พ่อ...ผมจะบวชนะ !
ผมเอ่ยกับพ่อในวันหนึ่ง
แน่นอนว่าทั้งพ่อ แม่ ปู่และย่าปลื้มปิติกับการตัดสินใจของผมไม่น้อย
เพราะสภาพของผมในวันนั้นนอกจากเรียนไม่จบ ไม่ประสบความสำเร็จในการทำงานการ และมีแนวโน้มจะดำดิ่งลงต่ำจากการคบหาเพื่อนฝูงนักเลงหัวไม้
...
ก่อนหน้าผมบอกย่าว่าจะบวชสัก ๗ วัน
ผมไม่ได้คิดอะไรมากมาย เพียงแต่อยากบวชเสียให้พ้นภาระ ให้เป็นไปตามธรรมเนียมที่ทางบ้านยึดถือมา
“หลวงพ่อบอกว่าถ้าจะบวชต้องบวชอย่างต่ำเดือนนึง ไม่งั้นไม่บวชให้...”
ย่าบอกกับผมในเย็นวันหนึ่ง หลังจากที่ขอให้ย่าไปขอฤกษ์บวชจากหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัด
“ครับ...ย่า”
ผมรับปากกับย่าว่าจะบวชอย่างน้อยหนึ่งเดือน
...
หลวงพ่อต้าน - พระราชวัชราภรณ์
พระอุปัชฌาย์ที่บวชให้ผม
ปู่ ย่า พ่อและแม่ พาผมไปวัด พบกับหลวงพ่อต้าน หรือพระราชวัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดน้ำหัก หรือวัดสีตลาราม ผู้จะเป็นอุปัชฌาย์บวชผมให้
วัดนี้นอกจากปู่ พ่อและอาผมต่างบวชที่นี่แล้ว หลงพ่อพระอุปัชฌาย์ที่จะบวชให้ผมก็บวชให้พ่อรวมทั้งอาทั้งสองของผมด้วย
หลวงพ่อบอกว่า ฤกษ์บวชของผมถัดจากนี้ไปอีก ๑๓ วัน
และบอกว่าจะต้องให้มาอยู่วัดก่อนบวชเพื่อเตรียมตัวบวช ทั้งการเตรียมกาย เตรียมใจและการท่องคำบวช
“จะมาอยู่วัดเมื่อไร...” หลวงพ่อถาม
“อยู่ได้เลยครับ...” ผมพนมมือตอบหลวงพ่อไป
“เออ ดี ดี...” หลวงพ่อตอบรับ
ปู่ ย่า พ่อและแม่ลาหลวงพ่อกลับไป จากนั้นก็ให้น้องนำเสื้อผ้ามาให้ผมที่วัด เพราะผมมิได้กลับไปด้วย
เป็นอันว่าผมอยู่วัดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาจนกระทั่งถึงวันบวช ๑๓ วัน
...
อุโบสถที่ผมบวช
(ภาพประกอบจาก Internet)
ชายผู้จะบวชพระและต้องมาพักอาศัยอยู่ที่วัดก่อนบวชจะเรียกว่า “นาค”
ผมจึงถูกเรียกจากหลวงพ่อและพระเณรในวัดว่า “นาค”
หลวงพ่อบอกให้พระจัดกุฏิให้ผมพักห้องหนึ่ง อยู่ใกล้กับห้องหลวงตาผู้เป็นคู่สวดผมในวันบวช
ในห้องมีเพียงเสื่อ ผ้าห่มหนึ่งผืน หมอนหนึ่งใบ พัดลมอีกหนึ่ง เสื้อผ้าของผมอีกสองสามชุด และหนังสือสวดมนต์อีกเล่มที่ได้รับจากหลวงตา
ในช่วงแรก ๆ ที่ผมอยู่วัด ตื่นเช้ามาในขณะที่พระออกไปบิณฑบาตร ผมก็จะลงมากวาดใบไม้ที่ลานวัด กว่าจะกวาดจนหมดพระก็ทยอยกลับมาจากบิณฑบาตร
จากนั้นก็จะต้องไปช่วยทางหอฉันของวัดตระเตรียมสำหรับการขบฉันจังหันของพระทั้งวัด
หลวงพ่อมิได้ออกไปบิณฑบาตรด้วย เนื่องจากอายุมากแล้ว
หลวงพ่อจะลงฉันร่วมกับพระลูกวัดทุกเช้า
ผมกินข้าวเช้าหลังจากพระฉันเสร็จแล้ว จากนั้นก็จะช่วยแม่ครัวล้างถ้วยชาม ทำความสะอาดหอฉัน
สักพักก็ได้เวลาทำวัตรเช้า
ผมเข้าไปร่วมทำวัตรเช้าด้วย โดยหนีบเอาหนังสือเล่มที่ผมได้รับจากหลวงตาลงมาด้วย สวดตามพระตามหนังสือสวดมนต์ แรก ๆ ก็งงเอาการ แต่วันหลัง ๆ เริ่มจับทิศจับทางได้บ้าง
การทำวัตรเช้าใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง
บางวันก่อนจะที่พระจะฉันเพลผมจะแอบไปงีบที่กุฏิ รวมทั้งการท่องบทสวด
ใกล้จะสิบเอ็ดโมง ผมจะต้องกลับไปที่หอฉันเพื่อเตรียมอาหารเพลให้กับหลวงพ่อและพระลูกวัด
พระฉันเพลอาหารที่แบ่งไว้จากเมื่อเช้า รวมทั้งที่แม่ครัวทำเพิ่มเติม
หลังจากที่พระฉันเสร็จ ผมก็ทำภารกิจเช่นช่วงเช้าคือกินข้าวแล้วทำความสะอาดหอฉัน ล้างถ้วยชามภาชนะต่าง ๆ
สำหรับอาหารเย็นผมจะตักอาหารที่เหลือจากพระฉันเพลใส่ตู้เอาไว้ เพื่อลงมากินตอนเย็น
ช่วงบ่ายนอกจากการแอบงีบแล้ว ยังเป็นเวลาท่องคำสวดด้วย
ราวสี่โมงเย็นพระลูกวดทั้งหลายก็จะลุกออกจากกุฏิหยิบไม้กวาดไปกวาดลานวัด ผมก็ตามไปปฏิบัติภารกิจนั้นด้วยเช่นกัน
นอกจากกวาดลานวัดแล้ว ผมยังต้องช่วยรดน้ำต้นไม้ด้วย เพราะต้นไม้มีจำนวนกว่าจะรดเสร็จก็เย็น ผมมีเวลากินข้าวเย็นเล็กน้อยก่อนจะเข้าไปร่วมทำวัตรเย็นตอนหกโมงเย็น
การทำวัตรเย็นใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง
หลังจากทำวัตรเสร็จ ผมก็จะเข้าไปหาหลวงตาที่กุฏิเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับการท่องคำขอบวช
...
ภาพประกอบจาก internet
ในช่วงแรก ๆ ที่ผมเป็นนาค ช่วงเช้าผมจะตื่นกวาดลานวัด รอพระกลับจากบิณฑบาตรก็จะไปเตรียมสถานที่สำหรับการฉันจังหัน
ในช่วงหลังผมตามพระออกไปบิณฑบาตรด้วย ระยะแรกใส่รองเท้าสะพายย่ามเดินตามหลังก็รู้สึกว่าไม่เท่าไร ต่อมาทดลองหัดถอดรองเท้าเดินปรากฏว่าเท้าระบม กว่าจะเดินถึงวัดได้แทบแย่ เป็นอย่างนี้อยู่หลายวัน
การถอดรองเท้าเดินที่ผมเคยคิดว่าหมู ๆ กลับไม่หมูอย่างที่คิด แม้ว่าในวัยเด็กส่วนใหญ่ก็มิได้ใส่รองเท้า แต่เอาเข้าจริงเป็นการทรมานแสนสาหัสทีเดียว
...
บันทึกถัดไป
ประสบการณ์ดงขมิ้น (๒) : ท่องคำขอบวช
สวัสดีครับคุณหนาน
ขอบคุณมากๆ เลยครับ ที่เขียนประสบการณ์ในครั้งนี้ครับ จะรออ่านไปเรื่อยๆ จนกว่าจะบวชครับ เพราะว่าผมมีประสบการณ์น้อยมากครับ ว่าไปคุณหนานก็คล้ายๆ น้องชายผมครับ ตอนแรกชาวบ้านก็บอกว่าจะบวชได้สักครึ่งเดือนก็บุญแล้วครับ แต่น้องชายบวชได้อยู่นานเหมือนกันครับ สำหรับผมก็ตั้งใจว่าจะบวชอย่างน้อยหนึ่งเดือน และหากน้อยกว่านั้นก็คงไม่สบายใจนักเพราะผ่อนผันมายาวนานสำหรับการบวชครั้งนี้ และท้ายสุดได้สองเดือนก็นับว่าดีใจมากครับ แม้ว่ามันจะยังน้อยมากๆ ก็ตามครับ แต่ตั้งใจจะฝึกจริงจังและเดินเท้าเปล่าด้วยเช่นกันครับ ผมฝึกเดินอยู่ช่วงนึงตอนนี้เท้าเริ่มจะหนาๆ ขึ้นครับ ก่อนหน้านี้เดินบนหญ้าก็ยังไม่คุ้นเลยครับ ผมตั้งใจว่าจะไปทำจำลองการเดินจริงจากวัดมาบ้านตามเส้นทางที่บ้านแล้วลองเดินออกจากวัดแล้วกลับวัดดูครับ ว่าใช้เวลาและฝึกประสบการณ์ก่อนบวชจริงครับ
ขอบคุณมากๆ นะครับ
สวัสดีค่ะหนาน..ผู้ผ่านการบวชแบบลูกผู้ชายตัวจริง..ถ้าออกเรือนไม่บวชเขาจะดูถูกเนอะ...ก็อยากให้ลูกๆได้บวชทุกคนนะแบบเต็มพรรษาและเป็นหนาน..ไม่อยากเป็น...น้อย...เจ้า
สวัสดีเจ้า น้องอิง
แม่นแล้วเจ้า...ที่มาของหนานเกียรติ...
ไปแบบทูอินวันก็ได้นี่ครับ
ชวนน้องก้อยไปเล่นสงกรานต์ที่เชียงดาว
ได้ทั้งบุญและม่วน
ยินดีนัก ๆ ตี้แวะมาแอ่วเจ้า...
สวัสดีครับอาจารย์
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
ต้ังใจจะเขียนเล่าประสบการณ์ชีวิตในช่วงบวชไปเรื่อย ๆ ครับ
มีเรื่องราวที่อยากเล่าแยะเลยครับ
สวัสดีครับ คุณเม้ง
ขอบคุณที่สนใจนะครับ
ถือว่าบันทึกชุดนี้เป็นการร่วมโมทนาในการประกอบกิจกุศลในคราวนี้ของคุณเม้งครับ
จะทะยอยเล่าไปเรื่อย ๆ เท่าที่เวลาและโอกาสจะอำนวยครับ
หน้าตาไม่น่าจะเอาเรื่องนะคะ
แหะ แหะ พี่คิม
หน้าตาแบบนี้แหละครับที่เอาเรื่อง
คนที่นั่งถัดออกไปในภาพเป็นเพื่อนสนิทอยู่ จ.พิษณุโลก อยู่ที่บ้านกร่างครับ
เคยผจญภัยมาหลานเวทีและสนามครับ
ทั้งงานวัดใหญ่ งานวัดในตำบล เราร่วมสมรภูมิมาด้วยกันหลายคราวครับพี่
โชคดีที่ยังเหลือชีวิตกระทั่งได้บวช