ความรู้คืออะไร
เมื่อไต่ถามกับตนเองว่าความรู้คืออะไร เรารู้สึกงุนงงเล็กน้อย ก็เลยถามคำถามต่อไปว่า
เรามีความรู้หรือไม่
ก็คงตอบว่ามีแน่นอน แล้วก็ถามตัวเองต่อไปว่า
ความรู้อะไรบ้างละที่เรามี
ก็คงจะต้องเริ่มต้นที่ความรู้ทั่วไปในชีวิตประจำวันก่อน ความรู้ในการประกอบอาชีพ ความรู้ในการเข้าสังคม ความรู้ในตำรา ทฤษฎี ความคิดเห็นของผู้อื่น ก็คิดคร่าว ๆ ได้เท่านี้ก่อน
ความรู้นั้นอยู่ภายนอกหรืออยู่ภายในตัวเรา
ความรู้น่าจะอยู่ทั้งภายนอกและภายในตัวเรา ดังภาษาอภิธรรมที่ท่านว่า ตัวรู้ และสิ่งที่ถูกรู้ สิ่งที่สำคัญน่้าจะได้แก่ตัวรู้คือสิ่งที่อยู่ภายใน ได้แ่ก่ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ โดยเฉพาะวิญญาณ คือตัวรู้ คือถ้าไม่มีตัวรู้ ก็จะไม่มีความรู้
ความรู้แยกออกจากตัวรู้หรือผู้รู้ได้หรือไม่
ไม่น่าจะแยกออกจากตัวผู้รู้ได้ เพราะ ตัวรู้เป็นผู้กำหนดความหมาย นัยยะ จากสิ่งที่ถูกรู้
ความรู้ กับ โลกทัศน์ (world view) แตกต่างกันอย่างไร
โลกทัศน์น่าจะเป็นองค์รวมของความรู้ที่มีการตกผลึก ทำให้เกิดการวินิจฉัยในเรื่องต่าง ๆ ของชีวิตของเราเป็นไปตามความต้องการของเรา วิถีชีวิตเราถูกครอบงำด้วยความรู้ชุดหนึ่งที่เราใช้เสรีภาพในการสมาทานมันไว้
ความรู้ กับ อำนาจ เป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่
ความรู้กับอำนาจ เป็นส่วนหนึ่งของอำนาจ เพราะเกิดจาก เจตจำนง (will) ของผู้รู้หรือตัวรู้ มีการสร้างและการสถาปนาเหมือนกัน อำนาจ มีอยู่ 2 ประเภท คืออำนาจครอบงำ และ อำนาจที่เกิดจากความรุนแรง ความรู้ทั้งสองอย่างใช้ควบคุมมนุษย์เหมือนกัน แต่ความรู้เป็นอำนาจ ครอบงำที่ลึกที่สุด
ดังนั้นความรู้คืออะไรละ
ความรู้ คือ ความหมาย สัญลักษณ์ หรือข้อมูลที่มนุษย์สร้างขึ้นมาด้วย เจตจำนง(will) เพื่อวัตถุประสงค์อันใดอันหนึ่ง
และการจัดการความรู้ คืออะไร
สิ่งที่มนุษย์สร้างความหมายขึ้นมา ด้วยการรวบรวม เพื่อการวินิจฉัย ตามวัตถุประสงค์ของผู้สร้าง
ข้อด้อยของการจัดการความรู้คืออะไร
การกีดกั้น/ครอบงำมนุษย์ การมุ่งเห็นแก่กำไรแต่เพียงอย่างเดียว การกีดกันความรู้ทางด้านสวัสดิการสังคม ความรู้ด้านมนุษยนิยม
ภายในองค์กร การมองไม่เห็นตัวรู้ ที่สำคัญ กว่าสิ่งที่ถูกรู้
ความรู้คืออะไร ความรู้ จำเป็นต้องเป็นความจริงหรือไม่......
ถ้าความรู้เท่ากับความจริง สิ่งที่ คนสมัยก่อนบอกว่าโลกกลมนั้น ก็ไม่ใช่ความรู้
งั้นถ้าสิ่งที่เราคิดวันนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ถูกในวันหน้า
เราจะเรียกความรู้ที่เรามีอยู่นี้ว่าความรู้รึเปล่า
ความจริงแท้ นั้นมีเรื่อง กาลและอวกาศ เข้ามาเกี่ยวข้อง
ครับ การเข้าถึงความจริงแท้ของมนุษย์นั้นถูกจำกัดด้วยประสาท
สัมผัสครับ เพราะฉะนั้นความจริงแท้ ๆๆ นั้นไม่มี
มีแต่ ความจริงที่ถูกสร้างขึ้นเท่านั้นครับ
จะสังเกตุได้จากพวกควอนตัมฟิสิกซ์ หรือไม่ก็ความจริงของแชมเปี้ยนโลกในอดีตย่อมมี
ไมท์ ไทสันอยู่ด้วย แต่กาลเวลาได้กัดกร่อนความจริง
นี้ไปครับ เวลาทำให้เปลี่ยนแปลงไป ดาวพลูโตก็เลย
เปลี่ยนหายไป เพราะนิยามความหมายอะไรประมาณนี้แหละครับ
เอวัง
สนใจคำถาม "ความรู้แยกออกจากตัวรู้หรือผู้รู้ได้หรือไม่" ครับ
เหตุที่สนใจเพราะนักวิจัยทางสังคมศาสตร์เวลาศึกษาเรื่องอะไร เขาเน้นว่าผู้ศึกษาต้องไม่มีความลำเอียง คือต้องให้เป็นภววิสัย (objective) ที่สุด คือเขาอยากรู้ "ความจริง" ที่อยู่นอกตัวเขา (จะจริงแบบสมบูรณ์ - จริงแท้แน่นอน เช่น ความเป็นอนิจจังของสรรพสิ่ง หรือจริงแบบสัมพัทธ์ - จริงถ้าเงื่อนไขไม่เปลี่ยน เช่น ดาวพลูโต ก็ตาม)
จริงๆ แล้วจะทำได้จริงหรือเปล่าครับ?
จะแยกผู้ศึกษาออกจากสิ่งที่เขากำลังศึกษาได้จริงหรือเปล่าครับ?
ความรู้ต้องเป็นความจริงถ้าไม่จริงเราเรียกว่าความไม่รู้ แต่ความจริงต้องเริ่มจากการสมมุติ แล้วนำสิ่งที่สมมุติมาดำเนินการผ่านปัญญาหรือสัมผัส
ถ้าผ่านปัญญาและค้นหาความจริงที่ไม่ต้องพิสูจน์มาทำนิรนัยได้ความจริงที่จำเป็นต้องจริง เช่น วิชาเลขคณิต เรขาคณิต ศาสนาพุทธ
แต่ถ้าผ่านสัมผัสค้นหาสื่งที่เกิดซ้ำๆหรือการอุปนัยได้ความจริงสากลกับปรากฏการณ์ เช่น สูตรทางวิทยาศาสตร์
เรานำความจริงทั้งสองมาใช้ต่อยอดเป็นความรู้สะสม
ขอหน่อยนะครับ...
"ความรู้ต้องเป็นความจริง ถ้าไม่จริงไม่เรียกว่าความรู้" แล้วถ้าอย่างนั้นอะไรคือความจริงล่ะครับ ความจริงมีชุดเดียวหรือไม่ ในโลกนี้ เอ้า พูดก็พูดเถอะในสากลจักรวาฬนี้เนี่ย มีความจริงแท้หรือเปล่า หรือว่าบรรดาความจริงทั้งหลายก็เป็นเพียงระบอบ ๆ หนึ่งเท่านั้น ที่แอบอ้าง เอื้อนเอ่ย เผยแสดงตนออกมาว่ามีความจริง หรือว่าความจริงมันก็เป็นผลผลิตมาจากอำนาจและความเชี่ยวชาญพิเศษ ที่เข้ามากะเกณฑ์ว่าอะไรจริงอะไรไม่จริง แล้วก็บอกว่าสิ่งที่ฉันบอกว่าจริง เป็นสิ่งที่เป็นความรู้สิ่งไหนที่ไม่ใช่ความจริงจากอำนาจของฉัน แม้จะเป็นความจริงของเธอสิ่งนั้นไม่ใช่ความรู้ เอ้า พูดกันง่าย ๆ ผมเห็นนักวิชาการแนวภูมิปัญญาหลายคน ชอบเอาความจริงแบบวิทยาศาสตร์ไปลดคุณค่าจิตวิญญาณของชาวบ้านบ่อยครั้ง พวกที่เชื่อว่าหรือชอบบอกว่าผีเป็นสิ่งไม่มีเหตุผล ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ที่ชาวบ้านบูชาผีเป็นความงมงาย (แต่บางทีคนพวกนี้ก็กลัวผี) เรื่องของผี จึงไม่มีเรียนไม่มีสอนในตำราเรียนกระทรวงศึกษาเล่มไหน ๆ แล้วก็เอาความจริงแบบวิทยาศาสตร์กำหนด ไปพยายามอธิบายเรื่องของผีสางนางไม่เทวดา ว่าเป็นเพียงอุบายนั่นอุบายนี่
แต่สำหรับคนในบ้าน บาง ดง ดอน ดอย ภู เค้าเชื่อว่ามี เค้าtouch ด้วยใจแล้วเห็นว่ามีจริง เค้าผูกพันและมีระบบความรู้แบบเค้าว่าพระแม่โพสพมีจริง พระแม่คงค่ามีจริง โดยไม่ใช่เพียงแค่อุบายที่อธิบายด้วยวิทยาศาสตร์แบบตื้น ๆ อย่างนี้จะเรียกว่าความรู้ไหมครับ