เมื่อวันอังคารที่ 30 พฤษภาคม 2549 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ( ส ส ส. ) สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าและเครือข่ายวัยมันส์รู้ทันแอลกอฮอล์ ได้จัดแถลงข่าวโครงการ “ รักน้องจริงอย่าชวนน้องดื่ม “ ขึ้น ณ ห้องประชุมปิ่นน้อย อาคารวิทยพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต โดย มีวัตถุประสงค์คือ เป็นการเชิญชวนให้รุ่นพี่ทุกสถาบันที่สนใจได้เข้าร่วมในการรณรงค์ต่อต้าน การใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกิจกรรมรับน้อง ด้วยความรู้สึกที่ตระหนักถึงโทษภัยและปัญหาจากผลกระทบของแอลกอฮอล์
อนึ่ง ผศ. ดร. วิลาสินี พิพิธกุล ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์และสื่อสารสาธารณะเพื่อสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ( ส ส ส. ) ระบุว่า ตั้งแต่ ปี พ ศ. 2532 ถึง พ ศ. 2546 การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนไทยสูงขึ้นถึง 3 เท่าตัว โดยในปี พ ศ. 2546 คนไทยร้อยละ 30 ดื่มสุรารวมแล้วสูงกว่า 3,691 ล้านลิตร ผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่สุดคือ ผู้ชายอายุระหว่าง 25 – 44 ปี จำนวน 7.84 ล้านคน โดยเยาวชนมีพฤติกรรมการดื่มเป็นอันดับสองรองจากวัยทำงาน และร้อยละ 76.4 ของผู้ดื่มสุรา จะเริ่มดื่มก่อนอายุ 24 ปี กลุ่มวัยรุ่นชายอายุ 11 – 19 ปี ดื่มแอลกอฮอล์มากกว่า 1 ล้านคน หรือร้อยละ 21.2 ของประชากรในกลุ่มนี้และกลุ่มผู้หญิงอายุ 15 – 19 ปี มีสถิติการดื่มเพิ่มขึ้น 5.6 เท่า ใน 7 ปี
จากผลการสำรวจวิจัยเรื่อง “ การรับน้องใหม่ปี 2548 : กรณีศึกษานิสิตนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยของรัฐชั้นปีที่ 1 – 3 ในเขตกรุงเทพมหานคร ของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ “ พบว่า นิสิต นักศึกษาเคยมีประสบการณ์ดื่มแอลกอฮอล์ในการรับน้องถึงร้อยละ 42.6 ซึ่งรุ่นน้องรับไม่ได้กับการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาใช้ในการรับน้องถึง ร้อยละ 43.5 โดยให้เหตุผลว่า
1. เป็นการกระทำที่ไม่สมควร
2. เกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ อาทิ การขัดแย้ง , ทะเลาะวิวาท
3. เป็นการบังคับให้มีการมอมเมาในสิ่งที่ไม่ดี
ทั้งนี้สถาบันการศึกษา องค์การบริหารนักศึกษา สโมสรนักศึกษา ฝ่ายกิจการนิสิตนักศึกษาแต่ละสถาบันที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์ “ รับน้องปลอดเหล้า “ สามารถเสนอโครงการและขอรับทุน ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ โดยติดต่อมาที่ 0 – 2298 – 0500 ต่อ 1902 และ 1905 และทาง www.thaihealth.or.th ซึ่ง 100 โครงการแรกที่เสนอมาจะได้รับ “ ชุดรับขวัญน้องใหม่ “ ได้แก่ เสื่อยืด , ป้ายชื่อ , ผ้าพันคอ ตลอดจนสื่ออื่นๆ อีกมากมาย ทั้งในระดับสถาบันการศึกษาและระดับคณะ โดยหากสถาบันการศึกษาใดสามารถรณรงค์และสื่อสารประเด็นเรื่อง “ การรณรงค์การปลอดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในสถานศึกษา “ ได้ ดีที่สุด จะได้รับทุนสนับสนุนเพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมหมาวิทยาลัยปลอดเหล้าอีก 100,000 บาท เพิ่มจากที่ได้รับงบประมาณไปดำเนินกิจกรรมอีกจำนวน 1 รางวัล
