เทียนขาว
นาง เพ็ญทิวา เพ็ญทิวา สารบุตร

เวลากับการสร้างสัมพันธภาพในครอบครัว


เวลากับความผูกพันในครอบครัว

             "แม่ค่ะ  เราต้องเก็บเรื่องนี้ไม้เป็นความลับ"  คำพูดที่น่ารักๆของน้องภัทร  ที่มักพูดเสมอ  เวลาที่จะเล่าอะไรๆให้แม่ฟัง  แล้วแม่ไม่ต้องไปบอกคนอื่น  "ได้สิลูก ว่ามาเลย" ว่าแล้วคุณแม่ก็ต้องเอียงหนู  ให้น้องภัทรเริ่มเล่า  "วันนี้ น่ะน้องภูมิ................."  แค่ได้ยินชื่อตัวเองแค่นั้นแหละ  ก็จะมีอีกหนึ่งเสียง  ของเด็กชายวัยสามขวบครึ้งแทรกเข้ามา

  

"ความลับอะไรเหรอพี่ภัทร"  แล้วพี่สาวก็จะพูดต่อว่า.......................น้องภูมิก็จะต้องมีเหตุผลมาบอกคุณแม่อีกมากมาย  เพื่ออธิบายว่าความจริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น

สำหรับฉันแล้วคิดว่า การที่ลูกทั้งสองคนเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน  อย่างน้อยลูกๆก็จะเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในแต่ละวันแต่ละสัปดาห์ที่เขาไปเรียนให้ฟังไม่ได้ขาด  แม้ว่าจะห่างกันบ้างในช่วงคืนวันจันทร์-พฤหัสบดี ก็ถือว่าไม่นาน   เวลาที่เราคุยกันจะเป็นช่วงของการขับรถไปส่งลูกไปโรงเรียนและไปรับลูกกลับบ้าน  แล้วก็ช่วงก่อนนอน

"เวลาสำคัญมากๆกับความผูกพันของคนในครอบครัว  เวลาจะมากหริิือน้อยคงไม่สำคัญเท่าเราใช้เวลาในแต่ละวินาทีที่อยู่ร่วมกันนั้นอย่างคุ้มค่าเพียงไร"

ตอนนี้ลูกๆโตขึ้นมาก  ช่วยเหลือตัวเองได้หลายอย่างไปอยู่ที่บ้านคุณตาคุณยาย ท่านทั้งสองก็ไม่ค่อยลำบาก  ท่านออกจะมีความสุขด้วยซ้ำ  ที่ได้ช่วยดูแลหลาน  เพราะหากไม่ใ้ห้ภัทรภูมิไปอยู่กับตายายสิ  ท่านคงเหงามากเพราะมีกันอยู่สองคน  หิวก็กินไม่หิวก็ไม่กิน  แต่เมื่อมีหลานไปอยู่ด้วย เลิกโรงเรียนบ่ายสามครึ่ง-บ่ายสี่โมง หน้าที่ของคุณตาคือไปรับหลาน  ได้เปิดหูเปิดตาพบเพื่อนๆ  ก็มีความสุขไปอีกแบบ คุณยายก็ได้เตรียมอาหารอยู่ที่บ้าน กลับถึงบ้านได้สักพัก  หลานๆอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ได้เตรียมทานข้าวกัน  ท่านทั้งสองก็ได้ทานด้วย อย่างน้อยก็มีอะไรๆที่เป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น สนใจสุขภาพ  ใส่ใจกับอาหารการกินมากขึ้นด้วย

ประเมินจากช่วงเวลาเย็นของวันศุกร์  ที่ดิฉันจะต้องไปรับลูกๆกลับบ้าน ตาจะต้องมาถามภัทรภูมิทุกครั้งเลย "ความจริงไม่ต้องให้แม่มารับก็ได้  อยู่กับตาก็สบายดี ไหนบอกว่ารักตารักยายไง" น้องภูมิก็จะตอบว่า  "วันศุกร์แล้่วภูมิกับพี่ภัทรจะกลับบ้านไปนอนกับแม่  แล้ววันจันทร์มานอนด้วยใหม่ครับตา"  แล้วแถมคำสร้อยข้างท้ายว่า  "ตาคืนนี้ไม่มีหลานนอนด้วยนะครับ"  คำพูดน่ารักๆแบบนี้ ดิฉันไม่เคยสอนให้เขาพูดแต่ลูกๆจะมีคำพูดที่คนฟังได้ฟังแล้วจะรู้สึกรักเขาขึ้นมาเลยทีเดียว

ธรรมชาติของเด็กถ้าเราสอนพวกเขาอย่างสร้างสรรค์  ใช้เหตุผลคุยกันตั้งแต่เด็กๆ เมื่อโตขึ้นเขาจะเข้าใจสิ่งที่เราพูดเราบอกมากขึ้นเรื่อยๆ  และที่สำคัญเขาจะสามารถแตกยอดความคิดออกไปได้อีกไกล  สำหรับช่วงนี้อาจจะเหนื่อยมากๆ  พูดเยอะๆหาเหตุผลมาเล่าบอกลูกมากๆหน่อย 

คำถามสุดฮิต

1. ทำไมต้องไปโรงเรียน  2. ทำไมต้องกินผัก 3. ทำไม่แม่ไม่ให้กินน้ำอัดลมและลูกอม

4. ทำไมต้องแปรงฟันก่อนนอน และอื่นๆอีกมากมาย...........................................ซึ่งทุกคำถามคุณพ่อคุณแม่ต้องมีคำตอบไว้ในใจนะคะ  แต่ไม่เสมอไปหรอกค่ะที่ทุกคนทุกครอบครัวจะต้องตอบเหมือนกัน  บางครั้งเราบอกลูกแบบนี้  แต่อีกครอบครัวหนึ่งอาจจะบอกแบบอื่นๆก็ได้  แต่ขอให้เป็นเหตุเป็นผลกันเป็นเรื่องๆจริงๆ  เด็กจะได้รู้ว่าอ้้อจริงๆแล้วมันเป็นแบบนี้นะหรือสามารถเป็นแบบอื่นๆอีกได้  ในเรื่องเดียวกันมีหลายแบบหลายมุม                                                                                                        

       

เวลาเป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนได้รับความยุติธรรมที่สุด  นั่นหมายถึงว่า  ทุกคนในโลกใบนี้ไม่ว่าจะยากดีมีจนได้เวลาในหนึ่งวันเท่ากัน คือ  24 ชม. หากทุุกคนใช้ทุกวินาทีอย่างคุ้มค่า เื่ืพื่อคนที่เรารักและรักเรา ในหนึ่งวันเพียง 30 นาที - 1 ชม.  ก็จะช่วยสานความผูกพันในครอบครัวได้มากขึ้นค่ะ  เมื่อครอบครัวเข้มแข็งแล้ว  ชุมชน  สังคม จะเข้มแข็งตามไปด้้วย ดิฉันเชื่ออย่างนั้นค่ะ

หมายเลขบันทึก: 368935เขียนเมื่อ 24 มิถุนายน 2010 12:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

พอได้กลับมาอ่านแล้วรู้สึกดีจัง เวลา - ความรัก - การแสดงออก และเราจะได้รู้ว่าเราจะทำทุกอย่างที่ดี เพื่อใคร

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท