ผมนึกไม่ออกว่าวันบวช ผมตื่นเช้าหรือสาย เมื่อคืนนอนหลับหรือไม่
แต่นึกภาพตัวเองในพิธีกรรมต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน
บรรดาพิธีกรรมต่าง ๆ เริ่มต้นขึ้นในช่วงสาย
ผมทราบมาเมื่อวานแล้วว่า จะมีนาคมาร่วมบวชเป็นสามเฌรในคราวเดียวกันกับผมด้วย บวชเสร็จแล้วจะไปประจำอยู่ที่วัดป่าที่อนุเคราะห์บริขารมาให้ผม
มัคนายกวัด ชื่อ คุณตายวน เป็นผู้นำผมไปประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ก่อนจะเข้าสู่พิธีการบวช
สำหรับ คุณตายวน แม้มิใช่ญาติ แต่ก็เป็นผู้ใหญ่ที่ทางตระกูลฝ่ายปู่ให้ความเคารพนับถือมาก ท่านเคยบวชและจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ มีภูมิรู้ภูมิธรรมถึงขั้นมหาเปรียญ เป็นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่หลวงพ่อต้านให้ความนับถือ ไว้เนื้อเชื่อใจ และในช่วงที่ผมบวช ได้ไปเรียนบาลีกับท่านในระยะสั้น ๆ ก่อนที่ผมจะออกไปอยู่วัดป่าพักใหญ่ แล้วย้ายไปอยู่เชียงใหม่
ก่อนเข้าโบสถ์ท่านพาผมไปไหว้เสื้อวัด ว่ากันว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องคุ้มครองวัด วัตถุปรสงค์การไหว้เป็นการบอกกับท่านว่า เราจะมาขอบวช ขอให้ท่านช่วยปกปักรักษา อะไรทำนองนั้น
ไหว้เสื้อวัดเสร็จก็มาไหว้ที่เสาพัทธสีมา ก่อนที่จะแห่รอบวัดจำนวนสามรอบ
ดีที่ว่าการแห่ช่วงสาย ๆ พื้นซีเมนต์ที่เริ่มรับความร้อนจากดวงตะวันยังไม่ร้อนมากนัก เท้าเปล่าที่เดินวนตลอดระยะ ๓ รอบนั้นยังพอทน
การทดลองเดินเท้าเปล่าตามพระออกไปบิณฑบาตรนั้นถือเป็นต้นทุนที่ดีมาก ๆ ที่ทำให้การเดินแห่รอบโบสถ์ทั้งสามรอบไม่ลำบากฝ่าเท้ามากนัก เพราะเริ่มชินกับการเดินเท้าเปล่ามาบ้างแล้ว
รอบสุดท้ายเมื่อเดินมาถึงหน้าโบสถ์ ถึงคราวที่ต้องเดินเข้าไปรอพระในโบสถ์ ผู้ชายสี่ห้าคนยกตัวผมขึ้นสูงให้ผมเอามือแตะขอบประตูโบสถ์ด้านบน
ก่อนที่จะทำพิธีทางสงฆ์ คุณตายวนก็จัดแจงบางเรื่องบางราวให้ เช่น การให้ญาติโยมที่ถืออัฐบริการและเครื่องประกอบในขบวนแห่มาถวายกับนาค
นั่งรอสักพักพระสงฆ์ที่จะมาทำพิธีบวชให้ผมก็ทะยอยเดินเข้ามาในโบสถ์ นำโดยหลวงพ่อเจ้าอาวาส
พระสงฆ์ที่มาร่วมพิธีบนอาสน์สงฆ์หน้าพระประธาน แบ่งเป็น ๒ แถว หลวงพ่อนั่งกลาง พระคู่สวดคือหลวงตาบก และ หลวงพี่แทน นั่งข้างหลวงพ่อ
ก่อนจะเล่าถึงรายละเอียดพิธีกรรมบวชผม ขอแบ่งปันเรื่องราวความรู้เกี่ยวกับการบวชนิดหน่อยก่อนนะครับ
การบวชพระถือเป็น “สังฆกรรม” ประการหนึ่ง ซึ่งสังฆกรรมในพระวินัยมี ๔ ประการด้วยกัน ได้แก่ อปโลกนกรรม, ญัตติกรรม, ญัตติทุติยกรรม, ญัตติจตุตถกรรม ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรจะทยอยเล่าให้ฟังภายหลังครับ
สำหรับกิจกรรมที่ชาวพุทธคุ้นเคยเกี่ยวกับสังฆกรรม ได้แก่ สวดปาฏิโมกข์ ปวารณา สมมุติสีมา กฐิน และบวชพระ
กลับมาที่เรื่องการบวช
การบวชในพระพุทธศาสนามี ๓ วิธี
วิธีแรก คือ คือ การบวชที่พระพุทธเจ้าทรงประทานให้แก่ผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา เรียกว่า “เอหิ ภิกขุ อุปสัมปทา” พระสงฆ์รูปแรกของพระพุทธศาสนาคือ “พระอัญญาโกณฑัญญะ” เป็นพระที่พระพุทธเจ้าบวชให้ด้วยวิธีนี้
วิธีที่สอง คือ การบวชด้วยวิธีไตรสรณาคมน์ เป็นการบวชที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระสาวกบวชผู้ศรัทธาได้ด้วยตนเอง โดยให้โกนผม โกนหนวด ครองผ้ากาสาวพัสตร์ แล้วเปล่งวาจา ถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ๓ ครั้งว่า “พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ”
วิธีที่สาม คือ การบวชด้วยญัตติจตุตถกรรม คือ พิธีบวชที่พบเห็นในปัจจุบัน โดยมีพระพุทธบัญญัติไว้ว่า ในมัธยมประเทศ ซึ่งหาพระได้ง่าย การบวชต้องทำในคณะสงฆ์ ๑๐ รูป ถ้าเป็นปัจจันตประเทศ คือประเทศชายแดน ซึ่งหาพระยาก กำหนดให้มีพระ ๕ รูป ถือเป็นคณะสงฆ์บวชผู้ศรัทธาได้
การบวชสองวิธีแรกเป็นการบวชในสมัยพุทธกาล ส่วนวิธีที่สามเป็นการบวชในปัจจุบัน
มีคำศัพท์บางคำที่เกี่ยวข้องกับการบวช คำว่า “บวช” นี้โดยทั่วไปมักเรียกรวมกันไปทั้งบวชพระ บวชสามเณร แต่ในศัพท์ทางศาสนาเรียกการบวชสามเณว่า “บรรพชา” เรียกการบวชพระว่า “อุปสมบท” หรือเรียกพร้อมกันไปว่า “บรรพชาอุปสมบท” ในกรณีที่ผู้ต้องการบวชเป็นภิกษุต้องขอบรรพชาเป็นสามเณรก่อน แล้วจึงจะขออุปสมบทได้ (www.mahaoath.com)
ผู้จะบวชเป็นพระได้ ต้องมีอายุ ๒๐ ปีขึ้นไป ทั้งนี้อนุโลมให้นับในท้องได้อีก ๙ เดือน ใน www.mahaoath.com ได้กล่าวข้อห้ามที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้บวชเด็ดขาด ได้แก่ คนที่ฆ่าพระอรหันต์, คนที่เคยทำร้ายภิกษุณี, คนที่เคยปลอมเป็นภิกษุ, เคยบวชเป็นภิกษุแล้ว แต่ภายหลังไปเข้าลัทธิอื่น แล้วเปลี่ยนใจมาขอบวชอีก ก็บวชไม่ได้, คนที่เคยบวชแต่ต้องอาบัติปาราชิก, คนที่เคยเป็นภิกษุแล้วทำสังฆเภท คือทำลายสงฆ์ให้แตกจากกัน, คนที่ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อพระโลหิต คนเหล่านี้แม้ปิดบังตัวเข้ามาบวชก็ไม่เป็นภิกษุตามพระธรรมวินัย ฯลฯ
ผมบวชในวัดชนบท แต่ไปอยู่ในวัดป่า ตอนเดินบิณฑบาต ข้ามภูเขาหนึ่งลูก เดินบนถนนลูกรัง แรกๆๆก็เจ็บเท้า แต่ต่อมาก็ชินครับ ได้ฝึกสมาธิตัวเองด้วย...
หาภาพตอนบวชพระไม่พบ เจอแต่รูปเณรน้อยหน้าตาดีฮ่าๆๆ
มาอนุโมทนาสาธุครับ
สวัสดีค่ะ
มาอนุโมทนาสาธุค่ะ
(^___^)
ขำ อาจารย์ขจิตจังค่ะ อิอิ อ่านบันทึกพอลล่า รึยังคะ เรื่องบวช เหมือนกัน อิอิ ซึ้ง อ่ะ
สวัสดีค่ะ หนานเกียรติ ได้ความรู้เรื่องการบวชมากเลยค่ะ หลังได้บวชสามเณรลูกชาย ได้มาอ่านความรู้เพิ่มเติมที่บันทึกของหนานเกียรติ
แต่มาเจอ สามเณรน้อย หน้าตาดีเข้า 555 คิดว่าตอนนี้น่าจะทรงภูมิมากกว่ากันนะคะ
มีความสุขมากๆนะคะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ พี่หนาน
แวะมาขอบพระคุณสำหรับคำอวยพร
พร้อมชวนทานขนมเค้กอร่อยๆ ด้วยกันค่ะ
สวัสดีค่ะ
แวะมาส่งความระลึกถึงค่ะ
และเชิญชวนร่วมสร้างหอสมุดเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ด้วยกันนะคะ
http://gotoknow.org/blog/rongkham/349984
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีเจ้า..
มาชม
วาว ๆ ล้วนเป็นคนสุกแล้วนะนี่...มีความสุขมาก ๆ นะครับ...
สวัสดีครับอาจารย์
การเดินบิณฑบาตรในระยะแรก ทรมานมากครับอาจารย์
นี่ขนาดว่าเป็นเด็กบ้านนอกแท้ ๆ นะครับ...
ตอนเป็นเณรนี่ดูท่าทางอาจารย์จะไม่เบาเลยนะครับ ถ้ายังอยู่ สงสัยจะ ปธ.๙ ไปแล้ว
ขอบคุณที่มาเยี่ยมครับ
สวัสดีครับ ครูโย่ง
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
นี่ถ้ายังไม่สึก... จะจองเจิมรถโดราเอม่อนเลยนะครับเนี่ย...
สวัสดีครับอาจารย์
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะครับ...
มาอีกนะครับ จะมีตอนต่อไปอีกหลายตอนครับ...
สวัสดีคุณน้อง
น้องนี่น่าจะบวชภิกษุณีไปเลยนะ แบบว่าแสวงหาทางหลุดพ้นไปเลยหนะ...
ฮิ ฮิ...สนมะ เดี๋ยวติดต่อให้
สวัสดีค่ะ..ร่วมอิ่มบุญด้วยคนค่ะ สบายดีน่ะค่ะ
ดอกไม้คลายร้อนซักช่อน่ะค่ะ..มอบให้ครอบครัวน้องเฌวาค่ะ
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
สุขสันต์วันสงกรานต์ สนุกสนานกับการท่องเที่ยวเมืองไทยนะคะ
นำดอกมะลิหอมๆ พร้อมน้ำขมิ้นส้มป่อยแบบเมืองเหนือมารดน้ำดำหัวทาง blog .... พร้อมกับขอรับพรปีใหม่นี้ด้วยเจ้า....
สวัสดีปีใหม่! แบบไทยๆเราครับ
ตอนเป็นเณรได้นักธรรมเอก แล้วครับ แต่อยากเรียนต่อ เลยต้องออกมาเรียนทางโลก แหมถ้ายังอยู่ อาจมีหลวงพ่อขจิต วัดชาวบ้านไล่ นะครับ ฮ่าๆๆ ว่าแต่ว่า พาน้องเฌวาไปถึงบ้านแล้วใช่ไหมครับ เย้ๆๆ
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
ขอให้ มีความสุข สดชื่น ชุ่มฉ่ำๆ นะจ๊ะ
พรุ่งนี้ไปสงน้ำกันนะคะ
สวัสดีค่ะ
แวะมาส่งความสุขค่ะ....
ในโอกาสวันปีใหม่ไทยและวันครอบครัว
ขอให้มีความสุข...ฮักกัน...แพงกัน นะคะ
ครูกระแต