"แม่ค่ะ เราต้องเก็บเรื่องนี้ไม้เป็นความลับ" คำพูดที่น่ารักๆของน้องภัทร ที่มักพูดเสมอ เวลาที่จะเล่าอะไรๆให้แม่ฟัง แล้วแม่ไม่ต้องไปบอกคนอื่น "ได้สิลูก ว่ามาเลย" ว่าแล้วคุณแม่ก็ต้องเอียงหนู ให้น้องภัทรเริ่มเล่า "วันนี้ น่ะน้องภูมิ................." แค่ได้ยินชื่อตัวเองแค่นั้นแหละ ก็จะมีอีกหนึ่งเสียง ของเด็กชายวัยสามขวบครึ้งแทรกเข้ามา
"ความลับอะไรเหรอพี่ภัทร" แล้วพี่สาวก็จะพูดต่อว่า.......................น้องภูมิก็จะต้องมีเหตุผลมาบอกคุณแม่อีกมากมาย เพื่ออธิบายว่าความจริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น
สำหรับฉันแล้วคิดว่า การที่ลูกทั้งสองคนเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยลูกๆก็จะเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในแต่ละวันแต่ละสัปดาห์ที่เขาไปเรียนให้ฟังไม่ได้ขาด แม้ว่าจะห่างกันบ้างในช่วงคืนวันจันทร์-พฤหัสบดี ก็ถือว่าไม่นาน เวลาที่เราคุยกันจะเป็นช่วงของการขับรถไปส่งลูกไปโรงเรียนและไปรับลูกกลับบ้าน แล้วก็ช่วงก่อนนอน
"เวลาสำคัญมากๆกับความผูกพันของคนในครอบครัว เวลาจะมากหริิือน้อยคงไม่สำคัญเท่าเราใช้เวลาในแต่ละวินาทีที่อยู่ร่วมกันนั้นอย่างคุ้มค่าเพียงไร"
ตอนนี้ลูกๆโตขึ้นมาก ช่วยเหลือตัวเองได้หลายอย่างไปอยู่ที่บ้านคุณตาคุณยาย ท่านทั้งสองก็ไม่ค่อยลำบาก ท่านออกจะมีความสุขด้วยซ้ำ ที่ได้ช่วยดูแลหลาน เพราะหากไม่ใ้ห้ภัทรภูมิไปอยู่กับตายายสิ ท่านคงเหงามากเพราะมีกันอยู่สองคน หิวก็กินไม่หิวก็ไม่กิน แต่เมื่อมีหลานไปอยู่ด้วย เลิกโรงเรียนบ่ายสามครึ่ง-บ่ายสี่โมง หน้าที่ของคุณตาคือไปรับหลาน ได้เปิดหูเปิดตาพบเพื่อนๆ ก็มีความสุขไปอีกแบบ คุณยายก็ได้เตรียมอาหารอยู่ที่บ้าน กลับถึงบ้านได้สักพัก หลานๆอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ได้เตรียมทานข้าวกัน ท่านทั้งสองก็ได้ทานด้วย อย่างน้อยก็มีอะไรๆที่เป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น สนใจสุขภาพ ใส่ใจกับอาหารการกินมากขึ้นด้วย
ประเมินจากช่วงเวลาเย็นของวันศุกร์ ที่ดิฉันจะต้องไปรับลูกๆกลับบ้าน ตาจะต้องมาถามภัทรภูมิทุกครั้งเลย "ความจริงไม่ต้องให้แม่มารับก็ได้ อยู่กับตาก็สบายดี ไหนบอกว่ารักตารักยายไง" น้องภูมิก็จะตอบว่า "วันศุกร์แล้่วภูมิกับพี่ภัทรจะกลับบ้านไปนอนกับแม่ แล้ววันจันทร์มานอนด้วยใหม่ครับตา" แล้วแถมคำสร้อยข้างท้ายว่า "ตาคืนนี้ไม่มีหลานนอนด้วยนะครับ" คำพูดน่ารักๆแบบนี้ ดิฉันไม่เคยสอนให้เขาพูดแต่ลูกๆจะมีคำพูดที่คนฟังได้ฟังแล้วจะรู้สึกรักเขาขึ้นมาเลยทีเดียว
ธรรมชาติของเด็กถ้าเราสอนพวกเขาอย่างสร้างสรรค์ ใช้เหตุผลคุยกันตั้งแต่เด็กๆ เมื่อโตขึ้นเขาจะเข้าใจสิ่งที่เราพูดเราบอกมากขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญเขาจะสามารถแตกยอดความคิดออกไปได้อีกไกล สำหรับช่วงนี้อาจจะเหนื่อยมากๆ พูดเยอะๆหาเหตุผลมาเล่าบอกลูกมากๆหน่อย
คำถามสุดฮิต
1. ทำไมต้องไปโรงเรียน 2. ทำไมต้องกินผัก 3. ทำไม่แม่ไม่ให้กินน้ำอัดลมและลูกอม
4. ทำไมต้องแปรงฟันก่อนนอน และอื่นๆอีกมากมาย...........................................ซึ่งทุกคำถามคุณพ่อคุณแม่ต้องมีคำตอบไว้ในใจนะคะ แต่ไม่เสมอไปหรอกค่ะที่ทุกคนทุกครอบครัวจะต้องตอบเหมือนกัน บางครั้งเราบอกลูกแบบนี้ แต่อีกครอบครัวหนึ่งอาจจะบอกแบบอื่นๆก็ได้ แต่ขอให้เป็นเหตุเป็นผลกันเป็นเรื่องๆจริงๆ เด็กจะได้รู้ว่าอ้้อจริงๆแล้วมันเป็นแบบนี้นะหรือสามารถเป็นแบบอื่นๆอีกได้ ในเรื่องเดียวกันมีหลายแบบหลายมุม
เวลาเป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนได้รับความยุติธรรมที่สุด นั่นหมายถึงว่า ทุกคนในโลกใบนี้ไม่ว่าจะยากดีมีจนได้เวลาในหนึ่งวันเท่ากัน คือ 24 ชม. หากทุุกคนใช้ทุกวินาทีอย่างคุ้มค่า เื่ืพื่อคนที่เรารักและรักเรา ในหนึ่งวันเพียง 30 นาที - 1 ชม. ก็จะช่วยสานความผูกพันในครอบครัวได้มากขึ้นค่ะ เมื่อครอบครัวเข้มแข็งแล้ว ชุมชน สังคม จะเข้มแข็งตามไปด้้วย ดิฉันเชื่ออย่างนั้นค่ะ
พอได้กลับมาอ่านแล้วรู้สึกดีจัง เวลา - ความรัก - การแสดงออก และเราจะได้รู้ว่าเราจะทำทุกอย่างที่ดี เพื่อใคร