คำว่า "สง" ข้างต้นน่าฉงนเป็นยิ่งนัก เมื่อได้ไปเลียบเลาะแม่น้ำสงครามที่อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนมก็ยิ่งให้ประหวัดคิดในใจว่า "สง" แปลว่ากระไร พลันค้นคว้าในพจนานุกรมของเหล่าราชบัณฑิตทั้งหลายก็ได้ความเพียงว่า "สง แปลว่า แก่จัด เช่น หมากสง เป็นต้น" ความตระหนกตกใจก็บังเกิดขึ้นมาทันทีว่า คำนี้น่าจะมีที่มาจากแหล่งอื่น ๆ ด้วยความโชคดีผีคุ้ม ได้เข้าชั้นเรียนกับปราชญ์ผู้รู้ท่านช่วยไขข้อข้องใจว่า "สง แปลว่า ดง, ป่าไม้, พื้นที่ชุมด้วยต้นไม้" ความคิดก็พลันต่อยอดขึ้นทันที
"อ๋อ บ้านสงเปือย ก็คือ บ้านที่มีต้นเปือย(ตะแบก)ขึ้นเยอะนั่นเอง"
แล้วแม่น้ำสงครามละ? จะเข้าความนี้หรือไม่?
"อ๋อ แม่น้ำนี้ชุมไปด้วยต้นคาม จึงได้ชื่อว่า สงคาม แต่เพราะคนนอกถิ่นไม่เข้าใจภาษาคิดว่าคนในพื้นถิ่นเขียนผิดไป จึงเพิ่ม /ร/ เข้าให้ จากแม่น้ำที่มีต้นคามเยอะ ก็กลายเป็นแม่น้ำที่มีการต่อสู้มากมาย"
ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตได้มีโอกาสผ่านทางไปยังจังหวัดกาฬสินธิ์ ระหว่างทางก็ผ่านบ้านเสมา มีป้ายบอกว่า "เมืองฟ้าแดดสงยาง" ส่วนโรงเรียนเขียนว่า "ฟ้าแดดสูงยาง" จึงเริ่มความฉงนขึ้นในมโนสำนึกทันที พอสอบถามเข้าแล้วก็พบว่าชื่อโรงเรียนเขียนผิดไป แต่ผู้(เกือบ)รู้ในท้องถิ่นนั้นก็บอกอย่างน่ารักว่า สูงยาง กับ สงยาง ก็เหมือนกันนั่นแหละเพราะมีต้นยางขนาดใหญ่ชุมกันเยอะมาก
สวัสดีครับ
เห็น ฟ้าแดดสงยาง บ้าง
ฟ้าแดดสูงยาง บ้าง
ได้ความหมายวันนี้เอง
สวัสดีครับ
แวะมาเรียนรู้ความหมายของ "สง" ด้วยครับ
ขอบพระคุณที่ไปเยือนครับ...
กระจ่างแจ้งครับอาจารย์...ขอบคุณครับผม
ลักษณะอีกอย่างหนึ่ง ที่ชาวบ้านพูดลาวแถวบ้านผม ที่หนองบัว นครสวรรค์ เรียก 'สง' ก็คือ...........
ลักษณะนี้ ก็จะสอดคล้องกับแดดสงยางด้วยเช่นกันนะครับ คือ ลักษณะของแนวไม้ต้นยางหนาแน่นและแดดสงยางนั้น ก็คือ แสงแดดส่องลอดและสงแดด แสดงลักษณะความหนาแน่นอย่างหนึ่ง