ต่อข้อถามของผู้สื่อข่าวเรื่องกระแสบอลโลกที่จะมาพร้อมกับแอลกอฮอล์นั้น ผศ. ดร. วิลาสินี พิพิธกุล เปิดเผยว่า…ขณะนี้ทางส ส ส. ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อยู่ โดยเรามีเครือข่ายที่ติดตามในเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานเครือข่าย องค์กรงดเหล้า ก็ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว หรือว่าเครือข่ายเยาวชน สถาบันการศึกษาต่างๆ และกลุ่มเครือข่ายของการออกกำลังกายและกีฬาที่ตอนนี้จับมือกัน ว่าเราจะขับเคลื่อนเรื่องนี้สองด้านด้วยกัน ด้านหนึ่งก็คือสร้างกระแสในเชิงปราม ว่าเทศกาลบอลโลกนี้จะนำมาซึ่งการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากมายอย่างไร รวมถึงเรื่องการเล่นการพนันและปัญหาความรุนแรงต่างๆ อย่างไร ซึ่งเราจะมีการขับเคลื่อนออกมาเป็นระยะอีก กระแสหนึ่งที่เราให้ความสำคัญไม่น้อยคือกระแสในเชิงสร้างสรรค์ เราจะมีการจัดกิจกรรมชวนดูบอลโลกอย่างสร้างสรรค์ รักษาสุขภาพ ปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยที่จับมือกับสื่อมวลชนหลายค่ายด้วยกัน อย่าง สยามกีฬา จะมีการจัดอีเวนท์เข้าไปตามสถาบันการศึกษาทั้งระดับอุดมศึกษา มหาวิทยาลัย แล้ว ก็ตามสถานที่ชุมชนต่างๆ ในขณะเดียวกันเราก็จะมีทีมงานวิชาการที่จะคอยติดตามดูตรวจสอบเรื่องของการ ใช้กลยุทธ์เชิงการตลาดต่างๆ ของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อาจจะมีการละเมิดเงื่อนไขต่างๆ รวมทั้งการโฆษณาผ่านสื่อด้วย ว่าเมื่อสิ้นเทศกาลบอลโลกแล้วน่าจะมีข้อมูลของการติดตามตรวจสอบที่สำคัญออก มา
นั่นก็เป็นในส่วนเทศกาลบอลโลก แต่ ว่าถ้าเรากลับมาตรงกิจกรรมรับน้องซึ่งเกี่ยวเนื่องกันเพราะว่าเป็นช่วงเวลา เดียวกันด้วย ตรงนี้ก็ต้องบอกว่า ส ส ส. เองก็ให้ความสำคัญกับเครือข่ายของมหาวิทยาลัยที่จะจัดให้มีโครงการนี้ขึ้น ซึ่ง คงไม่ใช่แค่เทศกาลรับน้องแต่คงจะยาวต่อเนื่องไปตลอดทั้งปีที่จะช่วยกันชวน เยาวชนทั้งมหาวิทยาลัยให้มีกิจกรรมสร้างสรรค์โดยที่ปลอดจากแอลกอฮอล์ค่ะ
ทางด้าน อ. ปัญญา เหล่าอนันต์ธนา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ใน ปีนี้เรามีการเผยแพร่ภาพ ก็มีทั้งแบบตั้งใจคือทำเป็น เรียลลิตี้ โชว์ ก็คือให้สังคมข้างนอกได้มองเห็น อันนี้คืออันนึงที่แสดงถึงความโปร่งใส และตัวสำคัญคือเรามีมาตรการรองรับมีการประชุมสตาฟทั้งหมด ทั้งสตาฟเชียร์และสตาฟสันทนาการประชุมระดับรากหญ้าเลย คือเอามาเกือบหกร้อยกว่าคนของเกษตรฯ มารับทราบนโยบาย และก็มีการลงโทษอะไรต่างๆ ซึ่งอันนั้นมันทั่วไปอยู่แล้ว ตัว สำคัญก็คือเรามีศูนย์ประสานงานกิจกรรมนิสิตเป็นศูนย์เฉพาะกิจนี้เลย เริ่มงานประมาณซักเดือนกว่าๆ เผื่อว่ามีการร้องเรียนต่างๆ ก็แจ้งเข้าที่ศูนย์ของเราได้ ทั้งเบอร์คอลเซ็นเตอร์ ต่างๆ เราก็มีพร้อม อีกอันนึงก็คือว่าอาจารย์ทุกท่านลงระดับสาขาวิชาต้องคุมหมด เข้าไปคุมในห้องเชียร์และในกิจกรรมรับน้อง
ส่วนเรื่องรับน้องต่างจังหวัดไม่มี ปัญหา ที่เราเป็นห่วงก็คือการลักลอบไปทำ ลักษณะนี้ผมแจกเบอร์โทรผมไปเลยให้นิสิตปีหนึ่งทุกคน รวมแล้วเกือบๆ 7,000 คน โทรเข้าได้เลยมีอะไรต่างๆ ที่เป็นข้อสงสัยโทรเช็คได้ทันที สำหรับ อาจารย์หลายๆ ท่านก็เตรียมพร้อมกินนอนอยู่ในมหาวิทยาลัยแล้ว เพราะเราต้องยอมรับว่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์คนเยอะ ความเสี่ยงที่จะเป็นข่าวเรามีสูงกว่า อีกอย่างหนึ่งเรามีตั้ง 7 วิทยาเขต ถ้าเหตุการณ์เกิดที่ใดที่หนึ่งก็คือมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ทั้งหมด แต่ถ้าหารสถิติของจำนวนคนแล้วเราถือว่าเราน้อยมากๆ อย่างปีที่แล้วก็เป็นเรื่องที่ความจริงเรามีคำตอบ แต่เราพูดไม่ได้คือเป็นเรื่องของสันทนาการซึ่งเราก็พูดลำบาก
ถาม…เท่าที่เห็นคือมีเรื่องของเหล้าเข้ามา และตอนนี้ก็ใกล้บอลโลกแล้ว ทางมหาวิทยาลัยมีมาตรการอะไรบ้างสำหรับเรื่องนี้
ตอบ… สำหรับกรณีบอลโลกที่เป็นห่วงมากก็คือการพนัน เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เจ้าหนี้ตามมาทวงหนี้ถึงมหาวิทยาลัยแล้วก็ทำให้ เด็กเกิดความกลัวไม่กล้ามาเรียนหนังสือ ณ ขณะนี้ทราบข่าวมาว่ารอบมหาวิทยาลัยมีการตั้งโต๊ะของกลุ่มมิจฉาชีพแล้ว ก็ส่งสัญญาณไปยังทุกมหาวิทยาลัยด้วยให้เตรียมตัวแล้วกัน
อีก อันนึงก็คือว่า แน่นอน เราต้องรณรงค์ไม่ให้มีการเล่นการพนันแต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัย ปัญหามันอยู่ที่ข้างนอกแค่ออกไปข้างนอกมหาวิทยาลัยร้านอาหารต่างๆ ก็เริ่มเปิดรายการที่คล้ายๆ กับเคเบิลทีวี. ถ่ายทอดสดงานบอลโลก สุราเสริฟเต็มโต๊ะเลยก็ไม่อยากให้เกิดปัญหานี้ ก็ต้องอาศัยภาครัฐช่วยดูแลกวดขัน ทางมหาวิทยาลัยนี่ลงไปกวดขันแน่นอน อีก นิดนึงก็คือเรื่องการไปต่างจังหวัด ไม่มีนะครับ ในระยะหนึ่งเทอมนี้เราจะไม่ให้เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาดถ้ามีพบก็ส่งสัญญาณ เตือนได้เลยครับ
ถาม…ในกรณีที่รุ่นพี่มีการใช้ความรุนแรงในการรับน้อง ทางมหาวิทยาลัยมีมาตรการอย่างไร
ตอบ… สูงสุดคือไล่ออก เราการันตีไว้เลยว่าถ้ามีการร้องเรียนจากผู้ปกครองหรือน้องปีหนึ่งเมื่อไหร่ เราจะสอบสวนให้เสร็จภายในหนึ่งหรือสองวันหลังจากชี้มูลแล้ว แล้วเราจะชี้แจงให้ผู้ปกครองทราบนี่คือผิดนี่คือถูกเพื่อให้ชัดเจนไป ทาง เราทำโปร่งใสและยินดีที่จะให้ทุกคนตรวจสอบ กิจกรรมนี่เราก็บอกทางรุ่นพี่ไปว่าให้ทำตามระเบียบ เราไม่ถึงขั้นไปชี้ว่านี่ห้ามทำ นู่นห้ามทำ มันจะเสียระบบของการทำกิจกรรม มีเรื่องที่สำคัญมากกว่ารับน้องก็คือการทำกิจกรรมของเด็กจะฝ่อไปเลย อย่างปีที่แล้วนี่ฝ่อไปเลยทำให้มีปัญหามากในเรื่องอขงการทำกิจกรรมบำเพ็ญ ประโยชน์ต่างๆ ซึ่งทำให้การรวมน้องทำได้ยากมาก ผลกระทบจากสื่อมีผลมากเพราะในส่วนด้านดีก็ทำให้เสียหายไปด้วย เพราะว่ากิจกรรมรับน้องและประชุมเชียร์จะเป็นรากฐานที่ต่อยอดไปยังกิจกรรมอื่นๆ อีกเยอะมากในการรวมคน
………………………………………………………………………………………
ที่มา :: http://www.stopdrink.com/webboard/public/view.php?id=252<hr width="100%" size="2" />
ไม่มีความเห็น