สวัสดีค่ะ
ด้วยความยินดีอย่างยิ่งค่ะ จัดส่งตามที่อยู่ในหน้าประวัติใช่ไหมคะ
เป็นโครงการและแนวคิดที่ดีมากครับ
ผมจะพยายามนำหนังสือในตู้หนังสือไปบริจาค เนืองๆครับ...
หากประสงค์จะจัดส่งมายัง มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก เพื่อมูลนิธิฯจะได้รวบรวมกระจายไปสู่โรงเรียนอื่นๆ ต่อไป จัดส่งได้ที่
มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก 100/475 ซ.แจ้งวัฒนะ 10 ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม.10210 ครับ ขอบคุณครับ
เป็นโครงการที่ดีนะคะ ไมจำกัดวันเวลาใช่ไหมคะ
เรียน คุณครูหยุยค่ะ
ทางทีมงานต้องขออภัยที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าว่าได้นำบันทึกนี้ ขึ้นบันทึกแนะนำกิจกรรมที่น่าสนใจในหน้าแรกของเว็บไซต์ค่ะ
ทั้งนี้เนื่องจากกิจกรรมนี้เป็นประโยชน์ต่อทางสังคม ทางทีมงานขอสนับสนุนเต็มที่ค่ะ และที่สำคัญสมาชิกใน GotoKnow มีจิตอาสา ยินดีช่วยเหลือกันเช่นกันค่ะ :)
ต้องขออภัยและขอขอบคุณด้วยนะคะ :)
จะหอบไปให้เหมือนกัน มีหนังสือดีๆๆ มาก กำลังคิดว่า จะทำไงดี
และเรื่องทุนการศึกษา จะให้เหมือนกันค่ะ คราวหน้า เจอกัน หรือโอนให้เลยดีคะ ให้ใครโทรมาบอกก็ได้
ทำประจำอยู่แล้วครับ อยากจะมอบครูหยุยสัก 1 ชุด
เรียน คุณครูหยุยที่เคารพ
การอ่านหนังสือของเด็กชนบทค่อนข้างน้อย ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลาย ๆ ประเด็น แต่เขียนไปก็เท่ากับตำหนิผู้อื่นให้เขาไม่สบายใจเปล่า ๆ ด้วยความเคารพครับเราต้องมารุมกันทำไม่ใช่มารุมกันคิดอย่างเดียว และที่ดีใจตามมาก็คือมีหลายกลุ่มหลายคณะทั้งคิดทั้งทำ นี่คือประเด็นที่บ่งบอกถึงความต้องการจะเห็นประเทศชาติของเราเจริญก้าวหน้าในอนาคตโดยเฉพาะการส่งเสริมการอ่าน
การมอบหมายหนังสือไปยังเด็ก ๆ ตามที่เราต้องการจะขยายผลการอ่านให้มากขึ้นนั้น บางจุด บางแหล่ง หนังสือก็ไม่ได้ส่งผลต่อการอ่านอันเนื่องมาจากที่ไม่มีใครกระตุ้นให้เขาอ่าน หาวิธีให้เขาอ่าน สร้างแรงจูงใจในการอ่าน ผู้ใหญ่ในปัจจุบันเมื่อยังเป็นเด็กก็ไม่รักการอ่านเช่นกัน มีบ้างแต่ก็น้อยมาก จึงทำให้การสร้างพลังให้เกิดการอ่านในปัจจุบันเป็นไปได้อย่างยากยิ่ง
แต่อย่างไรก็ตามยังมีผู้ใหญ่อีกหลายกลุ่ม หลายคณะ ก็ยังพยายามทุกวิถีทางซึ่งก็มีความตั้งใจอย่างสูงยิ่งที่จะระดมให้เกิดการอ่านที่ขยายกว้างและเพิ่มขึ้นให้รวดเร็ว เพราะมองแล้วว่าปัญญาที่เกิดจากการอ่านนั้นมีมากมหาศาล แต่ในทางชี้นำการอ่านก็ยังยากมหันต์เช่นกัน เพราะปัจจุบันเด็กและผู้ใหญ่อ่านหนังสือไม่คล่องและอ่านไม่ออกมีมากขึ้นทุกวัน ที่เขียนนี้ถึงแม้จะไม่แสดงข้อมูลให้เห็นแต่ก็พิสูจน์โดยคนรอบข้างตัวเราก็ได้ นิสิต นักศึกษาก็ได้ เราจะพบว่าการเขียน การอ่านยังบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ภาษาไทยถูกลืมความสำคัญ สถาบันการศึกษาก็ไม่สอดรับการฟื้นฟูการใช้ภาษา สังคมก็ละเลยการใช้ภาษาที่ถูกต้อง ไม่ถือเป็นประเด็นสำคัญ ยกตัวอย่างพิธีกรการแข่งขันกีฬาถ่ายทอดสดให้ได้ชมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทั่วประเทศ จะออกเสียง อัฒจรรย์ เป็น อัด-สะ-จัน เป็นส่วนใหญ่ แสดงถึงว่าไม่มีใครเลยหรือที่จะบอกเขาว่า เขาอ่านออกเสียงผิด เด็กฟังไป เขาก็จำติดไปใช้ด้วยและก็ผิดไปด้วยเช่นกัน
ด้วยเหตุดังกล่าวจึงเลยลองคิดและทำใหม่ โดยการใช้วิธีแบบโบราณคือจะใช้วัดเป็นศูนย์การเรียนในวันอาทิตย์ให้เด็กและผู้ใหญ่ไปรวมกันที่วัดตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. จัดทำตารางกิจกรรมให้ได้ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเด็กและผู้ใหญ่ในการดำรงชีวิตอยู่ในครอบครัวและสังคม และทุกกิจกรรมจะสรุปด้วยการเขียนและพูด เราก็จะพบคนที่เขียนหนังสือไม่คล่อง อ่านไม่คล่อง ก็จะหาอาสาสมัครช่วบสอนการเขียนการอ่าน เพราะเราจะมีแรงจูงใจว่าใครก็ตามที่สามารถทำให้ผู้ที่อ่าหนังสือไม่คล่องหรืออ่านไม่ออก สามารถอ่านได้ตามระดับชั้นของเขาได้มากที่สุด อาสาสมัครก็จะได้รับการยกย่องให้เป็นคนดีมีจิตอาสาช่วยพัฒนาชาติไทย และแต่ละอาทิตย์จะจัดให้มีการอ่านหนังสืออย่างน้อย 1 เล่ม แล้วสรุปย่อเรื่องราวหรือประเด็นจากการอ่านมาจัดนิทรรศการทุกวันอาทิตย์ ส่วนหนังสือคาดหวังไว้ว่าจะมีผู้บริจาคหนังสือให้เป็นจำนวนหนึ่งแน่นอนเพราะหลายคนบอกว่าสมัยเด็กไม่มีหนังสือได้อ่าน จึงมีปัญญาอยู่แค่นี้ จึงพร้อมที่จะสนับสนุนให้ดำเนินการได้ ครู เจ้าอาวาส ผู้บริหารโรงเรียนก็เห็นด้วยเพราะจะได้ช่วยโรงเรียนอีกทางหนึ่ง
แต่การจัดทำต้องร่วมมือกันหลายฝ่ายและกำลังจะเปิดทำการประมาณปลายเดือนมิถุนายน 2553 นี้ที่ วัดท่างนางหอม หมู่ที่ 5 ตำบลน้ำน้อย อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยจะมีกำลังสำคัญคือ พระครูปภัศร์ปัญญารัตน์ เจ้าอาวาสวัดท่านางหอม เป้าหมายหลักคือมุ่งสู่การการหนังสือทั่วไปและหนังสือที่เกี่ยวข้องกับคิดสร้างสรรรวมทั้งการพัฒนากระบวนการคิด และการคิดวิเคระห์ กิจกรรมจะสำเร็จหรือไม่ก็ถือว่ายังเป็นเรื่องท้าทายที่จะต้องรอคำตอบในต้นปี 2554 หลังจากที่ผ่านการประเมินผล
ที่เล่ามาให้คุณครูอ่านก็เพื่อจะให้ทราบว่ายังมีอีกหลาย ๆ กลุ่ม หลายคณะที่ร่วมทางกับคุณครูอยู่เช่นกัน ถึงแม้จะไม่ได้แจกจ่ายหนังสือไปที่ใด แต่ก็จะร่วมสร้างให้เกิดการอ่านในชุมชนตำบล ถ้าได้ผลก็จะได้นำรูปแบบแบ่งปันกันต่อไป
ขอบคุณ ที่คุณครูเป็นกำลังใจกับเด็ก ๆ ของผู้ใหญตลอดมา
ขอแสดงความนับถือ
นายธนา นนทพุทธ
มีทั้งให้กำลังใจ ให้หนังสือ ให้ข้อคิดเห็น
ขอบคุณมากครับ
หากร่วมกัน กระจายหนังสือ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น หนังสือจะเหมือนนกที่บินได้ กระจทายไปอย่างทั่วถึง
ผมเอง ได้มาเท่าไหร่ ส่งออกไปเท่านั้น
ใช้หลักคิด "อยากได้...เอาไป อยากให้...เอามา"
ครับ ร่วมกันนะครับ
อย่างน้อย ผู้ใหญ่ไทยจะได้ไม่อายใครว่า ทำไมเด็กไทยยังอ่านหนังสือไทยไม่ออก