COP DHF กระบวนการเรียนรู้ของนักปฏิบัติ community of practices(cop)
“การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกให้ได้รับความปลอดภัย”
-
เนื่องจากจังหวัดสระบุรีได้จัดไห้มีเครือข่ายการเรียนรู้ร่วมกันโดยจัดให้มีชุมชนนักปฏิบัติทั้งหมด 6 copคือ DM..CA..DHF..HI..ASTHMA..CVA วันที่ 13 มิถุนายน 2549 ได้จัดให้มีการเรียนรู้ร่วมกันของจังหวัดสระบุรีทั้งหมด 13 โรงพยาบาลที่ห้องประชุมโรงพยาบาลศูนย์สระบุรีซึ่งนับเป็นครั้งแรกวันนี้กระผมได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นคุณอำนวยในcop โรคไข้เลือดออกวันนี้เราจะเรียนรู้ร่วมกันในประเด็น
”การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพื่อป้องกันภาวะช็อค”
C=case
-
จังหวัดสระบุรีพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกระบาดทั้งปี โดยในปี นี้ตั้งแต่เดือนมกราคม2549 ถึงเดือนพฤษภาคม พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกจำนวน 228 รายไม่พบผู้ป่วยเสียชีวิต และในทุกโรงพยาบาลในจังหวัดสระบุรีไม่พบผู้ป่วยภาวะช็อคและภาวะน้ำเกิน ซึ่งหากการดูแลรักษาไม่ดีพออาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากภาวะน้ำเกินและภาวะช็อคได้
A=actionประเด็นสำคัญ “การป้องกันภาวะช็อคผู้ป่วยDHF”
เป้าหมาย “ เพื่อลดอัตราป่วยตายด้วยโรคไข้เลือดออกไม่เกินร้อยละ 0.2ของผู้ป่วยไข้เลือดออกทั้งหมด”
กระบวนการคุณภาพมีดังนี้1.การวัดความดันโลหิต
ให้คำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
-
1.1ตำแหน่งที่พันคั๊พ ให้วัดจากต้นแขนถึงข้อศอก แล้วแบ่งเป็นสามส่วน พันคั๊พในส่วนที่สองของแขน
-
1.2 ควรเลือกชนิดของคั๊พให้เหมาะสมกับอายุผู้ป่วยและขนาดรูปร่างผู้ป่วยด้วย
-
1.3เวลาที่ใช้รัดคั๊พ หากในผู้ป่วยที่PLT ต่ำอาจทำให้เม็ดเลือดแดงแตกได้
-
1.4ควรจัดท่าวัดความดันโลหิตให้เหมาะสมคือ นอนราบบนเตียงหงายท้องแขนขึ้น
- 1.5เลือกชนิดของเครื่องวัดความดันให้เหมาะสม เนื่องจากเครื่องวัดความดันโลหิตชนิดdigitalไม่ไวต่อการเปลี่ยนของผู้ป่วย เพราะจะไม่ทราบว่าเสียงที่ได้ยินชัดเจนหรือเสียงเบาอย่างไร หากเป็นใน2-3วันแรกอาจใช้เครื่องวัดdigitalได้ แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการรุนแรงควรใช้การวัดความดันด้วยมือจะทำให้ทราบผลแม่นยำกว่า
2.การจับชีพจร
2.1 ตำแหน่งที่จับชีพจรควรเป็นที่ข้อมือ(ยกเว้นหากข้อมือบวม) ให้ยึดตำแหน่งที่คลำได้ชัดที่สุด
2.2การรายงานการจับชีพจร ควรรายงานเป็น 3 ระดับคือ
- 1.เสียงชัดเจน(full)
- 2. เสียงปานกลาง(medium)
-
3.เสียงเบา(weak)
2.3 สังเกตุอาการอื่นประกอบด้วย เช่น วัดtที่รักแร้บวกเพิ่ม0.5 ,การหายใจ เป็นต้น
3.การบันทึกurine output
-
3.1 ต้องมีการบันทึกปัสสาวะผู้ป่วย ทุก 4 ชั่วโมงโดยใช้แบบบันทึกvital signและเพิ่มบันทึก urine ในช่องสุดท้ายและออกแบบขึ้นมาใหม่ก็ได้(มีตัวอย่างของสระบุรี.แก่งคอย.พระพุทธบาท)
- 3.2ชั่งน้ำหนักurine ด้วย โดย 1 กรัมเท่ากับ 1 ml
4.การตรวจlab
4.1เทคนิคการเจาะเลือดเจาะได้ 2 ตำแหน่งคือ
-
=ปลายนิ้วมือ ห้ามใช้นิ้วชี้เพราะนิ้วชี้ต้องใช้หยิบจับของและมีbloodcirมาก
-
=ผู้ป่วยเด็กเจาะที่ส้นเท้าด้านข้าง
4.2อุปกรณ์ที่ใช้เจาะ ควรเลือกใช้ให้เหมาะสม
-
=เข็ม จะควบคุมความลึกลำบากใช้เบอร์ 25
-
=แลนเซท จะทำให้เกิดแผลกว้าง หากกลับมาเจาะนิ้วเดิมซ้ำอีกผู้ป่วยจะเจ็บมาก
-
=ไม่เค้นบริเวณเจาะมากไป เพราะจะทำให้HCTสูงได้
-
=ควรwarmผิวหนังก่อนเจาะให้confultionดีก่อนจึงค่อยเจาะ
4.3 เครื่องที่ใช้ปั่นhct ควรเป็นเครื่องเดิมกัน เพราะใช้คนละเครื่องผลที่ได้แต่ละครั้งอาจต่างกันได้ เนื่องจากการตั้งค่า ของเครื่องไม่เท่ากัน
5.สังเกตอาการแสดง
-
5.1อาการกระสับกระส่าย
-
5.2 ผู้ป่วยมีอาการซึม
-
5.3มีอาการbleeding ปวดท้อง ท้องอืด ถ่ายดำ อาเจียน
- 5.4ห้ามใส่สายng tube เพราะอาจทำให้เกิดbleeding เพิ่มขึ้นได้
6.ใบส่งส่งผู้ป่วยเพื่อรักษาต่อ
-
ควรแสดงรายละเอียดที่สำคัญ เพื่อการรักษาต่อเนื่องได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว เช่น อาการ.การรักษาที่ให้ไปแล้ว เป็นต้น
R=resouse
ผลลัพธ์ที่ได้จากการเรียนรู้ในประเด็นการดูแลรักษาผู้ป่วยไข้เลือดออกเพื่อป้องกันภาวะช็อค
-
1.ทำให้ทราบแนวทางในการพัฒนาปรับปรุงระบบการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยไข้เลือดออกให้ปลอดภัย
-
2.ทำให้มีแนวทางในการวางแผนดำเนินงานต่อไปได้ง่ายขึ้น เนื่องจากทำให้ทราบว่า หน่วยงานเราขาดอะไรบ้าง และจะหาได้จากที่ใด
-
3.ทำให้ทราบบทบาทหน้าที่ของแต่ละคนได้ชัดเจนขึ้นในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน(เนื่องจากเป็นการเรียนรู้ร่วมกันครั้งแรกในระดับเครือข่ายของผมครับ)
-
4.ได้ฝึกลองทำ AAR หลังการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อให้ทราบผลงานและอุปสรรค เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานในเรื่องอื่นๆต่อไปได้
-
5.ทำให้ทราบว่ายังมีtacidในตัวบุคคลอีกมากมาย ที่ยังไม่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ทำให้ทราบpracticeต่างๆที่ไม่ต้องเสียเวลาศึกษาเอง และนำไปแก้ปัญหาในการปฎิบัติงานไห้ดียิ่งขึ้น
ปัญหาอุปสรรค
-
1.ขาดการประสานงานในประเด็นที่จะเรียนรู้ร่วมกัน เพราะทีมผมได้รับมอบหมายประเด็นภาวะน้ำเกิน แต่วันนี้ทีมเครือข่ายเรียนรู้เรื่องภาวะช็อค ทำให้ขาดการเตรียมความรู้และเตรียมknowlage
-
2.คุณกิจที่เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีจำนวนมากเกินไป ทำให้การแสดงความคิดเห็นไม่ทั่วถึง การกระตุ้นจากคุณอำนวยทำได้ยาก
-
3.สถานที่ ที่ใช้ในวันนี้กว้างมากเกินไป และมี2 กลุ่มทำให้ เสียงพูดไม่ค่อยได้ยิน ทำให้ขาดความสนใจได้ การเรียนรู้ที่ได้ไม่ต่อเนื่อง ควรเป็นห้องปิดและใช้ไมค์พูดน่าจะดีกว่า
แผนพัฒนาเรื่องต่อไป
-
เขียนแผนปฏิบัติการ(passion plan)ในประเด็นการดูแลภาวะช็อคผู้ป่วยDHF ส่งสสจ.วันที่16 มิถุนายน 2549 นี้และเครือข่ายการเรียนรู้ของจังหวัดสระบุรีจะนัดแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครั้งที่2 ในวันที่ 24-25 มิถุนายน 2549 โดยมีอาจารย์ไพฑูรย์ เย็นฉ่ำ ร่วมด้วยครับโดยแบ่งcop ตามวันดังนี้ครับ
วันที่ 24 มิถุนายน 2549(ทั้งวันช่วงบ่ายจะมีการสอนเรื่องเวบบล็อกด้วย)
-
1.CA ประเด็นสำคัญ”การดูแลผู้ป่วยในระยะสุดท้าย ”
-
2.ASTHMA ประเด็นสำคัญ”การประเมิน….score”เตรียมข้อมูล.ความรู้.แบบรายงานต่างๆไปด้วย
- 3.DM ประเด็น “การดูแลผู้ป่วย…..”
วันที่ 25 มิถุนายน 2549(ทั้งวันช่วงบ่ายจะมีการสอนเรื่องเวบบล็อกด้วย)
-
1.DHF ประเด็นสำคัญ”การป้องกันภาวะน้ำเกิน”เตรียมความรู้การประเมินภาวะน้ำเกิน.อาการแสดง,แบบรายงานต่างๆ,ปัญหาอุปสรรคในการทำงาน
-
2.HI ประเด็นสำคัญ”การดูแลผู้ป่วยก่อนส่งต่ออย่างปลอดภัย”
- 3.CVA ประเด็นสำคัญ”การวางแผนจำหน่ายผู้ป่วยเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน”