ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดตั้งศูนย์ป้องกันยาเสพติดภาคประชาสังคมจังหวัดพัทลุง
ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดตั้งศูนย์ป้องกันยาเสพติดภาคประชาสังคมจังหวัดพัทลุง
วันนี้ ส.ศรัณ นำบรรยากาศของการประชุมประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดตั้งศูนย์ป้องกันยาเสพติดภาคประชาสังคมจังหวัดพัทลุง ซึ่งวันนี้ต่างจากจังหวัดสงขลา ด้วยว่าจังหวัดพัทลุงได้มีการวางตัวผู้ดำรงตำแหน่งไว้แล้ว รอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเซ็นต์รับรองหลังจากมีมติวันนี้
เริ่มเวทีด้วยตัวแทนจาก ศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดจังหวัดพัทลุง นายเชิงชาย ได้กล่าวรายงานความเป็นไปของที่มาของการประชุมครั้งนี้ และเชิญให้ท่านผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 9 นายสงคราม ขำต้นวงษ์ ชี้แจงบทบาทภาคประชาสังคมในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด
1. เป็นที่รวมของบุคคล/กลุ่ม/องค์กร ที่ตระหนักต่อปัญหายาเสพติด และมีเป้าหมายร่วมกันที่จะช่วยกันป้องกันและแก้ไขปัญหา ยาเสพติด
2. มีบทบาทในการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดซึ่งกันและกัน อันจะนำไปสู่ความเข้มแข็งของกิจกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่นั้นๆ
3. มีบทบาทสนับสนุน ช่วยเหลือการป้องกันและแก้ไขปัญหา ยาเสพติดระหว่างกลุ่ม/องค์กรซึ่งกันและกัน เสริมสร้างกำลังใจซึ่งกันและกัน รวมทั้งกระตุ้นการทำงานร่วมกัน
. เป็นเวทีสะท้อนข้อมูล ปัญหายาเสพติดหรือที่เกี่ยวข้องให้กับภาครัฐในระดับพื้นที่ได้รับทราบ
5. เป็นเวทีนำเสนอแนวความคิด แนวทาง และนโยบายที่รัฐ หรือจังหวัด/อำเภอ ควรพิจารณา เพื่อนำไปสู่การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามที่เห็นสมควร
ซึ่งวาระการประชุมวันนี้มีการแนะนำตัวคณะกรรมการที่ได้วางไว้ประกอบด้วย
1. นายสมชาย ชุมพาที
2. นายประเจือบ บุญยงค์
3. นายอำนวย เส้งสุ้น
4. นายวิศิษฐ์ กาญจนโสภาค
5. นายวรายุทธ เมืองสง
6. นายวิจิตร ดำประสิทธิ์
7. ด.ต.ทวี คงแก้ว
8. นายสุบหยาน ยีหรีม
9. นางเตือนใจ สิทธิบุรี
10. นายวาทิน กรดเต็ม
เห็นรายชื่อแล้วหลายคนคงทราบว่า แต่ละท่านล้วนมีคุณวุฒิ และคุณสมบัติ มีล้น ผ่านการทำงานมาแล้วมากมาย
หลังจากแนะนำคณะทำงานแล้วได้มีการขอมติเพื่อเลือกประธาน รองประธาน และเลขานุการคณะทำงานชุดนี้ ซึ่งได้มีมติดังนี้
นายประเจือบ บุญยงค์ ประธาน
นางเตือนใจ สิทธิบุรี รองประธาน
นายวาทิน กรดเต็ม เลขานุการ
ตามด้วยวาระการสะท้อนปัญหายาเสพติดในพื้นที่มี คณะทำงานท่านหนึ่งสะท้อนทำให้รู้สึกว่านี่คือความเป็นจริงของสังคมไทยเราหรือ “เจ้าหน้าที่ทำเสียเอง แล้วจะไปคาดหวังอะไรกับชาวบ้าน การทำงานอย่างนี้ต้องอาศัยความจริงใจเป็นเครื่องมือในการเดิน”
คณะกรรมการอีกท่านแลกเปลี่ยนว่า “ขบวนการยึดไม้เรียวจากครู ทำให้ครูรู้สึกปล่อยวางกับหลายอย่างที่เป็นอยู่ หลายครั้งที่ถามเพื่อนพ้องว่า เราทิ้งอุดมการณ์กันแล้วใช่ไหม คำตอบที่ได้คือ หากเราทำตามอุดมการณ์ตอนนี้เราอยู่บ้านแล้ว เพื่อนครูคนหนึ่งสะท้อนกลับว่า ครูได้ตามเด็กที่เสี่ยงไปถึงบ้านเพื่อนเยี่ยมและดูแล ไปเห็นเด็กสูบบุหรี่อย่างเปิดเผย แต่กลับทำอะไรไม่ได้เพราะเด็กท้าทาย ครูต้องเดินร้องไห้กลับบ้าน ประเทศไทยเราแก้ปัญหาด้วยการซ่อมมากกว่าสร้าง เราปล่อยให้มันเสียก่อนแล้วค่อยซ่อมที่หลัง หลายส่วนบอกว่า เราต้องการสิ่งสวยงามแต่เรากลับเดินสวนทางกับความต้องการนั้น”
หลังการสะท้อนปัญหาประธานในที่ประชุมนายสงครามได้กล่าวต่อว่า อยากให้เราเสนอแนะอย่างนี้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการปรับปรุงแต่อยากให้เราสะท้อนปัญหาแล้วก็เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาด้วย พร้อมให้คณะกรรมการที่ได้รับภาระหน้าที่ไปร่วมกันเขียนโครงการเพื่อการบริหารจัดการต่อไป ให้นำมาเสนอในการประชุมครั้งต่อไป............................
ประชุมครั้งนี้บรรลุตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ทุกประการในนามของมูลนิธิภูมิพลังชุมชนไทย ภาคใต้ตอนล่าง ฐานะพี่เลี้ยง ศตส.ภาคประชาชน ทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวดี ๆ ที่ชุมชนทำด้วยใจอาสา วันนี้มาร่วมสังเกตุการและเอาบรรยากาศมาฝากกัน.................คราวหน้าหากมีข่าวคราวอะไร ส.ศรัณ จะนำมาฝากค่ะ
ความเห็น (2)
สวัสดีครับน้อง คาดว่าประเด็นยาเสพติด
ในอนาคต คงเป็นประเด็นขับเคลื่อนผ่าน ศูนย์ ประสานงานภาคีเครือข่าย
คุณสมชาย ตังแทนประเด็นสุขภาพ
คุณวาทินก็เป็นคณะทำงานศูนย์
หลายๆท่านในคณะกรรมการ ล้วนเคยได้เข้าประชุมร่วมกันมาบ้างแล้วครับ
อาจารย์ สุบหยานก็ฟังท่านบ่อยครับน้อง
ด้วยนโยบายเป็นอย่างนั้นค่ะที่จะผลักดันให้งานนี้ผ่านภาคประชาสังคม
แต่น่าเป็นห่วงค่ะว่า หากเป็นการจัดตั้งที่ไม่ได้มาด้วยความอยากเป็นเบื้องต้น
เกรงว่าจะเป็นการจัดตั้งเหมือนหลาย ๆ ส่วนที่รัฐเคยพยายามมาในประเด็นยาเสพติด
ตราบใดที่คนทำงาน และประชาชนทั่วไปยังไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด เห็นและเป็นอยู่