สังขารบ่ายแล้ว


หลังจากที่ทุกคนช่วยกันยื้อลมหายใจของคุณย่าอยู่เป็นเวลานาน ด้วยการพยายามเอาออกซิเจนไปครอบให้ท่านหายใจต่อ  สุดท้ายท่านก็จากไปเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. (16/06/06)

การคงเหลือแค่สังขารกับลมปราณ ไม่ทราบเหมือนกันว่าความรู้สึกของท่านในช่วงเวลานั้นยังคงมีอยู่หรือไม่ เพราะไปเยี่ยมในห้อง ICU คราใด ท่านก็หลับสนิททุกครั้งไป  ใจหนึ่งก็อยากรั้งไว้ให้ท่านอยู่ต่อ  แต่ใจหนึ่งก็อดสงสารไม่ได้  จะยื้อไว้ทำไมในเมื่อไม่สามารถทำอะไรได้อย่างใจคิด ไม่มีใครทราบว่าท่านยังคงรับรู้ รับสัมผัสจากคนที่อยู่รายรอบได้หรือไม่ 

ก่อนท่านจะเสีย ญาติๆ ต่างมารุมล้อม  นายพัน นายพลมากันมากมาย แต่ตอนที่ท่านรับรู้ได้ กลับต้องอยู่อย่างเงียบเหงาเดียวดาย  ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะอัลไซเมอร์  จำใครไม่ใคร่จะได้ ลูกหลานมาเยี่ยมเยียนก็ไล่ตะเพิดไปหมด  โชคดีที่อาจเป็นหลานรัก ซึ่งท่านเลี้ยงมาแต่เด็ก หรือด้วยความผูกพันทางสายเลือด  ทำให้พอเข้าหาได้บ้างในฐานะน้องสาว  การเรียกคุณย่าว่า เจ๊ฟังแล้วแปลกพิกล  แต่ท่านก็พอใจเช่นนั้น  อย่างนี้กระมังที่เค้าเรียกว่า ยิ่งแก่ยิ่งเด็ก

สมัยท่านยังอยู่ สุดสัปดาห์ไหนไปเยี่ยมท่าน ต้องนั่งฟังเรื่องราวสมัยสาวๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าวันละหลายหน  วันไหนท่านนึกเรื่องอะไรได้ ก็จะเล่าเช่นนั้นอยู่ทั้งวัน  แต่ก็คงเป็นเรื่องที่ทำให้ประทับใจจริงๆ ถึงได้ฝังอยู่ในใจท่าน  ทั้งที่ผ่านมานานหลายสิบปีแล้ว

บางครั้งทำให้คิดย้อนกลับมามองว่า  อนาคตเราจะเป็นอย่างไร ลูกหลานจะต้องลำบากไหม หากเราเป็นคนแก่ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้  นี่ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อยู่ตัวคนเดียวมาจนทุกวันนี้ เพราะไม่อยากเป็นภาระให้แก่ใคร แต่ถึงอย่างไรก็ต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด เหมือนดั่งนิยามของ Productivity ที่ว่า   ทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานนี้  และวันพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้  

อย่างน้อยที่สุด วันนี้คุณย่าท่านคงภูมิใจ เพราะคราวนี้ลูกๆ หลานๆ ได้สร้างเกียรติประวัติ ยกขบวนแต่งเครื่องแบบมาเต็มยศกันทุกคน ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดที่ลูกหลานชาวนา ชาวไร่ ได้เป็นเจ้าคนนายคนยศใหญ่โตกันทุกคน งานนี้คงเป็นงานแรกและงานเดียวในละแวกนี้ที่ระดมพลคนในเครื่องแบบได้มากที่สุด

คำสำคัญ (Tags): #diary
หมายเลขบันทึก: 35814เขียนเมื่อ 27 มิถุนายน 2006 16:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ แต่ก็จริงนะคะ คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามสิ่งใกล้ตัว หรือ คนใกล้ตัว จนเมื่อสูญเสียท่านไปหรือสูญเสียสิ่งนั้นไป เราก็มักจะมองย้อนกลับไปว่าทำไมตอนที่เรายังมีเค้าอยู่เราถึงไม่สนใจเค้าและดูแลเค้าให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้

สังขารไม่เที่ยง เนื้อหนังที่เราจับต้องอยู่ทุกวันนี้ จริงๆมันไม่ใช่ของเราหรอก เมื่อถึงวันหนึ่งมันก็ต้องแยกย้ายแตกสลายไป คิดได้เช่นนี้ก็ปลงครับ เพราะญาติผู้ใหญ่ผมก็เสียไปบ้างแล้ว โดยเฉพาะตอนพ่อผมเสียก็มีโอกาสได้ดูแลท่านอย่างใกล้ชิด รู้สึกว่าตัวเองได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีที่สุดก็ตอนพ่อป่วยต้องพาท่านเข้าออกโรงพยาบาลตลอดเวลากว่าปี

เชื่อว่าถึงวันนี้น้องส้มคงหายเศร้าแล้วนะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท