารย์
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท