8 เมษายน 2553
เด็กๆคะทุกๆเช้าคุณครูยุ้ยมีหน้าที่ต้องเดินดูเด็กๆทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน
ในค่ายของเราและในตอนเช้าของวันนี้คุณครูยุ้ยก็ได้เดินไปดูเด็กๆ
ทำกิจกรรมในบ้านของแต่ละคน คุณครูยุ้ยรู้สึกชื่นชมสมาชิกในบ้านทุกๆหลัง
ที่ช่วยกันดูแลความเรียบร้อยของบ้านและสิ่งแวดล้อมรอบบ้านอย่างสวยงาม
และสะอาดเรียบร้อย แต่ขณะที่เดินดูความเรียบร้อยของบ้านแต่ละหลังอยู่นั้น
คุณครูยุ้ยก็ได้ยินเสียงเด็กๆ บ้านสวนร่มเย็นคุยกันเสียงดัง
โดยมีสียงของพี่ผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า
“ ใครๆเป็นคนเอาผ้าที่ทำหลังคาบ้านของพวกเราหลุด ทำอย่างนี้ได้ไง”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงน้องผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างยอมรับผิด
ในการกระทำของตนเองว่า “หนูเป็นคนทำเอง”
พี่ผู้ชายคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ทำให้มันหลุดออกมาก็ต้องทำให้มันดีเหมือนเดิมนะ ”
พี่ผู้ชายคนนั้นพูดไปบ่นไปแต่ในขณะที่เขาบ่น
เขาก็ได้แสดงความมีน้ำใจออกมาด้วยการเข้าไปช่วยน้อง
ที่เป็นคนทำหลังคาบ้านหลุดทำหลังคาบ้านของเขา
จนในที่สุดหลังคาบ้านของบ้านสวนร่มเย็นของเขาก็ทำสำเร็จ
คุณครูยุ้ยอยากทราบว่า มีเหตุผลอะไรที่ทำให้พี่ผู้ชายคนนั้นรู้สึกโกรธ
และต่อว่าน้องผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่เข้าใจ
คุณครูยุ้ยก็ได้เรียกพี่ผู้ชายคนนั้นมาสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภายหลังว่า
“ทำไมพี่ถึงดุน้องอย่างนั้น” พี่ผู้ชายคนนั้นก็ตอบว่า
"ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่น้องทำหลังคาบ้านที่พวกเราช่วยกันทำจนเสร็จหลุด
ผมก็เลยดุน้องไปเพราะต้องการทำให้มันดีเหมือนเดิม”
คุณครูยุ้ยจึงถามต่อไปว่าตอนแรกคุณครูยุ้ยได้ยินผมบอกว่า
“ใครๆเป็นคนทำหลังคาบ้านเราหลุด ก็ต้องรับผิดชอบทำให้มันดีเหมือนเดิมนะ
แต่ผมก็เข้าไปช่วยน้องทำไม่ได้ปล่อยให้น้องทำเองเหมือนอย่างที่พูด เพราะอะไร
พี่ผู้ชายคนนั้นก็ตอบว่า “ก็เพราะว่ามันเป็นบ้านของพวกเรา เราควรต้องช่วยกันดูแล
ไม่ควรปล่อยให้ใครคนใดคนหนึ่งรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ”
เด็กๆคะเห็นไหมคะว่าสิ่งที่เราเห็นมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด
ทำไมคุณครูยุ้ยถึงพูดอย่างนั้น
ก็เพราะว่าถ้าคุณครูยุ้ยเพียงแต่ผ่านมาเห็นทุกคนในบ้านสวนร่มเย็น
ต่างช่วยกันทำหลังคาบ้านของพวกเขา คุณครูยุ้ยอาจจะนึกชื่นชมว่า
โอ้โห เด็กๆบ้านหลังนี้ช่างมีความสามัคคีกันดีจังเลย ทุกคนช่วยกันทำงาน
ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ใช่ไหมคะ
แต่แท้ที่จริงแล้วกว่าจะมาเป็นหลังคาบ้านใหม่ได้เหมือนอย่างที่เราเห็น
มันเกิดมาจากความไม่เข้าใจกันก่อน เหมือนอย่างเรื่องที่คุณครูยุ้ยได้เล่าให้ฟัง
เด็กๆคะการอยู่ร่วมกันในบ้าน การพูดคุยกันเพื่อให้เกิดความเข้าใจกันนั้น
ทุกคนต้องใช้เหตุผลในการพูดคุยกัน ยอมรับในความคิดเห็นของกันและกัน
จะทำให้เราอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจกันและไม่ด่วนตัดสินใจลงโทษผู้อื่น
หรือชื่นชมแสดงความยินดีเพียงเพราะการกระทำที่เขาแสดงออกอย่างที่เราเห็น
เพียงแค่ครั้งเดียว คุณครูหวังว่าเด็กๆจะนำเรื่องราวที่คุณครูยุ้ยเล่าให้ฟังในเช้าของวันนี้
ไปเป็นแบบอย่างในการอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์นะคะ
เล่าเรื่องโดย คุณครูยุ้ย ค่ะ
ครู ยุ้ย ค่ะ
อยากรุ้ จังเลย น้อง ผู้ชาย คือ ใคร
ใจดี จังเลย เก่งมากๆ เลย ค่ะ