เสาร์ห้านี้ที่วัดละหารไร่

"พระครูภาวนาภิรัติ" ณ วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง

เมื่อวันเสาร์ ที่ 20 มีนาคม 2533 ตรงกับขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 (เสาร์ห้า) ซึ่งนับว่าเป็นวันดีวันหนึ่งสำหรับคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ผู้คนส่วนใหญ่จึงมักจะพากันไปทำบุญเพื่อเป็นศิริมงคลในวันนี้กัน บางครอบครัวก็พากันเดินทางไปกราบไหว้พระที่เคารพและเลื่อมใส..เช่นเดียวกันกับครอบครัวของผู้เขียนก็ได้มีโอกาสไปกราบไหว้หลวงปู่ทิม อิสริโก(พระครูภาวนาภิรัต) เจ้าอาวาสวัดละหารไร่ (เมื่อ พ.ศ. 2450 - 2518) ปัจจุบันท่านมรณภาพแล้ว เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2518 ณ วัดละหารไร่ ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง และเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมากราบไหว้หลวงปู่..ซึ่งภาพที่เห็นในวัด..มีจำนวนประชาชนทยอยพากันมากราบไหว้หลวงปู่..ดูไม่หนาแน่นนัก..แต่ก็มาไม่ขาดสาย..ผู้เขียนจึงได้มีโอกาสถามถึงประวัติของหลวงปู่ จึงได้ทราบเหตุว่า..ทำไมจึงมีประชาชนพากันมากราบไหว้ตลอดถึงแม้ท่านจะมรณภาพไปนานแล้วก็ตาม ดังนั้น จึงจะขอนำประวัติคร่าว ๆ ของหลวงปู่มาเล่าให้เพื่อนสมาชิกได้รับทราบกันค่ะ

หลวงปู่ทิม อิสริโก นามเดิมชื่อ "ทิม นามสกุล งามศรี" เป็นบุตรของนายแจ้ นางอินทร์ เกิดที่บ้านหัวตาบุตร หมู่ที่ 2 ตำบลละหาร(ปัจจุบันเป็นหมู่ 1 ตำบลหนองบัว) อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน 7 ปีเถาะ ตรงกับวันที่ 16 มถุนายน พ.ศ. 2422 เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2449 ตรงกับปีมะแม เดือน 6 วันเสาร์ขึ้น 7 ค่ำ ได้รับฉายานามสงฆ์ ว่า "อิสริโก" หลังจากบวชแล้วได้ศึกษาเล่าเรียนทางปฏิบัติสมถกัมมัฏฐานและศึกษาวิชาต่าง ๆ จนมีความรู้แตกฉาน ได้ออกจาริกปฏิบัติธุดงค์ไปตามจังหวัดต่าง ๆ เพื่อเจริญสมณธรรม ออกหาความวิเวกสันโดษตามอัธยาศัยเป็นเวลานานหลายปี ได้เคยจำพรรษาที่วัดนามะตูม ที่จังหวัดชลบุรี ได้ร่ำเรียนศึกษาวิชาเพิ่มเติมกับพระเกจิอารย์หลายรูป ทั้งพระสงฆ์และฆราวาสอีกหลายคน จากนั้นได้กลับมาจำพรรษาที่วัดละหารไร่ และได้รับนิมนต์จากชาวบ้านขึ้นมาเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ ตั้งแต่ พ.ศ. 2450 ท่านได้ก่อสร้างเสนาสนะบูรณสาธุโนปการมากมายให้เห็นเป็นที่ประจักษ์

หลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติ เป็นพระที่ยึดมั่นในพระธรรมและพระวินัยขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระมักน้อย สันโดษ ไม่ยินดียินร้ายในรูป รส กลิ่น เสียง ฉันอาหารเจเป็นประจำ ฉันภัตตาหารมื้อเดียวเวลาประมาณ 07.00 น. และฉันน้ำชาประมาณ 4 โมงเย็น จะไม่มีการฉันเพลเลย อาหารประเภทเนื้อสัตว์(หมู เป็ด ไก่) หรืออาหารคาวทุกชนิด ท่านจะไม่ยอมฉันแม้แต่น้ำปลา อาหารที่ท่านฉันส่วนใหญ่จะเป็นผักถั่ว หรือเส้นแกงร้อน(วุ้นเส้น) นำพริกกับเกลือป่น ปฏิบัติอย่างนี้มาเป็นเวลาถึง 50 ปี ร่างกายผิวพรรณ เนื้อหนังมังสาของท่านเป็นปกติอยู่ตามเดิม พละกำลังของท่านยังดีและสมบูรณ์อยู่เช่นเดิม ร่างการอ้วนท้วนพอสมควร ทั้งนี้ คงเป็นเพราะบุญบารมีของท่านที่สะสมมา จึงทำให้ท่านเป็นพระที่เคร่งครัด และบริสุทธิ์ในธรรมวินัย ดำงรงชีวิตอยู่ได้ถึง 96 ปี อายุพรรษา 72 พรรษา และได้มรณภาพด้วยโรคชรา

หลวงปู่ทิมท่านได้เล็งเห็นความสำคัญของการศึกษา ได้สร้างโรงเรียนเป็นสถานศึกษาของกุลบุตร ได้สร้างโบสถ์สำเร็จภายในปีเดียว เกียรติคุณของท่านขจรไกลเป็นที่รู้จักของสาธุชนทั้งหลาย ท่านมีความมั่งคงแน่วแน่หนักแน่นในพระธรรมวินัย ควรแก่การเคารพบูชา สมแล้วกับสมศักดิ์ที่ได้รับพระราชทาน ว่า"พระครูภาวนาภิรัติ" หมายถึง "ผู้มีความยินดียิ่งในการเจริญภาวนา" เพราะนอกจากเจริญภาวนาเเป็นกิจวัตรส่วนตัวแล้ว ยังได้สร้างสรรเสนาสนะ ทำความเจริญให้แก่วัด โรงเรียน และหมู่บ้าน เป็นการพัฒนาทั้งทางวัตถุ และบุคคลพร้อมกันไปในตัว ควรแก่โมทนาสาธุการเป็นอย่างยิ่ง และควรกราบไหว้ระลึกถึงจากบุคคลทั่วเยี่ยงนี้ตลอดไป...และขอโมทนาบุญกับเพื่อนสมาชิกที่ได้แวะเข้ามาอ่านนะคะ..สาธุ..สาธุ..สาธุ..

เขียนใน GotoKnow โดย จำเนียรวดี
ใน ไปนั่นมานี่ที่ประเทศไทย

หมายเลขบันทึก: 345999เขียนเมื่อ 21 มีนาคม 2010 13:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่าน