เมื่อห้องสมุดโรงเรียนจะเป็นห้องสมุดที่มีชีวิต


จะทำอย่างไรให้ห้องสมุดโรงเรียนมีชีวิตสักที

มีโอกาสได้พูดคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียนและอาจารย์ผู้ดูแลห้องสมุดระดับประถมศึกษา แล้วก็พูดคุยกันในประเด็นของห้องสมุดมีชีวิต... ว่าควรทำอย่างไรดี

โรงเรียนหลายแห่งต้องการพัฒนาห้องสมุด ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดคุณภาพทางวิชาการได้ดี แต่มีปัญหาอุปสรรคในด้านการดำเนินการคือ

1. ไม่มีบรรณารักษ์ประจำห้องสมุด อัตราอาจารย์มีจำนวนจำกัด ทำให้อาจารย์ต้องทำหน้าที่สอนและดูแลห้องสมุดด้วย ในการพัฒนาศาสตร์ทางเทคโนโลยีและบรรณารักษศาสตร์จึงทำได้ไม่เต็มที่

2. ไม่สามารถเปิดห้องสมุดให้บริการได้ตลอดเวลา

3.งบประมาณมีจำกัด

4. นักเรียนไม่ค่อยสนใจสิ่งพิมพ์ที่อ่านแล้ว

ลองมาแก้ปัญหากันดีกว่า

ในด้านการดำเนินการ

- จัดทำแผนการพัฒนาห้องสมุดในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะแผนพัฒนาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี

-จัดบรรยากาศห้องสมุดให้กระตุ้นและส่งเสริมการอยากรู้ อยากค้นคว้า อากาศต้องถ่ายเทสะดวก แสงพอเหมาะ เสียงพอดี (อาจมีเสียงเพลงเบาๆ ได้นะคะ) ใช้ต้นไม้ประดับตกแต่ง บอร์ดมีการเปลี่ยนอยู่เสมอ ใช้สีสันเข้าช่วย บรรยากศสคลายความเป็นวิชาการและความเคร่งเครียดลง นักเรียนจะอยากให้ห้องสมุดมากขึ้น อย่างเช่น TK Park จะเห็นคนนอนอ่านหนังสือ มีอิริยาบถที่สบายๆ

-มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินงานร่วมกับชุมชน โดยมองภาพการของบประมาณเพื่อพัฒนาห้องสมุดและขยายการให้บริการแก่ชุมชน

-มีนโยบายในการใช้ห้องสมุดในการเรียนการสอนอย่างเต็มที่ โดยการร่วมด้วยช่วยกันของครูในโรงเรียน

-พัฒนาบุคลากรที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง

-จัดงบประมาณในการจัดหาทรัพยากรสารสนเทศให้เพียงพอ ทันสมัย โดยต้องเพิ่มขึ้นในทุกปี เพราะค่าทรัพยากรสารสนเทศนั้นมีแนวโน้มราคาสูงขึ้นในทุกปี

-ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ บรรณารักษ์อาชีพจากสถาบันใกล้เคียง  เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวคิด

-สร้างเครือข่ายในการแลกเปลี่ยนหมุนเวียนหนังสือกับห้องสมุดใกล้เคียง เพื่อที่จะได้มีหนังสือใหม่ๆ มาให้บริการนรายเดือน ราย 3 เดือน เป็นต้น

ในด้านบริการ

-จัดตั้งชมรม/ชุมนุมห้องสมุด เพื่อให้นักเรียนฝึกประสบการณ์และช่วยงานห้องสมุดด้วย

-ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด จัดฉายวีดิทัศน์ โทรทัศน์ และจัดให้มีมุมอินเตอร์เน็ต เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการเรียนรู้ ทำให้นักเรียนอยากเข้าห้องสมุดมากยิ่งขึ้น

-จัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ การอ่าน โดยการแข่งขัน ประกวด เป็นประจำ

-ครูบรรณารักษ์แจ้งรายการทรัพยากรสารสนเทศใหม่ๆ แก่คณะครู เพื่อใช้ในการเรียนการสอน

แค่นี้ห้องสมุดก็มีชีวิตแล้วค่ะ....ท่านใดมีแนวทางการจัดทำหห้องสมุดมีชีวิตเพิ่มติม ช่วยให้ข้อมุลแลกเปลี่ยนด้วยนะคะ...ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

 

  •  สงวนลิขสิทธิ์โดยสิริพร ทิวะสิงห์ ยินดีให้นำไปเผยแพร่โดยอ้างอิงที่มาได้. ห้ามนำไปใช้เพื่อการค้า > 10 สิงหาคม 2552

 

หมายเลขบันทึก: 35392เขียนเมื่อ 24 มิถุนายน 2006 14:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 เมษายน 2012 14:38 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่าน


ความเห็น
เป็นแนวทางในการดำเนินการที่ดีมากๆครับ ขอบคุณมากครับ

เป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่ดีมากค่ะ  ขอเสนอเพิ่มว่าถ้าผู้บริรเห็นความสำคัญของห้องสมุดด้วยตนเอง (ไม่ใช่เพราะกระแส)  รับรองครูบรรณารักษ์พัฒนาได้เต็มที่แน่นอน

ได้รับมอบหมายให้จัดห้องสมุดโรงเรียน  หลังจากเจ้าหน้าที่คนเก่าทิ้งไปนาน เมื่อก่อนแค่เก็บกวาด  จัดหนังสือให้อยู่บนชั้น  แต่ไม่ได้จัดให้เป็นหมวดหมู่ตามเลขหมู่หนังสือ  ตอนนี้ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร  แยกหนังสือไม่เป็น ไม่รู้ว่าหนังสือใดควรจะไปอยู่หมู่ไหน ศาสนา กับปรัชญา  หรือ ความรู้ทั่วไปเป็นแบบไหน   อยากได้คำแนะนำค่ะ   ตอนนี้นำหนังสือลงมากอง ปัดฝุ่นเรียบร้อย ได้แต่นั่งมอง ยังไม่ได้ขึ้นชั้นเลย

บรรณารักษ์ ....จำเป็น  

ขอบคุณทุกท่านนะคะ ที่แวะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้

สำหรับคุณจำลอง เรื่องห้องสมุดไม่ใช่เรื่องที่จะยากเกินความสามารถของบรรณารักษ์จำเป็นหรอกค่ะ ดิฉันเชื่ออย่างนั้น

หลักการของการจัดห้องสมุด ขั้นแรก เราต้องจำลองตัวเราเป็นผู้ใช้บริการก่อน คิดว่าตัวเองเป็นนักเรียน แล้วในการจัดหมวดหมู่นั้นพูดง่ายๆ คือ จัดอย่างไรก็ได้ขอให้ค้นเจอ แต่ไม่ใช่เราคนเดียว...ต้องให้คนหมุ่มากค้นเจอด้วยนะคะ

สำหรับโรงเรียน อาจจะมีทรัพยากรสารสนเทศที่ไม่มากนัก อัตรากำลังอาจจะจำกัด อาจจะใช้การแยกหมวดหมู่ ใส้เทปสีติดที่สัน และให้หมายเลข 1....ไปเรื่อย ๆ  เวลาเรียงก็แยกตามหมวดหมู่และลำดับหมายเลขที่ได้รับเข้ามา

เช่น

  •  หนังสือเด็ก ได้แก่ หนังสือภาพและนิทาน ใช้แถบสีเขียว

  • คู่มือครู ใช้แถบสีแดง

  • คณิตศาสตร์ ใช้แถบสีเหลือง
  • ภาษาไทย ใช้แถบสีน้ำเงิน....
  • หนังสิอเกี่ยวกับท้องถิ่น ใช้แถบสีม่วง เป็นต้น

หรือไม่ก็ใช้ระบบดิวอี้ ที่แบ่งหนังสือออกเป็น 10 หมวด ตั้งแต่ 000-999  แต่ทั้งนี้การจัดแบบนี้ต้องได้รับการอบรม และการนำหนังสือขึ้นชั้นต้องมีความรู้สามารถจัดเรียงได้ถูกต้อง

แต่สำหรับระบบแถบสี...นักเรียนก็สามารถช่วยเก็บขึ้นชั้นได้ ซึ่งระบบคุมอาจใช้สมุดทะเบียนแยกตามประเภท แล้วนำหมายเลขที่ได้รับเข้ามาติดที่สันประกอบกับแถบสี เป็นสัญลักษณ์ในการจัดเก็บและเรียกใช้ได้

จะใช้ระบบใดทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับนโยบาย รูปแบบในอนาคตและศักยภาพของแต่ละห้องสมุดนะคะ

ท้านสุด..ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

ได้รับการติดต่อทาง mail ผ่าน G2K จากครู)ฮฒ โรงเรียนจอมพระ...ที่ว่า "ได้อ่านข้อความของคุณสนใจห้องสมุดมากอยากให้มาดูห้องสมุดโรงเรียนบ้านจอมพระบ้างจะได้ช่วยปรับปรุง" Reply mail กลับไปที่ [email protected] แต่เมล์ถูกตีกลับ จึงขอฝากข้อความไว้ในบันทึกนี้....เผื่อผู้ฝากข้อความจะมาพบเจอบ้าง

  • ชวนจริงหรือชวนเล่นคะ....กลัวไม่ชวนหน่ะ...อิอิ
  • โรงเรียนมจอมพระ ที่อยู่ติดโรงเรียนบ้านกระทุ่ม อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ใช่หรือเปล่าค่ะ ถ้าใช่ นับเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ และมีศักยภาพที่เดียว
  • สำหรับเรื่องห้องสมุด...โรงเรียนหลายโรงทำได้ดีแล้ว แต่บางแห่งติดขัดด้วยข้อกำหนดของปัจจัยหลายประการ ดังความคิดเห็นที่สิริพรได้แสดงไว้ในบันทึก http://gotoknow.org/blog/library-librarian/35392 ซึ่งเรื่องเหล่านี้คงเป็นการแก้ไขภายใน
  • เคยได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องการจัดห้องสมุดของโรงเรียนบ้านกระทุ่มเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน สิ่งสำคัญคือนโยบายของห้องสมุด และศักยภาพของผู้รับผิดชอบงานห้องสมุด วันนั้นทราบซึ้งถึงความเสียสละของพรรคพวกครู ที่มาโฮมจัดหมวดหมู่หนังสือกัน โดยไม่มีค่าตอบแทน...แถมต้องลงขันกันดูแลสิริพรอีก....หากว่าวันต่อมานโยบายและผู้รับผิดชอบไม่สานต่อ การลงแรงวันนั้นมีค่าเท่ากับศูนย์
  • หากครู)ฮฒ คิดว่าสิริพร จะช่วยอะไรได้ สิริพร ยินดีอย่างยิ่ง ด้วยว่าจะได้เป็นแค่เสี้ยวเล็กๆ ในการร่วมพัฒนาแหล่งเรียนรู้และพัฒนาเยาวชน และช่วยแบ่งเบาภาระอันหนักของครูผู้สอนได้ โดยอาจผ่านทาง Mail, Blog ซึ่งการแลกเปลี่ยนของเราอาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจผู้อื่นด้วย หากจะให้ไปดูห้องสมุดและรวมแลกเปลี่ยนเรียนรู้...นั้นก็ไม่ขัดข้อง กลัวอย่างเดียวเรื่องเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนเท่านั้น... ย้ำอีกครั้งนะคะ...ว่ายินดี แล้วคุยกันใหม่นะคะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท