แล้วลูกศิษย์ ม.6ปีนี้ ก็จะจบไปอีกรุ่นแล้ว แต่ภารกิจของครูปีนี้เพิ่มมากกว่าเดิมอีกนิ๊ดด..ตรงที่ต้องตามทวงหนังสือยืมเรียนตามโครงการเรียนฟรี 15 ปี ที่รัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือนักเรียนให้ไม่ต้องซื้อหนังสือ ปรากฏว่านักเรียนยืมไปแล้วทำหาย ต้องไปซื้อเล่มใหม่มาคืนครู เสียตังค์อีกอยู่ดี... อันที่จริงการใช้หนังสือของนักเรียน โดยเฉพาะ ม.ปลาย เขาเรียนตั้งแต่ ม.4 แต่กว่าจะมาสอบ GAT PAT ก็ต้อง ม.6 เพราะฉะนั้นนโยบายยืมแล้วต้องคืน ไม่น่าจะเหมาะสมสำหรับเด็ก ทางที่ดีใช้ระบบเดียวกับชุดนักเรียน คือจ่ายเงินสนับสนุนมาจำนวนหนึ่ง แล้วให้นักเรียนไปซื้อหนังสือเป็นของตัวเองเพื่อจะได้ใช้ทบทวนไปตลอด 3 ปี แ้ล้วครูก็ไม่ต้องมีภาระในการทวง ที่สำคัญ ครูต้องเก็บหนังสือจำนวนมากในระหว่างช่วงปิดภาคเรียน ข้างโต๊ะครู(ซึ่งปกติก็เป็นหัวหน้ากองอยู่แล้ว)ก็มีหนังสือมากองท่วมโต๊ะ...อย่าบอกว่าให้ครูไปหาตู้มาเก็บสิ ก็ไม่มีที่วางตู้อยู่ดี ที่สำคัญคือไม่มีตังค์ซื้อตู้ คุณครูที่โรงเรียนเตือนกันว่า เวลาขึ้นไปบนตึกอย่าลืมเตรียมน้ำขวดไปด้วยและตรวจเช็คแบตเตอรีมือถือให้ดี เผื่อขึ้นไปแล้วตึกถล่ม..จะได้รอด ฮ่าฮ่าฮ่า
ภาระที่สำคัญอีกอย่างคือการแสดงความยินดีและให้พรแก่นักเรียนที่กำลังจะจบ ที่นักเรียนแขวนกันพะรุงพะรัง ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ช่วยให้ระลึกถึงความผูกพันระหว่างเพื่อน ถึงจะทำให้ดูติงต๊องไปเล็กน้อย ก็เป็นภาพประทับใจที่เป็นแบบนี้ทุกปี
ส่งศิษย์ถึงฝั่งฝัน คือสุขอัน..แสนเปรมปรีดิ์
เรือจ้างหวังเพียงมี ศิษย์ดีดี..สู่สังคม
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่านบันทึก
ขอบคุณนะคะ
สวัสดีค่ะพี่ต้อย
*** เรื่องและรูปในบันทึกน่าสนใจมากเลย
*** รุ่นเราไม่เห็นได้ทำอย่างนี้เลย...อดสวย
*** เรื่องหนังสือยืมเรียนนั่นก็อีก ช่วยลดโลกร้อน ไม่ต้องพิมพ์บ่อย เปลืองกระดาษ แต่ครูสุดร้อนลุ่มกับภาระที่เพิ่มขึ้น สงสารครูมัวแต่ยืม - คืนหนังสือ จนลืมสอน
*** ส่งรูปมุมที่ฟางพยายามสวยมาให้ป้าต้อยค่ะ
*** ตัวจริงน้ำหนักแค่ 83 ก.ก. แค่นั้นเอง...เบาหวิวววววววววว.....
ผมไม่ได้เข้ามานานยังคิดถึงครับ
สวัสดีปีใหม่! แบบไทยๆเราครับ
นักเรียนม.๖จบไปอีกรุ่นแล้วนะคะ เวลาช่างผ่านไปรวดเร็ว ใจหายทุกครั้งที่ถึงวันปัจฉิมนิเทศ มันเป็นความผูกพัน ห่วงหาอาทร ไม่รู้ว่าอาชีพอื่นๆเขาจะมีอาการอย่างนี้หรือเปล่านะคะ ตอนนี้ก็คอยลุ้นนักเรียนต่ออีก ว่าเขาจะได้ไปต่อทางใด รวมถึงลุ้นนักเรียนที่ทำท่าว่าจะจบม.๖ ในรอบสอง เอาใจช่วยขอให้เขาได้จบด้วยดี แม้ว่าบางคนจะเพิ่งมาขยันเอาเมื่อเพื่อนๆจบไปแล้ว มีอยู่คนหนึ่งต้องมาเก็บงานหลายตัว มาโรงเรียนทุกวันตอนปิดภาคเรียน ครูแซวว่านี่ถ้าหนูแต่งงานหนูจะเชิญครูไหมนี่ เพราะว่าหนูมาให้ครูเห็นหน้าทุกวันจนนึกว่าหนูเป็นญาติกับครูไปแล้ว เขาตอบทันทีโดยไม่ลังเลว่า ผมจะเชิญยกหมวดเลยครับ ฟังแล้วครูๆทั้งหลายอามณ์ดีหัวเราะกันคิกคัก พร้อมลั่นวาจาว่าครูไปแน่ เราได้มีโอกาสคุยกันทุกวันทำให้รู้ว่าบางทีที่เขา"ไม่ผ่าน"ในบางรายวิชาเป็นเพราะเรามีโอกาสพูดคุยกันน้อยไป นักเรียนจะ"กลัว"ครู เป็นความรู้สึกทีติดตัวมานาน นานจนตกผลึกว่า"ครู"เป็นบุคคลที่ไม่อยากไปเสวนาด้วย นี่ยุคที่ราคาทองคำตกบาทละ๑๗,๐๐๐กว่าแล้ว นักเรียนยังคิดแบบเก่าอีก นักเรียนบอกว่าครูหลายคนชอบบ่นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ เออ/... เพราะอะไรครูถึง"บ่น" ไม่ได้แก้ตัวแทนหรอกนะคะ เท่าที่ฟังดูครูเขาบ่นตามเหตุและผล เหตุเกิดก่อน ผลคือสิ่งที่ตามมา เฮอ/ นักเรียนไม่แก่บ้างก็ให้รู้ไป แก่เมื่อไรให้แวะมาคุยกับครูด้วยนะ จะรอ ขอสัญญา ๕๕๕
ได้เขียนระบายค่อยหายคิดถึง ข้อเขียนที่ไม่มีสาระแตก็พอจะมีเสี้ยวของสาระเจืออยู่บ้าง อาชีพครูนี่จะว่าไปก็ดีนะ ได้มีโอกาสรักคนอื่น และได้รับความรักตอบแทนกลับคืน (อันหลังนี่คิดเอาเอง) ไปละค่ะ ความสุขเป็นของคนที่อ่านด้วยนะคะ บายยยยย
มัวแต่ร้อนรุ่มกับข่าวเหตุการณ์บ้านเมือง(ตอนนี้ก็ยังร้อนอยู่) ไม่ได้เข้ามาติดตามข่าวสารเพื่อน พี่ น้อง