ขอหนังสือดีดีให้เด็กบ้าง


ส่งเสริมการอ่าน

ขอหนังสือดีดี ให้เด็กบ้าง

            มีผลการศึกษาวิจัยและคำกล่าวย้ำอยู่เสมอๆ ว่า “คนไทยอ่านหนังสือกันน้อย” ยิ่งเป็นเด็กๆ ด้วยแล้ว ในปีหนึ่งๆ ได้อ่านหนังสือเฉลี่ยคนละไม่ถึง 4 หน้า  ผลการค้นพบเช่นนี้ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคเอกชนที่ตระหนักถึงความสำคัญของ “การอ่าน”ต้องลุกขึ้นมารณรงค์กันเป็นการใหญ่  โดยเฉพาะยุคหนึ่งที่ “กรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ” ถึงกับลงทุนทำกล่องไม้ขนาดใหญ่ไปตั้งตามจุดต่างๆ เพื่อขอรับบริจาคหนังสือ แล้วนำส่งไปตามสถานที่อ่านหนังสือของหมู่บ้านต่างๆ มาแล้ว  แต่ดูเหมือนระยะหลังๆ จะไม่มีแล้ว

             ผมมีโอกาสได้ร่วมเดินทางไปกับเพื่อนๆ ชาวมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก  เพื่อไปเยี่ยมเยือน  ไปมอบทุนการศึกษา  อุปกรณ์การศึกษาและของเล่นให้แก่เด็กๆ ในชนบทห่างไกลอยู่เนืองๆ  ได้พบว่าเด็กชนบทเหล่านั้น “ขาดหนังสือที่เหมาะสมสำหรับพวกเขา”อยู่เป็นจำนวนมาก  ยิ่งจะหาห้องสมุดที่มีขึ้นเฉพาะและสมบูรณ์แบบในโรงเรียนขนาดเล็กด้วยแล้ว  หาได้ยากเย็นเหลือเกิน

             ผมได้ปรารภเรื่องนี้กับมูลนิธิสร้างสรรค์เด็กว่า  ควรจะทำโครงการจัดหา “หนังสือดีๆที่เหมาะสำหรับเด็ก”ขึ้นและรณรงค์หางบประมาณจากหน่วยงานเอกชนและบุคคลทั่วไปเข้ามาสนับสนุน น่าจะมีงบเพียงพอในการหาหนังสือดีๆ ไปให้เด็กๆ ชนบทได้มากทีเดียว

               หลังจากนั้นไม่กี่วัน  เขาก็จัดทำโครงการขึ้นมาให้ผมดู  พร้อมๆ กับรายชื่อหนังสือสำหรับเด็กๆ ที่พิจารณาดูแล้วน่าสนใจและน่าอ่านมาก (หลายเล่มผมเคยได้อ่านมาแล้วและมีประโยชน์ต่อความคิดความรู้สึกมาก)  ตั้งแต่หนังสือสำคัญ ๆ ได้แก่คำราชศัพท์  สุภาษิต คำพังเพย  พจนานุกรม  ลักษณะนาม  การใช้กระและกะ  จนถึงหนังสืออ่านนอกเวลา เช่น เมาคลีลูกหมาป่า  พลายมลิวัลย์  สร้อยทอง  ผู้ใหญ่ลี นางมา  สวนสัตว์  ตามล่า  พลายจำปา  น้ำพุ  เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก  เรื่องสั้นสำหรับเด็กและเยาวชน  ฯลฯ  ซึ่งผมได้นำรายชื่อหนังสือเหล่านี้ไประดมหางบประมาณมาจัดซื้อส่งไปยังโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลต่อไป

             ผมจึงขอเชิญชวนครับ  มาร่วมกันจัดหาหนังสือดีๆ ให้แก่เด็กๆ ของเรา  ซึ่งถือว่าเป็นงานบุญครับ  เป็นการทำบุญเพื่อชาตินี้ หมายความว่าเมื่อได้ทำบุญชนิดแล้ว ความสุขสบายใจจะบังเกิดขึ้นทันที ซึ่งท่านที่ได้ทราบข่าวและสนใจจะร่วมให้กิจกรรมนี้ประสบความสำเร็จ สามารถทำได้ไม่ยากครับคือ

  -ค้นหาหนังสือของลูกที่ไม่อ่านแล้ว  นำไปมอบให้แก่เด็กๆ ยากจนละแวกบ้าน

  -รณรงค์หาหนังสือสำหรับเด็กๆ จากเพื่อนๆ ในที่ทำงาน วิธีการนี้จะได้หนังสือมากแล้วร่วมกันเดินทางไปมอบให้แก่เด็กๆ ในโรงเรียนชนบทหรือมอบผ่านมูลนิธิฯที่ทำงาน

 สองวิธีง่ายๆ แบบนี้  เราก็สามารถมอบปัญญาและส่งเสริมการอ่านให้เด็กๆ ด้อยโอกาสและเด็กที่อยู่ห่างไกลได้โดยไม่ยากนัก

                 มาร่วมด้วยช่วยกันนะครับเพื่อเด็กไทยของเรา

                                                    ..........................

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 357939เขียนเมื่อ 12 พฤษภาคม 2010 11:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 08:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

สวัสดีค่ะ

ด้วยความยินดีอย่างยิ่งค่ะ  จัดส่งตามที่อยู่ในหน้าประวัติใช่ไหมคะ

เป็นโครงการและแนวคิดที่ดีมากครับ

ผมจะพยายามนำหนังสือในตู้หนังสือไปบริจาค เนืองๆครับ...

  • เคยทำโครงงานนี้ให้โรงเรียนในจังหวัดกาญจนบุรี
  • อยากให้ครูเขียนที่อยู่ให้ด้วยครับ
  • สมาชิกจะได้ช่วยกันส่งหนังสือไปให้
  • ขอบคุณครูหยุยมากครับ
  • รอที่อยู่ที่จะส่งหนังสือไปนะครับ

หากประสงค์จะจัดส่งมายัง มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก เพื่อมูลนิธิฯจะได้รวบรวมกระจายไปสู่โรงเรียนอื่นๆ ต่อไป จัดส่งได้ที่

มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก 100/475 ซ.แจ้งวัฒนะ 10 ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม.10210 ครับ ขอบคุณครับ

เป็นโครงการที่ดีนะคะ ไมจำกัดวันเวลาใช่ไหมคะ

  • สวัสดีค่ะ
  • กำลังรวบรวมอยู่ค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

เรียน คุณครูหยุยค่ะ

ทางทีมงานต้องขออภัยที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าว่าได้นำบันทึกนี้ ขึ้นบันทึกแนะนำกิจกรรมที่น่าสนใจในหน้าแรกของเว็บไซต์ค่ะ

ทั้งนี้เนื่องจากกิจกรรมนี้เป็นประโยชน์ต่อทางสังคม ทางทีมงานขอสนับสนุนเต็มที่ค่ะ และที่สำคัญสมาชิกใน GotoKnow มีจิตอาสา ยินดีช่วยเหลือกันเช่นกันค่ะ :)

ต้องขออภัยและขอขอบคุณด้วยนะคะ :)

จะหอบไปให้เหมือนกัน มีหนังสือดีๆๆ มาก กำลังคิดว่า จะทำไงดี

และเรื่องทุนการศึกษา จะให้เหมือนกันค่ะ คราวหน้า เจอกัน หรือโอนให้เลยดีคะ ให้ใครโทรมาบอกก็ได้

ทำประจำอยู่แล้วครับ อยากจะมอบครูหยุยสัก 1 ชุด

เรียน คุณครูหยุยที่เคารพ

การอ่านหนังสือของเด็กชนบทค่อนข้างน้อย ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลาย ๆ ประเด็น แต่เขียนไปก็เท่ากับตำหนิผู้อื่นให้เขาไม่สบายใจเปล่า ๆ ด้วยความเคารพครับเราต้องมารุมกันทำไม่ใช่มารุมกันคิดอย่างเดียว และที่ดีใจตามมาก็คือมีหลายกลุ่มหลายคณะทั้งคิดทั้งทำ นี่คือประเด็นที่บ่งบอกถึงความต้องการจะเห็นประเทศชาติของเราเจริญก้าวหน้าในอนาคตโดยเฉพาะการส่งเสริมการอ่าน

การมอบหมายหนังสือไปยังเด็ก ๆ ตามที่เราต้องการจะขยายผลการอ่านให้มากขึ้นนั้น บางจุด บางแหล่ง หนังสือก็ไม่ได้ส่งผลต่อการอ่านอันเนื่องมาจากที่ไม่มีใครกระตุ้นให้เขาอ่าน หาวิธีให้เขาอ่าน สร้างแรงจูงใจในการอ่าน ผู้ใหญ่ในปัจจุบันเมื่อยังเป็นเด็กก็ไม่รักการอ่านเช่นกัน มีบ้างแต่ก็น้อยมาก จึงทำให้การสร้างพลังให้เกิดการอ่านในปัจจุบันเป็นไปได้อย่างยากยิ่ง

แต่อย่างไรก็ตามยังมีผู้ใหญ่อีกหลายกลุ่ม หลายคณะ ก็ยังพยายามทุกวิถีทางซึ่งก็มีความตั้งใจอย่างสูงยิ่งที่จะระดมให้เกิดการอ่านที่ขยายกว้างและเพิ่มขึ้นให้รวดเร็ว เพราะมองแล้วว่าปัญญาที่เกิดจากการอ่านนั้นมีมากมหาศาล แต่ในทางชี้นำการอ่านก็ยังยากมหันต์เช่นกัน เพราะปัจจุบันเด็กและผู้ใหญ่อ่านหนังสือไม่คล่องและอ่านไม่ออกมีมากขึ้นทุกวัน ที่เขียนนี้ถึงแม้จะไม่แสดงข้อมูลให้เห็นแต่ก็พิสูจน์โดยคนรอบข้างตัวเราก็ได้ นิสิต นักศึกษาก็ได้ เราจะพบว่าการเขียน การอ่านยังบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ภาษาไทยถูกลืมความสำคัญ สถาบันการศึกษาก็ไม่สอดรับการฟื้นฟูการใช้ภาษา สังคมก็ละเลยการใช้ภาษาที่ถูกต้อง ไม่ถือเป็นประเด็นสำคัญ ยกตัวอย่างพิธีกรการแข่งขันกีฬาถ่ายทอดสดให้ได้ชมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทั่วประเทศ จะออกเสียง อัฒจรรย์ เป็น อัด-สะ-จัน เป็นส่วนใหญ่ แสดงถึงว่าไม่มีใครเลยหรือที่จะบอกเขาว่า เขาอ่านออกเสียงผิด เด็กฟังไป เขาก็จำติดไปใช้ด้วยและก็ผิดไปด้วยเช่นกัน

ด้วยเหตุดังกล่าวจึงเลยลองคิดและทำใหม่ โดยการใช้วิธีแบบโบราณคือจะใช้วัดเป็นศูนย์การเรียนในวันอาทิตย์ให้เด็กและผู้ใหญ่ไปรวมกันที่วัดตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. จัดทำตารางกิจกรรมให้ได้ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเด็กและผู้ใหญ่ในการดำรงชีวิตอยู่ในครอบครัวและสังคม และทุกกิจกรรมจะสรุปด้วยการเขียนและพูด เราก็จะพบคนที่เขียนหนังสือไม่คล่อง อ่านไม่คล่อง ก็จะหาอาสาสมัครช่วบสอนการเขียนการอ่าน เพราะเราจะมีแรงจูงใจว่าใครก็ตามที่สามารถทำให้ผู้ที่อ่าหนังสือไม่คล่องหรืออ่านไม่ออก สามารถอ่านได้ตามระดับชั้นของเขาได้มากที่สุด อาสาสมัครก็จะได้รับการยกย่องให้เป็นคนดีมีจิตอาสาช่วยพัฒนาชาติไทย และแต่ละอาทิตย์จะจัดให้มีการอ่านหนังสืออย่างน้อย 1 เล่ม แล้วสรุปย่อเรื่องราวหรือประเด็นจากการอ่านมาจัดนิทรรศการทุกวันอาทิตย์ ส่วนหนังสือคาดหวังไว้ว่าจะมีผู้บริจาคหนังสือให้เป็นจำนวนหนึ่งแน่นอนเพราะหลายคนบอกว่าสมัยเด็กไม่มีหนังสือได้อ่าน จึงมีปัญญาอยู่แค่นี้ จึงพร้อมที่จะสนับสนุนให้ดำเนินการได้ ครู เจ้าอาวาส ผู้บริหารโรงเรียนก็เห็นด้วยเพราะจะได้ช่วยโรงเรียนอีกทางหนึ่ง

แต่การจัดทำต้องร่วมมือกันหลายฝ่ายและกำลังจะเปิดทำการประมาณปลายเดือนมิถุนายน 2553 นี้ที่ วัดท่างนางหอม หมู่ที่ 5 ตำบลน้ำน้อย อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยจะมีกำลังสำคัญคือ พระครูปภัศร์ปัญญารัตน์ เจ้าอาวาสวัดท่านางหอม เป้าหมายหลักคือมุ่งสู่การการหนังสือทั่วไปและหนังสือที่เกี่ยวข้องกับคิดสร้างสรรรวมทั้งการพัฒนากระบวนการคิด และการคิดวิเคระห์ กิจกรรมจะสำเร็จหรือไม่ก็ถือว่ายังเป็นเรื่องท้าทายที่จะต้องรอคำตอบในต้นปี 2554 หลังจากที่ผ่านการประเมินผล

ที่เล่ามาให้คุณครูอ่านก็เพื่อจะให้ทราบว่ายังมีอีกหลาย ๆ กลุ่ม หลายคณะที่ร่วมทางกับคุณครูอยู่เช่นกัน ถึงแม้จะไม่ได้แจกจ่ายหนังสือไปที่ใด แต่ก็จะร่วมสร้างให้เกิดการอ่านในชุมชนตำบล ถ้าได้ผลก็จะได้นำรูปแบบแบ่งปันกันต่อไป

ขอบคุณ ที่คุณครูเป็นกำลังใจกับเด็ก ๆ ของผู้ใหญตลอดมา

ขอแสดงความนับถือ

นายธนา นนทพุทธ

มีทั้งให้กำลังใจ ให้หนังสือ ให้ข้อคิดเห็น

ขอบคุณมากครับ

หากร่วมกัน กระจายหนังสือ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น หนังสือจะเหมือนนกที่บินได้ กระจทายไปอย่างทั่วถึง

ผมเอง ได้มาเท่าไหร่ ส่งออกไปเท่านั้น

ใช้หลักคิด "อยากได้...เอาไป อยากให้...เอามา"

ครับ ร่วมกันนะครับ

อย่างน้อย ผู้ใหญ่ไทยจะได้ไม่อายใครว่า ทำไมเด็กไทยยังอ่านหนังสือไทยไม่ออก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท