สวนโมกข์พุมเรียง


จึงเกิดคำว่า สวนโมกขพลาราม อันหมายถึง สวนป่าอันเป็นกำลังแห่งความหลุดพ้นทุกข์ ขึ้นในโลกตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

    พอเอ่ยคำว่าสวนโมกข์ คนทั่วไปก็นึกถึงแต่ “วัดธารน้ำไหล” อันเป็นที่ซึ่ง ท่านพุทธทาส ใช้เป็นที่ศึกษา ปฏิบัติ และ ประกาศธรรม จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตฝ่ายกายของท่าน

    ที่จริงแล้ว สวนโมกข์พุมเรียง คือจุดกำเนิด หรือเป็นเสมือนปฐมบทของสวนโมกข์ที่เราท่านรู้จักกันในปัจจุบันนี้  เหตุการณ์มีมาตั้งแต่พศ.2475 แล้วครับ

     ท่านพุทธทาส หรือ พระมหาเงื่อม ในเวลานั้น พร้อมด้วยโยมน้องชาย คือ นายยี่เกย หรือ คุณธรรมทาส พานิช (เจ้าของโรงเรียน พุทธนิคม ที่ผมเล่าเรียนมาจนจบชั้นมัธยม)และ เพื่อนในคณะธรรมทานประมาณ 4 - 5 คน เท่านั้น ที่ร่วมรับรู้ถึงปณิธานอันมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม ตามรอยพระอรหันต์ ของท่าน

     ทุกคนเต็มอกเต็มใจ ที่จะหนุนช่วยด้วยความศรัทธา โดยพากันออกเสาะหาสถานที่ ซึ่งคิดว่ามี ความวิเวก และ เหมาะสมจะเป็นสถานที่ เพื่อทดลองปฏิบัติธรรม ตามรอยพระอรหันต์ สำรวจกันอยู่ประมาณเดือนเศษ ก็พบ วัดร้าง เนื้อที่ประมาณ 60 ไร่ ชื่อ วัดตระพังจิก ซึ่งรกร้างมานาน บริเวณเป็น ป่ารกครึ้ม มีสระน้ำใหญ่ ซึ่งร่ำลือกันว่ามีผีดุอาศัยอยู่

     เมื่อเป็นที่พอใจแล้ว คณะอุบาสก ดังกล่าว ก็จัดทำเพิงที่พัก อยู่หลัง พระพุทธรูปเก่า ซึ่งเป็นพระประธานในวัดร้างแห่งนั้น แล้วท่านก็เข้าอยู่ในวัดร้างแห่งนี้ เมื่อวันทื่ 12 พฤษภาคม 2475 อันตรงกับ วันวิสาขบูชา โดยมี อัฐบริขาร ตะเกียง และ หนังสืออีกเพียง 2 - 3 เล่ม ติดตัวไป เท่านั้น

     เข้าไปอยู่ได้ไม่กี่วัน วัดร้าง นาม ตระพังจิก นี้ ก็ได้รับการตั้งนามขึ้นใหม่ ซึ่งท่านเห็นว่า บริเวณใกล้ที่พักนั้น มี ต้นโมก และ ต้นพลา ขึ้นอยู่ทั่วไป จึงคิดนำคำทั้งสองมาต่อเติมขึ้นใหม่ ให้มีความหมายใน ทางธรรม จึงเกิดคำว่า สวนโมกขพลาราม อันหมายถึง สวนป่าอันเป็นกำลังแห่งความหลุดพ้นทุกข์ ขึ้นในโลกตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

     ที่มาของข้อมูล :  http://www.rosenini.com/suanmokkh/pumriang/pr01.htm

                                                 ตามไปดูได้ครับ มีภาพถ่ายงามๆให้ดูด้วย

หมายเลขบันทึก: 368941เขียนเมื่อ 24 มิถุนายน 2010 12:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 13:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

เข้าไปดูแล้วพี่บ่าว เจอภาพสวยสุดๆๆ หมุนไปหมุนมา ทึ่งๆๆ

สวัสดีครับ น้องบ่าว

   ถึงสุราษฎร์แล้ว โทรคุยหน่อยนะ ทั้งศุกร์-เสาร์ พี่บ่าวมีสอนที่ มรภ.สฎ. โดยวันเสาร์จะมีป้าจุ๋มร่วมเดินทางกลับไปค้างที่ไชยาด้วยล่ะ

ขอบคุณสำหรับความรู้ ซึ่งผมยังไม่ทราบเรื่องราว ของ สวนโมกขพลาราม ผมมาอ่านจึงได้รู้ประวัติความเป็นมาของสวนโมกขพลาราม ผมขอบคุณอาจารย์พินิจมาก ผมได้รู้จักกับอาจารย์ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2553 ซึ่งผมเป็นลูกศิษย์อาจารย์ ผมเรียน ป.บัณฑิต วิชาชีพครู รุ่น 11 กลุ่ม 1 ตอนที่ผมเรียนก็ยังไม่ทราบว่า GotoKnow จะเป็นประโยชน์กับเรายังไง จนกระทั่งผมได้เขามาสมัครและเข้ามาอ่าน ข้อความ ในGotoKnow ของอาจารย์ หรือคนอื่นๆ ที่นำข้อความที่มีประโยชน์มาแบ่งกัน ก็ได้รู้ว่ามันมีประโยชน์มาก ความรู้ที่เรายังไม่เคยรู้ ก็ได้รู้ ขอบคุณครับ ผมจะเข้ามาเยี่ยมอาจารย์บ่อยๆๆนะครับ

ขอบคุณครับ คุณนาย ธนพงศ์ เพชรทอง

  • ขอบคุณที่แวะมาอ่าน และต่อเติมเรื่องราว
  • เหตุที่เป็น "คุณนาย" เพราะเราไปใส่คำนำหน้านามตอนกรอกประวัติครับ ควรเข้าไปตัด "นาย" ออกเสีย จะได้ไม่มีปัญหา

  

สวัสดีครับอาจารย์ Handy

เข้าไปชมภาพแล้วครับขอบคุณ

ได้รู้ประวัติศาสตร์ วัดสวนโมก เป็นความรู้เป็นปัญญาที่ต้องนำไปบอกเล่าต่อให้คนอื่นได้รับรู้ครับอาจารย์

หนูเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ บ้านก็อยู่ไม่ไกลจากสวนโมกข์(แถวท่าฉาง)แต่ไม่ค่อยรู้ประวัติมากนัก พอมาอ่านข้อความของอาจารย์ทำให้รู้จักสวนโมกข์มากขึ้น ดีใจจังที่ได้มีโอกาสเข้ามาอ่าน

อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลยค่ะ อ.handy

อยู่สุราษฎร์มาตั้งแต่เกิด แต่ไม่เคยรู้ว่าคำว่า สวนโมกขพลาราม มาจากอะไร

แล้วจะไปบอกใครได้ว่าเป็นคนสุราษฎร์

สวัสดีค่ะ....ไม่ได้ดูภาพหรอกค่ะ.....เพราะว่าบันทึกอยู่ในความทรงจำของฉันเองอยู่ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว...ฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่ได้ไปสวนโมกข์ เมื่อ ปี2526 ผ่านมา 27 ปีแล้ว ตอนนั้นเรียนอยู่ ม.4 โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา.......จำได้ว่าวันนั้นในเมืองสุราษฎร์ มีคอนเสิร์ต ของ อำพล ลำพูน ซึ่งวัยรุ่นส่วนใหญ่อยากจะดู......แต่ก็ยังมีอยู่ 3 คน เลือกที่จะเข้าวัดแทน......วันนั้นเดินกันจนถึงเขานางเอ....มีความสุขมากค่ะ........สุขใจจริงๆ ###################

...................ยังมีเหตุการณ์อีกหลายอย่างที่สำคัญกับชีวิต..ที่ผูกพัน กับ สวนโมกขพลาราม.......ป่าที่สงบของฉัน.

ผมเป็นคนสุราษฎร์ธานีโดยกำเนิด แต่มีโอกาสได้ไปสวนโมกข์ครั้งเดียวตอน ป.4 เพราะโรงเรียนพาไปทัศนศึกษา แล้วก็เข้าไปวิ่งเล่นแค่ชั่วครู่ แล้วก็เอาเวลาส่วนใหญ่ไปดูเต่ายักย์ซะมากกว่า ตามประสาเด็ก แต่สิ่งนึงที่สำผัสได้จากที่นั่นคือ สงบ ร่ม เย็น 

พอโตขึ้นมาหน่อยก็มีความคิดว่าถ้าจะบวชก็ต้องวัดนี้แหละ แต่เมื่อเวลานั้นมาถึงก็ต้องทำตามผู้ใหญ่ บวชในวัดที่บ้าน 

คงต้องหาโอกาสเข้าไปสัมผัสอีกสักครั้ง อยากรู้ว่าความรู้สึกที่สัมผัสตอนเป็นเด็กกับตอนที่มีวุฒิภาวะแล้วจะเหมือนกันมั้ย โอกาส...

สวัสดีค่ะอาจารย์ Handy

ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ

หนูเป็นคนจ.นครศรีธรรมราชไม่ค่อยรู้เรื่องสวนโมกขพลารามสักเท่าไร

ได้อ่านแล้วน่าสนใจมากเลยค่ะ ภาพสวยด้วย

   ขอบคุณทุกท่านครับที่เข้ามาติดตามและเก็บเกี่ยว+ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่นำมาฝาก

   ผมมีบันทึกเก่าๆที่มีเรื่องราวพาดพิงถึงสวนโมข์อยู่หลายบันทึก เริ่มแต่บันทึกแรกใน G2K แห่งนี้เลยทีเดียว  จะลองคลิก ไล่ดูจาก สารบัญ หรือค้นด้วยคำ "เสียงธรรมจากสวนโมกข์" ก็ย่อมได้

   สวัสดีครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์พินิจ พันธ์ชื่น

หนูเป็นลูกศิษย์อาจารย์ในการทำblogเหมือนกันค่ะ

หนูอยากไปสวนโมกข์มากๆเลยตอนนั้นทางโรงเรียนจัดทัศนศึกษาพามาที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีนี่แหละค่ะ

เกือบจะได้ไปแล้วแต่ทางโรงเรียนเปลี่ยนแผนการเดินทางเลยทำให้หนูอดไปดูสวนโมกข์เลยค่ะ

เห็นภาพแล้วเงียบสงบดีค่ะ

บทความนี้ทำให้ ได้ระลึกถึง "สวนป่าอันเป็นกำลังแห่งความหลุดพ้นทุกข์"

ขอบคุณนะคะ ^^

สวัสดีค่ะอาจารย์พินิจ

หนูเป็นศิษย์ของอาจารย์ ซึ่งได้เรียนแค่วันศุกร์เพียงวันเดียว เสียดายมากค่ะ

หนูเป็นคนไชยาค่ะ หนูภูมิใจมากที่ได้เป็นคนบ้านเดียวกับอาจารย์

หนูได้เข้าไปดูภาพแล้วสวยมากค่ะ แต่ถ้าได้เข้าไปสัมผัสจริงๆจะสวยงาม และ

มีความสงบ ร่มเย็น มากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท