จากใจนิสิตใหม่ปริญญาเอก รุ่น ๕ แด่ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในการบริหารปกครองของ ท่านคณบดี ผศ. ดร. มหาสมจินต์ สมฺมาปญฺโญ
ด้วยอานิสงส์ของบุญที่สะสมมามากบ้างน้อยบ้าง รู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง และทั้งโดยทางตรงบ้าง ทางอ้อมบ้าง ตลอดชีวิตที่เติบใหญ่เข้าสู่มัชฌิมวัย ด้วยความภาคภูมิใจในปัจจุบัน ผนวกกับการร่วมอนุโมทนาบุญในบุญที่กัลยาณมิตรทั้งหลายได้กระทำและบอกเล่าสู่กันฟัง ทำให้โยมได้มีโอกาสเข้าร่วมเป็นนิสิตใหม่ปีการศึกษา ๒๕๔๙ อย่างแทบจะเรียกว่า ‘ปาฏิหาริย์’ ก็ไม่ผิดนัก ด้วยการเตรียมตัวอันกระชั้นชิดและความด้อยประสบการณ์และความรู้ทางพระพุทธศาสนาเนื่องจากสมัยเป็นเด็กนักเรียนก็เรียนในโรงเรียนคาทอลิค ก่อนเข้ารั้วมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ เพราะผู้ปกครองต้องการให้ได้ช่ำชองทางการใช้ภาษาอังกฤษ และมิเคยได้นึกอย่างจริงจังว่าสักวันฝันที่เคยวาดไว้สูงสุดในชีวิตนี้จะเป็นจริงได้อย่างที่เป็น ณ ปัจจุบันนี้ แม้จะเป็นเพียงก้าวแรกที่ยังอ่อนหัด และฝันที่จะจบการศึกษาในระดับปริญญาเอกนี้ มิใช่เพียงปริญญาบัตรที่ต้องการจะไขว่คว้าหากแต่เป็นทุกสิ่งที่ ‘สุดยอด’ ในปาฐกถาของท่านคณบดี ผศ. ดร. มหาสมจินต์ สมฺมาปญฺโญ ที่เคารพรักของเราในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ แคมป์สน จังหวัดเพชรบูรณ์ เนื่องในพิธีปฐมนิเทศนิสิตใหม่ทั้งปริญญาโท และ ปริญญาเอก ปีการศึกษา ๒๕๔๙ ซึ่งเป็นการจัดพิธีนอกมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก บรรดาน้องๆ และพี่ๆ ซึ่งเป็นนิสิตรุ่นพี่ก็บอกว่าเราโชคดีมากๆที่ได้เป็นนิสิตปีการศึกษานี้ที่มีแต่สิ่งดีๆรองรับทั้งนั้น
ที่ว่าเป็นความฝันที่จะไขว่คว้า ทุกสิ่งที่สุดยอด ดังกล่าวข้างต้น นั้นคือเช่นไร ก็ขอแนบปาฐกถาของท่านคณบดี มา ณ ที่นี้ด้วย ในใจความพอสังเขปที่โยมประทับใจและจดบันทึกไว้ได้ การเรียงลำดับอาจไม่สมบูรณ์นัก ด้วยโยมมีกระดาษบันทึกเพียงเล็กน้อยจริงๆในวันนั้น เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีรายละเอียดมากนักที่ท่านจะกล่าวแสดงปาฐกถาในวันนั้น แต่ยิ่งโยมฟังท่านกล่าวในแต่ละบท แต่ละตอน ก็ยิ่งดื่มด่ำและประทับใจ จนอดไม่ได้ที่จะจดบันทึกไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เพื่อจะจดจำนำไปปฏิบัติในเวลาที่เหลือของชีวิตหากโชคดีอีกหนึ่งชั้นที่จะสำเร็จการศีกษาเล่าเรียนในขั้นปริญญาเอกนี้ด้วยเวลาที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ทันท่วงที (คือไม่ใช้เวลาเรียนนานเกินกว่าอุดมการณ์จะรอคอยไหว หรือ ถ้านานก็เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส คือ ยิ่งเรียนนานก็ยิ่งมีความรู้แตกฉานเพื่อออกไปช่วยจรรโลงสังคมให้เป็นสังคมโสดาบันอย่างที่ท่านคณบดีได้ปาฐกไว้อย่างน่าประทับใจ)
อะไรๆก็ดีไปหมด ยกเว้นที่ว่าวาระตำแหน่งท่านคณบดีที่เคารพรักของเรา(ผู้มีบุคลิกที่สุขุม เยือกเย็น พูดตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อม มีเอกลักษณ์ เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลอันเป็นประโยชน์มหาศาลต่อสังคมไทยในการสมานรอยร้าวให้เป็นหนึ่งเดียว) ใกล้จะจบลงอีกวาระหนึ่ง
…/2
-2-
แล้ว เป็นไปได้ไหม หากเราจะมีท่านเป็นผู้นำอีกเป็นวาระที่ ๓ แม้ท่านควรจะขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น แต่โยมเชื่อว่า นิสิตและคณาจารย์ทุกท่านคงจะอุ่นใจกว่ามากหากเรายังมีท่านเป็นผู้นำในตำแหน่งคณบดี บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในอีกวาระหนึ่ง
จากการพูดคุยกับเพื่อนนิสิต และน้องรุ่นพี่ทั้งหลายก็มีความเห็นแบบเดียวกัน โยมจึงใคร่จะถ่ายทอดความรู้สึกนี้ออกมาให้ความตื้นตันนี้มันเบาบางลงจะได้ไม่เป็นทุกข์มากนัก และที่จะขาดไม่ได้คือความประทับใจในคณาจารย์ทีมงานบัณฑิตวิทยาลัย และน้องๆพี่ๆรุ่นพี่ปริญญาโทและปริญญาเอกทุกท่านโดยการนำของพระอาจารย์ ดร. มหาหรรษา ธมฺมหาโส และคณะ ของท่านคณบดี ที่โยมได้มีโอกาสช่วยและร่วมแบ่งเบางานบางเรื่อง อาทิ งานวิสาขบูชาโลก ณ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ที่เพิ่งผ่านไป และงานปลีกย่อยต่างๆ แม้จะยังมิได้เริ่มเรียนวิชาการ ก็เหมือนได้ลงสนามปฏิบัติย่อย ก่อนจะลงมือปฏิบัติภารกิจในฐานะนิสิตของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งมีเอกลักษณ์อย่างแรกก็คือชื่อที่ยาวเหยียดไม่เหมือนมหาวิทยาลัยอื่น อย่างที่สองคือการศึกษาร่วมกันระหว่างพระภิกษุ กับฆราวาส และอีกหลายๆอย่าง แต่ที่ประทับใจมากที่สุดคือประทับใจในท่านคณบดีของเรา จากการที่โยมได้มีโอกาสนั่งทำงานในห้องทีมงานฉุกเฉิน-
วิสาขบูชาโลก ที่ท่านก็มาคอยดูแล และร่วมงานด้วยในบางวัน ทำให้โยมแลเห็นบุคลิกที่โดดเด่นของท่านดังได้กล่าวแล้ว และยิ่งได้ฟังปาฐกถาของท่านก็ยิ่งปลาบปลื้มที่จะได้เล่าเรียนวิชาจากท่านและทีมงานคณาจารย์ของท่านที่เปี่ยมด้วยความเมตตาและความรู้อันแตกฉานในเวลาอันใกล้นี้
อานิสงส์ของบุญดังกล่าวข้างต้น ได้นำโยมเข้ามาสู่รั้วมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (ที่เข้ายากมาก เพราะลงกลอนไว้ ดังพระอาจารย์ที่แคมป์สนกล่าวเป็นมุขตลกไว้)ไม่เร็วและไม่ช้าเกินไปนัก เพื่อร่วมกับเพื่อนนิสิตสืบสานการต่อยอดมูลค่าเพิ่มจากมรดกของประเทศชาติ จรรโลงสังคมในทางที่สูงส่งขึ้น ให้เป็นสังคมโสดาบันเพื่อร่วมชีวิตที่ สว่าง สะอาด สงบ จากกลุ่มย่อยต่อยอดขึ้นไป ขยายให้ใหญ่ขึ้นๆ สักวันหนึ่งคงเป็นสมดังปณิธานของท่านคณบดีที่เคารพรักยิ่งของเราทุกคน และ ทุกรูป.
- โยมแพม -
***************
๑๙ มิถุนา.๔๙
ส่งเรื่องข้างต้นมากระตุ้นเพื่อนๆให้แสดงความรู้สึกเล็กๆน้อยๆในโอกาสต่างๆนะคะ ต้องขออภัยที่สุนทรพจน์ ของอดีตท่านคณบดีถูกเก็บไว้ในแผ่นที่ฝากไว้ให้คุณหวัด แต่คุณหวัด หาไม่เจอ มันเป็นอนัตตาไปแล้วค่ะ (แต่เนื้อความก็เหมือนๆกับที่พวกเราได้รับสำเนาแจกในวันเลี้ยงแสดงความยินดีกับพี่ป.โท และ เอก เมื่อวันจันทร์ที่ ๕ มิถุนา. น่ะค่ะ) เช่นเดียวกับ ณ วันนี้ พวกเราทุกคน/รูป ก็ได้ สนุกสนานกับการเรียนกับคณาจารย์ทุกท่านทั้งไทยและเทศแล้ว รวมถึงท่านรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ บัณฑิตวิทยาลัย อดีตท่านคณบดีที่(โยม)แพมเขียนบันทึกเกี่ยวกับท่านไว้
ผิดพลาดประการใดก็โปรดอโหสิกรรมให้ด้วยนะ(เจ้า)คะ
รักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