ผมไปดูงานที่ไต้หวันเมื่อเร็วๆนี้ ได้เห็นตัวอย่างที่ดีเรื่องจิตอาสาในประเทศนี้แล้วรู้สึกประทับใจมาก...ผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านก็ได้มาสัมผัสที่นี่ เช่น นพ.ประเวศ วะสี, นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรมว.สธ., นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสปสช., นพ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการสช. และอีกหลายท่าน มูลนิธิพุทธฉือจี้ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดจิตอาสาที่ทรงพลังมาก การได้มีโอกาสมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากที่นี่เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาก และยังเป็นการเติมกำลังใจได้อย่างดีมากๆ...............
มูลนิธิพุทธฉือจี้ ก่อตั้งโดยภิกษุณีรูปหนึ่งของไต้หวัน นามว่าท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน ซึ่งปัจจุบันท่านยังคงเป็นผู้เป็นประมุขของชาวฉือจี้ และได้รับการเคารพยกย่องอย่างมาก
ปี พ.ศ. 2509 ท่านเริ่มด้วยการชักชวนสานุศิษย์ที่เป็นแม่บ้านธรรมดา 30 คนให้ออมเงินเพื่อการนี้คนละ 50 เซ็นต์ต่อวัน เก็บไว้ในกระปุกไม้ไผ่ โดยมีคำขวัญว่า “แม้เงิน 50 เซ็นต์ ก็ช่วยเหลือผู้ยากไร้ได้” ถึงวันนี้ เวลาผ่านไป 40 ปี มูลนิธิฉือจี้ได้ขยายงานออกไปมากมีสมาชิกทั่วโลกราว 10 ล้านคน มีอาสาสมัครหลายแสนคน มีเงินบริจาคมาทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องนับเป็นแสนล้านเหรียญ มีกิจกรรมทางมนุษยธรรมและทางจิตวิญญาณแพร่กระจายไปทั่วเกาะไต้หวันและกระจายไปทั่วโลก
จากอาสาสมัครที่เป็นแม่บ้านธรรมดา 30 คนเมื่อ 40 ปีก่อน ฉือจี้ในปัจจุบันมีอาสาสมัครกระจายอยู่ทั่ว 5 ทวีป 40 กว่าประเทศทั่วโลก มีศูนย์ติดต่ออีก 200 กว่าแห่ง กว่า 60 ประเทศที่ได้รับการช่วยเหลือจากฉือจี้ งานด้านการรักษาพยาบาลของฉือจี้ มีมากว่า 20ปี มีโรงพยาบาลของตนเองถึง 6 แห่ง โดยแห่งสุดท้าย ก่อตั้งที่เมืองไถจง เปิดทำการเมื่อปี 2550 มีศูนย์ข้อมูลไขกระดูกและธนาคารไขกระดูก 1 แห่ง มีทีมแพทย์อาสา “ฉือจี้” สากล ช่วยเหลือด้านการแพทย์แก่ผู้ประสบภัยในประเทศต่างๆ รวมทั้งเหตุการณ์สึนามิที่เกิดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย มีงานด้านการศึกษา โดยก่อตั้งสถานศึกษาด้วยและเน้นคำสอนเรื่องพรหมวิหารสี่ นับแต่อนุบาลจนถึงระดับปริญญาโท มีการสร้างโรงเรียนให้เด็กๆในประเทศโลกที่สามหลายประเทศ การให้ความรู้ที่เปี่ยมด้วยความรักของฉือจี้ไม่เพียงแต่ประเทศไต้หวันเท่านั้นแต่ยังแผ่ขยายออกไปยังต่างประเทศ ศูนย์มนุษยธรรมของฉือจี้ ผลิตหนังสือหลายล้านเล่ม มีสถานีโทรทัศน์ของตนเองคือ สถานีโทรทัศน์ “ต้าอ้าย” ตั้งที่ไต้หวันและอินโดนีเซีย ออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมงทุกๆวัน สถานีโทรทัศน์นี้มีประโยชน์มากในการสื่อสารถึงสมาชิกให้ทราบและสามารถไปช่วยกันทำกิจกรรมการบรรเทาทุกข์ในภาวะเร่งด่วนในภูมิภาคต่างๆทั่วโลกได้เป็นอย่างดี
มูลนิธิฉือจี้ มีนโยบายที่สำคัญประการหนึ่งคือการพิทักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาสาสมัครของฉือจี้ในชุมชนต่างๆได้ร่วมกันทำกิจกรรมการคัดแยกขยะกันอย่างจริงจัง จนสามารถทำเป็นกิจการที่แผ่ขยายและมั่นคง มีสถานีรีไซเคิลกระจายอยู่ตามชุมชน ทุกคนที่ทำงานที่นี่เป็นอาสาสมัครที่ไม่รับค่าตอบแทน ช่วยกันคัดแยกขยะและวัสดุใช้แล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้เกือบทั้งหมดสามารถรักษาสิ่งแวดล้อมและทำให้ลดการตัดต้นไม้ไปได้ปีละหลายล้านต้นทีเดียว
การทำสิ่งดีงามอย่างเป็นระบบและให้คนที่อยากทำความดีมีส่วนร่วมตามโอกาสและความสามารถของตนเองจะทำให้สังคมแห่งมิตรภาพและการแบ่งปันขยายตัวออกไปอย่างไม่มีขีดจำกัด
...........................................................................
ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน(ยืน) ผู้ก่อตั้งมูลนิธิพุทธฉือจี้
รูปปั้นหน้ามูลนิธิสะท้อนปรัชญาและอุดมการณ์ขององค์กร
การทำประโยชน์ให้สังคมเป็นคุณค่าของที่นี่
เยาวชนมีโอกาสสัมผัสความดีงามเป็นการเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความดีงามได้เป็นอย่างดี
นิทรรศการในอาคารแสดงผลงานมีการจัดทำอย่างสวยงามเป็นระบบเห็นแล้วรู้สึกดีมากๆ
สวัสดีค่ะ
ได้รับทราบข้อมูลจากการสังเคราะห์งานวิจัย ของอาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวรที่ไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการสอนจิตสาธารณะหรือกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ของไต้หวัน รู้สึกน่าสนใจและเรียนรู้มาเป็นแบบอย่างมากค่ะ
มีกิจกรรมส่งเสริมให้เยาวชนมีได้สัมผัสความดีงามอย่างเห็นได้ชัดเจนและเป็นนิสัยที่ดีงาม ขอขอบพระคุณค่ะ
ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม มีโอกาสผมคงต้องหามาอ่านมุมมองต่างๆมากขึ้น ยังมีเรื่องที่อยากแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับจิตอาสาที่ไต้หวันเพิ่มทเติมอีกครับ
การทำสิ่งดีงามอย่างเป็นระบบและให้คนที่อยากทำความดี
มีส่วนร่วมตามโอกาสและความสามารถของตนเอง
จะทำให้สังคมแห่งมิตรภาพและการแบ่งปันขยายตัวออกไปอย่างไม่มีขีดจำกัด
ถ้ามีสิ่งที่อาจารย์พูดถึงมากๆในสังคมคงจะดีมากเลยนะคะ